บทที่ 89 ฝันเช่นนี้ได้อย่างไร?!
หลังกินอาหารเสร็จเย่อวี๋หรานก็มอบหมายให้ลูกสะใภ้หลายคนทำงาน ส่วนตัวเองจ้องมองไปยังหลี่ซื่อที่นำเนื้อกระต่ายไปดอง
เมื่อคืนยามที่นางหลับ จูปาเม่ยกระซิบถามนางว่า “ท่านแม่? คุณชายกาน แท้จริงภูมิหลังเป็นเช่นไรกันแน่เจ้าคะ?”
“ไม่ว่าภูมิหลังเขาจะเป็นเช่นไร ข้าไม่ได้พูดแล้วหรือว่าให้ปิดปากไว้ให้สนิท” เย่อวี๋หรานหลับตากล่าว
ยามค่ำคืนจิตใจที่เต็มไปด้วยความสงสัยของจูปาเม่ยถูกปิดบังไว้ ทว่านางทนแล้วทนอีก ในที่สุดก็ถามออกมา “ท่านแม่ ท่านคิดว่าคุณชายกานมาจากตระกูลที่ร่ำรวยอย่างที่ท่านกล่าวหรือไม่เจ้าคะ?”
“อาจจะ”
“เช่นนั้น…ท่านแม่เจ้าคะ ท่านไม่ใช่ว่าพูดเองหรือว่าจะส่งข้าไปเป็นสาวใช้ของตระกูลใหญ่?” จูปาเม่ยกล่าวเตือนความจำอย่างสุภาพ ตนอายุสิบปีแล้ว ถ้ารอต่อไปไม่ใช่ว่าจะอายุมากเกินไปแล้วหรือ?
เย่อวี๋หรานนึกไม่ถึงว่าจูปาเม่ยจะมีความคิดที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ต่อคุณชายกาน
คราแรกที่พบกัน จูปาเม่ยถูกความเย็นชาของกานอี้เซียนตะปบเข้า ตามหลักแล้วควรจะหยุดความคิดเช่นนี้ แล้วเหตุใดยังเป็นเช่นนี้อีก?
“เจ้าไม่อยากไปกินเนื้อกับพวกนั้นแล้วรึ?” เย่อวี๋หรานนึกถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง
“ท่านแม่…” จูปาเม่ยเขินอายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแสดงท่าทีออดอ้อน “ถ้ามีเนื้อพอให้ข้ากิน เช่นนั้นมิใช่ว่าพวกเราทุกคนล้วนได้กินเนื้อไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”
เย่อวี๋หรานหมดคำพูดไปครู่หนึ่ง “…”
เจ้าของร่างเดิมสอนหญิงสาวของตระกูลนางให้มีความทะเยอทะยานขนาดนี้เชียวหรือ?
มิใช่ว่าต้องให้จูปาเม่ย ‘ล้าง’ สมองเสียหน่อยหรือ? ไม่เช่นนั้นปณิธานเช่นนี้ของจูปาเม่ยจะสร้างปัญหาให้นางเข้าสักวัน
“นอกจากกินเนื้อ เจ้าไม่มีความคิดอื่นหรือ?”
“มีเจ้าค่ะ” จูปาเม่ยกล่าว “ชุดที่คุณชายกานสวมงดงามมาก ท่านแม่ นั่นคือผ้าไหมใช่หรือไม่? ข้าไม่รู้เลยเจ้าค่ะว่าถ้าสวมมันแล้วจะรู้สึกอย่างไร…”
“อืม ยังมีอีกหรือไม่?”
“มือของคุณชายกานขาวและละเอียดอ่อนมากเจ้าค่ะ ขาวกว่ามือของหญิงสาวเสียอีก”
มุมปากของเย่อวี๋หรานกระตุก มือของกานอี้เซียนเป็นเช่นไรนางยังไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ
จูปาเม่ยพูดพล่ามไม่รู้จบถึงรายละเอียดมากมายที่เย่อวี๋หรานไม่ทันสังเกต และไม่รู้ด้วยว่าแม่ลูกทั้งสองผล็อยหลับไปเมื่อใด
จนกระทั่งนางผล็อยหลับไป ภายในจิตใจของเย่อวี๋หรานราวกับมีเพียงมืออัน ‘ขาวละเอียดอ่อน’ อยู่เบื้องหน้า
มือคู่นั้นเป็นเช่นไรกัน?
