บทที่ 90 เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดกว่านก
“ข้าต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!” นางทวนประโยคนี้ในใจอยู่ซ้ำ ๆ
ในขณะที่ด้านข้างนาง จูปาเม่ยยังไม่ตื่น
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านช่องว่างของหน้าต่าง สาดส่องมายังใบหน้าด้านข้างของนาง
นางหลับสนิทราวกับกำลังฝันหวาน ริมฝีปากของนางปิดกระทบเข้าหากัน และกอดเย่อวี๋หรานแน่นขึ้น
เย่อวี๋หรานรับรู้ได้ถึงสัมผัสของแขนที่โอบรอบเอว และขาที่หนีบขาของนางอยู่ ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเมื่อคืนทำไมนางถึงฝันเช่นนั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะจูปาเม่ย ก่อนนอนยังเรียก ‘คุณชายกาน’ ครั้นนอนแล้วยังมากอดนางอย่างนี้ จะไม่ให้นางฝันเช่นนี้ได้อย่างไร?
ยังมีอีกข้อคือเพราะเจ้าของร่างเดิมและชายชราผู้เป็นสามีนั้นมีชีวิตอย่าง ‘ผู้มีประสบการณ์’ ร่างกายนี้จึงถูก ‘สอน’ ให้มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่มาก
ไม่แน่ว่าก่อนที่นางจะทะลุมิติมา เจ้าของร่างเดิมกับจูเหล่าโถวอาจจะใช้ชีวิตสามีภรรยากันบ้างในบางครั้ง ผลสุดท้ายหลังจากนางทะลุมิติมา ก็หาข้ออ้างในการแยกห้องนอนกับอีกฝ่าย
ดังนั้นนางคิดไปเองหรือเปล่า?
สามีภรรยานั้นความสัมพันธ์ต้องซื่อสัตย์ นี่คือหลักการทางศีลธรรมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
เดิมทีมันก็ไม่มีอะไรนัก แต่นางจะไปสนใจชายชราได้อย่างไร!
ตอนที่นางทะลุมิติมา แม้ว่านางจะอายุเยอะแล้ว แต่ก็แค่สามสิบต้น ๆ เท่านั้น เทียบกับเจ้าของร่างเดิมผู้นี้แล้ว นางก็ยังอายุน้อยกว่ามาก
และฝ่ายชายก็อายุสามสิบเช่นกัน ชายชราสารเลว….
เย่อวี๋หรานคิดเรื่องนี้ก่อนจะสลัดทิ้งในท้ายที่สุด ช่างมันก่อน นาง ‘หิว’ มากกว่า และไม่อยากกลืนพุทราทั้งลูกโดยไม่เคี้ยว[1]
เฮ้อ … นางผลักคนข้างตัวทีหนึ่ง ดูเหมือนคุณชายกานจะมีพื้นที่ในจินตนาการบางอย่าง
ไม่รู้ว่าครั้งหน้าที่เจอเขา นางจะละอายหรือไม่ จะรู้สึกกระอักกระอ่วนรึเปล่า?
ยามที่เย่อวี๋หรานลุกขึ้นจากเตียง ลูกสะใภ้หลายคนก็ล้วนลุกขึ้น ต่างคนต่างกำลังยุ่ง
หลังมื้อเช้า พวกผู้ชายไปที่ทุ่งนาเพื่อเกี่ยวข้าว ส่วนพวกผู้หญิงมีหน้าที่เรื่อง ‘นวดข้าว’ ต่อ
แม้ว่าเย่อวี๋หรานจะคิดวิธีดี ๆ ที่จะใช้ฟางโต่วแทนท่อนไม้ แต่การตากเมล็ดข้าวก็ทำให้นางจนปัญญา
ดินสมัยก่อนไม่เหมือนในปัจจุบัน ส่วนบ้านคนมีเงิน ดินทั้งผืนจะถูกปูด้วยพื้นหินเขียว แล้วครอบครัวชาวไร่อย่างพวกเขาจะสามารถปูพื้นเช่นนั้นได้อย่างไร?
แต่อาหารไม่สามารถตากแห้งบนพื้นดินได้ใช่หรือไม่?
ดังนั้นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนจึงเข้ามามีบทบาทในเวลานี้
นั่นคือ ‘เสื่อ’
ปูเสื่อบนลานบ้านทีละผืน ตีข้าวบนเสื่อด้วยการกางออก แล้ว ‘เสริม’ ด้วยคราดฟันตะปูไม้ไผ่คล้าย ‘อุ้งมือของเด็ก’ สองสามครั้ง รวบรวมและทำความสะอาดกิ่งไม้ที่ร่วงหล่นกระจัดกระจาย
เวลานี้มักจะใช้เด็ก ๆ ในบ้าน ด้วยการให้ตะบองไม้ไผ่แก่พวกเขา เพื่อรับผิดชอบเฝ้าขับไล่พวกนกที่จะมาขโมยข้าว
ถ้าเด็ก ๆ ไม่ยอมทำ เช่นนั้นผู้ใหญ่ก็ต้องออกไปเฝ้าด้วยตัวเอง
อาหารที่หามาได้อย่างยากลำบากจะให้นกกระจอกมากินได้อย่างไร?