นิ้วมือเรียวยาวขาวผ่องราวต้นหอม มีรากชัดเจนราวกับส่องประกาย
มันโบกไปมาต่อหน้านาง เสียงอันไพเราะกระซิบข้างหู “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
เย่อวี๋หรานเงยหน้าขึ้น เจ้าของมือที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือกานอี้เซียนที่คลี่ยิ้มอยู่ตรงหน้านาง
เขามีลักยิ้มคู่หนึ่งที่มุมปาก ยามที่ยิ้มดูราวกับเด็กน้อย ไร้เดียงสา ทั้งยังบริสุทธิ์ ทำให้ใจคนรู้สึกดีขึ้น
เป็นครั้งแรกที่เย่อวี๋หรานพบว่าวันหนึ่งนางจะหลงใหลรอยยิ้มของใครสักคน นี่นางเป็นพวกบ้าลักยิ้มงั้นหรือ?
“หือ?” เย่อวี๋หรานไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเขากำลังพูดอะไร
นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่คิดไม่ออกว่ามีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง
“ข้าพูดว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” กานอี้เซียนถามซ้ำอีกครั้ง
“ทำอะไร? ข้าหรือ?” เย่อวี๋หรานชี้นิ้วมาที่ตัวเอง นางหันไปมองรอบด้านก็พบกับพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสีขาวอันไกลสุดลูกหูลูกตาผืนหนึ่ง
ศาลาเพียงหนึ่งเดียวที่ทั้งคู่ยืนอยู่ไม่ได้ถูกหมอกขาวปกคลุมไปเสียหมด และยังมีเสาสีหยกขาวปรากฏออกมา และดอกซานฉาฮวาสีชมพูอ่อนเล็ดลอดเข้ามาจากภายนอก ดูงดงามยิ่งนัก
“ที่นี่คือที่ใด?”
เย่อวี๋หรานรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จักที่แห่งนี้
แต่หากไม่รู้จักแล้วทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
“เจ้าพาข้ามาที่นี่หรือ?”
คำถามสามข้อติด ๆ กันเช่นนี้ทำให้กานอี้เซียนมีสีหน้าแปลกใจ “เจ้าถามข้าหรือ? เป็นเจ้าที่พาข้ามา”
“ข้าพาเจ้ามา?” เย่อวี๋หรานงุนงง “เจ้าแน่ใจรึ? ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน”
“ข้าแน่ใจ ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าที่นี่คือที่ใด ข้าเพิ่งถามเรื่องนั้นกับเจ้า”
“เช่นนั้น…ทำไมข้าถึงเรียกเจ้ามาที่นี่?” เย่อวี๋หรานรู้สึกว่านางต้องการเบาะแสบางอย่าง
กานอี้เซียนส่ายหัว “ข้าไม่รู้ ดูเหมือนเจ้าเรียกข้ามาดูหนังสือภาพบางอย่าง”
“หนังสือภาพ?” ทันทีที่สามคำนี้ถูกเปล่งออกมา เย่อวี๋หรานก็พบว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนโต๊ะหินเบื้องหน้าพวกเขา บนปกเขียนไว้ว่า ‘เรื่องราวของหิน’
รู้สึกราวกับเคยเห็นชื่อนี้ที่ไหนสักแห่ง?
เย่อวี๋หรานหยิบมันขึ้นมา แต่คาดไม่ถึงว่าชื่อหนังสือที่ดูจริงจังขนาดนี้ ภายในหนังสือกลับเป็นภาพอีโรติก?!
นางเบิกตากว้าง “นี่…นี่มันอะไรกัน?!”
“อะไรรึ?” กานอี้เซียนได้ยินเสียงร้องของนางก็มองมาก่อนจะยิ้ม “หึ ๆๆๆ…ที่แท้ ภรรยาที่รักของข้าก็เรียกข้ามาที่นี่เพื่อดูสิ่งนี้~”
น้ำเสียงนั้นลดต่ำลง และเต็มไปด้วยแรงดึงดูดแสนเย้ายวน ใบหน้าของเย่อวี๋หรานแดงก่ำ รีบโบกมือทันที “ไม่ใช่ ๆ…ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“ภรรยาข้า เจ้ายอมรับเถิด กล้าทำต้องกล้ารับ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าพูดเอง!” ใครบางคนหยิบหนังสือออกจากมือนาง พลิกเปิดไปหน้าหนึ่งก่อนจะชี้ให้นางดู “เจ้าคิดว่าท่านี้เป็นอย่างไร?”
เห็นได้ชัดว่าเย่อวี๋หรานไม่อยากมอง แต่ดวงตาก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบมอง
แม้นางจะไม่ได้ดูอย่างละเอียด แต่ก็กวาดตามองรอบหนึ่ง ซึ่งนั่นเต็มไปด้วยคำอุปมาของการแอบรัก ทันใดนั้นความคิดทั้งหมดของนางก็ถูกปกคลุม ในสมองล้วนเต็มไปด้วยภาพฉากนั้น
ถึงขนาดคิดว่าทั้งหมดนั้นขัดกับโครงสร้างทางกายภาพอย่างรุนแรง จะไปทำได้อย่างไร?!
อ๊า ๆๆๆ ทำไมนางถึงต้องคิดคำถามแบบนี้?!
นางต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ!
กานอี้เซียนคว้าเอวของนางพลางถามด้วยรอยยิ้ม “พวกเรามาลองกันดีหรือไม่?”
“ไม่เอา! ไปให้พ้น!” เย่อวี๋หรานตกใจรีบแกะมือของเขาออก ไม่ให้เขาทำตัวรุ่มร่ามกับนางอีก
แต่นางกลับพบว่าพละกำลังของชายผู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่นางจะสามารถต้านทานได้ ไม่ว่านางจะแกะมือออกอย่างไร ล้วนไม่สามารถขยับนิ้วของเขาได้สักนิ้วเดียว
ในทางกลับกัน นางจ้องมองนิ้วมือที่ถูกตัดแต่งอย่างเกลี้ยงเกลา และยังส่องแสงอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับเพ้อฝัน นิ้วมือของเขาละเอียดอ่อนและงดงามมาก!
“ไม่เอาอะไร? ภรรยา เจ้าอย่าปากไม่ตรงกับใจได้หรือไม่? เห็น ๆ อยู่ว่าเจ้านัดข้าออกมาแล้วเหตุใดจึงกลับคำเล่า? พวกเราเป็นสามีภรรยาที่แต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้ว เจ้ายังจะเขินอายอะไรอีก?” กานอี้เซียนพูดพลางรวบตัวนางขึ้นมา
“กรี๊ด!…” เย่อวี๋หรานร้องเสียงแหลม ทั้งร่างถูกแขวนไว้กลางอากาศก่อนจะวางลงบนโต๊ะหิน
กระโปรงผ้าไหมบางเบาของเธอถูกปลดลงพื้น
ดอกซานฉาฮวาราวกับใบหน้าสีแดงระเรื่อ มันถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงขับให้โดดเด่น
หมอกสีขาวรอบ ๆ กระจายตัวลึกลงไป ราวกับต้องการซ่อนทั้งหมดไว้
เย่อวี๋หรานหอบหายใจขณะตื่นขึ้นมา นางเช็ดหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก
ตกใจแทบตาย นางไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมถึงฝันเช่นนั้นได้?!
ข้ากำลังจะบ้าอยู่แล้ว นึกไม่ถึงว่าข้าจะ ‘เพ้อฝัน’ ถึงกานอี้เซียน
เมื่อนึกถึงคุณชายคนนั้นที่ได้พบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง นางพลันพูดไม่ออกอยู่นาน
หากเป็นนางในชีวิตก่อน ครั้นเห็นผู้ชายหล่อเหลาเช่นนี้ ไม่แน่อาจเหลือบมองสักสองสามครั้ง
ของสวย ๆ งาม ๆ ใครบ้างที่จะไม่ชอบ?
เพียงแต่สถานะปัจจุบันของนางตอนนี้คือหญิงแก่ชาวไร่คนหนึ่งที่มีลูกเจ็ดแปดคน อีกทั้งชายเฒ่าที่เป็นสามีก็ยังไม่ตายจาก แล้วนางกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร?
MANGA DISCUSSION