ต้าเป่าและเอ้อร์เป่านั้นรู้ความมาก ครั้นเห็นว่าครอบครัวเริ่มตากข้าวแห้งก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านกับจูชีอีก ทั้งสองคนอยู่เฝ้าในลานบ้าน
แม้จะน่าเบื่อสักหน่อย แต่พวกเขาต่างฝ่ายต่างทดสอบกันด้วย ‘คำถาม’ ตั้งแต่การบวกลบไปจนถึงการท่องจำประโยค หาความสนุกในแบบของตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น ต้าเป่ายังออกความเห็นดี ๆ ด้วยการไปหากระบุงอันหนึ่งมาและใช้ไม้ไผ่ค้ำด้านล่างเพื่อจับนก
เด็ก ๆ พวกนี้ขโมยอาหารจากบ้านตัวเองมา ‘เล่นเกม’ จับนก เย่อวี๋หรานแสร้งทำเป็นไม่เห็น และลอบสังเกตอย่างเงียบ ๆ ว่าพวกเขาจะจับได้หรือไม่
นี่เป็นเรื่องของความอดทน
สำหรับการสังเกตนก ถ้าไม่ใช้สายตาและความว่องไว เป็นไปได้ว่านกจะได้ยินการเคลื่อนไหวและหนีไปก่อนที่กระบุงจะหล่นลงมา
“คิก ๆ…” จูปาเม่ยปิดปากของนางที่ประดับรอยยิ้ม และแอบพูดกับเย่อวี๋หรานว่า “ท่านแม่ ท่านคิดว่าพวกเขาโง่หรือเปล่าเจ้าคะ ถ้าตอนที่นกนั่นเข้าไปแล้วไม่ดึง แต่คนเดินไปดึงแล้วจับมันได้สิแปลก”
เย่อวี๋หรานเหลือบมองนาง “เจ้าคิดว่าฉลาดกว่านกหรือไม่? ถ้าพวกมันจับง่ายเพียงนั้นก็คงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว”
แน่นอนว่าเด็ก ๆ รอให้นกกระจอกเข้าไปในกระบุงก่อนจะดึง เพียงแต่พวกเขามีความลังเลเล็กน้อยที่จะให้นกกินอีกสักครู่จึงรีบดึงเกินไป นกที่ตื่นตัวอยู่ตลอดและยังอยู่ในระยะปลอดภัยก็หนีไปอย่างรวดเร็ว
“แล้วท่านแม่ยังจะปล่อยให้พวกเขาจับอยู่อีกหรือเจ้าคะ?” จูปาเม่ยมึนงง
“เด็กที่ไม่ซนยังจะเป็นเด็กอยู่อีกหรือ” เย่อวี๋หรานพูด “อีกอย่างเจ้าคิดว่าการจับนกกระจอกเป็นเรื่องง่ายหรือไม่? สติปัญญา สายตา ความอดทน การตัดสินใจ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือ ทุกอย่างต้องประสานกัน คงแย่นิดหน่อยถ้าพวกมันบินหนีไป ไม่มีอะไรให้เด็ก ๆ เล่น แต่มันก็ไม่เป็นไร เด็กจากครอบครัวชาวไร่ ถ้าไม่เล่นจับนกแล้วยังเรียกว่าเป็นเด็กจากครอบครัวชาวไร่อีกหรือ”
จูปาเม่ยพูดไม่ออก “แต่ปีที่แล้วท่านแม่ไม่ปล่อยให้พวกเขาเล่นเลยนะเจ้าคะ”
“นั่นมันปีก่อน ๆ ตอนนี้พวกเขาโตแล้ว” เย่อวี๋หรานไม่กล้ายอมรับว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ยอมให้เล่นกัน เพราะเกรงว่าจะสูญเสีย ‘อาหาร’
แต่นางรู้สึกว่ามันจะเสียมากสักแค่ไหนกันเชียว?
หรือตอนที่เมล็ดข้าวโตบนข้าวเปลือก แล้วจะไม่มีนกกระจอกมาขโมยกิน?
เมื่อเทียบกับกระบุงขยะแล้ว เย่อวี๋หรานรู้สึกว่าบางทีอาจจะมีวิธีที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว อย่างเช่นการวางยา
“ต้าเป่า” เย่อวี๋หรานตะโกนเรียก
“ขอรับ ท่านย่า ข้ามาแล้วขอรับ” ต้าเป่าลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว วิ่งไปโดยไม่แตะต้องขี้เถ้าบนพื้น
“แปะ ๆ เป็นสีเทาหมดเลย”
ต้าเป่ารีบตอบทันที “ท่านย่าขอรับ ข้าทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว”
“เจ้าคิดว่าวิธีแบบนั้นจะจับนกกระจอกได้รึ?” เย่อวี๋หรานเอาม้านั่งข้าง ๆ ออกมา และถามต่อ
“ข้าไม่รู้ขอรับ” ต้าเป่าเกาหัว “แต่รู้สึกว่ายากมากขอรับ”
เมื่อก่อนต้าเป่าเคยได้ยินเพื่อนพูดถึงการจับนกกระจอก น่าเสียดายที่เขาไม่เคยทำได้เลย คาดไม่ถึงว่าปีนี้จะปล่อยให้เขาจับนกกระจอกตามใจตัวเอง เขาดีใจแทบตาย
เขารีบคิดว่าเพื่อนของเขาจับมันได้อย่างไร หลังจากหาเครื่องมือทั้งหมดแล้ว เขาก็ยุ่งอยู่กับอาเจ็ดและน้องชายคนรองของเขา
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปครึ่งวันแล้วข้าวก็เสียไปเปล่า ๆ แต่จับนกกระจอกไม่ได้สักตัวเดียว
ต้าเป่าคิดอยากยื่นมือออกไป แต่ก็รีบร้อนไปเองตามธรรมชาติ ตอนนี้พอท่านย่ามาถาม จึงยิ่งลุกลี้ลุกลน ทำได้แค่สัญญาไปว่า ข้าแน่ใจว่าจะสามารถจับได้ขอรับ ท่านให้ข้าลองจับอีกครั้งเถอะขอรับ
“เจ้าคิดว่านอกจากการใช้กระบุงแล้วยังสามารถใช้วิธีอื่นจับนกกระจอกได้หรือไม่?” เย่อวี๋หรานถามเป็นแนวทาง
ต้าเป่าคิดแล้วคิดอีก “ตระกร้า?”
เย่อวี๋หราน “…..”
ต้าเป่ารู้ดีว่าตัวเองตอบผิด จึงรีบพูดหลายอย่างที่คล้ายกับกระบุง
จูปาเม่ยที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินก็หัวเราะคิกคัก
ต้าเป่าไม่กล้าตำหนิอีกฝ่ายที่หัวเราะ เขาเพียงแค่เขินอายจนหน้าแดง ถามเย่อวี๋หรานว่าเขาเดาไม่ถูกใช่หรือไม่?
“ก็ไม่ได้ผิดไปเสียทั้งหมด สิ่งที่เจ้าพูดล้วนเป็นวิธีการทั้งหมด แต่มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น สิ่งที่ข้า จะบอกคือ เจ้าเคยคิดจะขยับมือและเท้าให้เมล็ดข้าวตกลงมา ปล่อยให้พวกมันกิน แล้วเจ้าก็ไปเก็บพวกมันมาหรือไม่?”
“ไปเก็บพวกมันมาหรือขอรับ?” ดวงตาของต้าเป่าเบิกกว้าง “ท่านย่า ในโลกนี้มีเรื่องดี ๆ อย่างนี้ที่ไหนกันขอรับ?”
“ใครบอกว่าไม่มีเล่า? ก็อย่างที่รู้ว่ามีวิธีพื้นบ้านอย่างการนำดอกเน่าหยางฮวาแช่ในน้ำสะอาดหนึ่งวัน จากนั้นนำข้าวฟ่างไปแช่ในน้ำสะอาดที่แช่ด้วยดอกเน่าหยางฮวา นำออกมาผึ่งแดดให้แห้ง แล้วโรยไปตามบริเวณที่นกกระจอกมักจะมากิน ขอเพียงพวกมันกินเข้าไป ก็จะเมาอยู่ที่พื้นแน่นอน ถึงตอนนั้น เจ้าก็แค่เก็บมันขึ้นมาไม่ใช่รึ?”
[1] กลืนพุทราทั้งลูกโดยไม่เคี้ยว เป็นสุภาษิตจีน ใช้เปรียบคนที่ไม่เข้าใจอะไรอย่างถ่องแท้ แล้วหลับหูหลับตาสรุปตามความเข้าใจของตน หรือไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็ทำเป็นอวดดีอวดเก่ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
QLZKIMYA
เจอโค๊ดแล้วอย่าเพิ่งเมินเฉย โค๊ดนี้สามารถนำมากรอกเพื่อรับเหรียญได้ที่เว็บไซต์ Enjoybook
ไปที่โปรไฟล์ >> รหัสแลกรับ >> ใส่โค๊ดที่ได้ (ตัวพิมพ์ใหญ่)
ลุ้นรับเหรียญสูงสุด 100 เหรียญ ตั้งแต่วันนี้ – 30 ตุลาคม
ด่วน! ใครใช้โค๊ดก่อน ได้เหรียญก่อนนะ
MANGA DISCUSSION