บทที่ 65 วิวาท
หลินต้าเซิงและสะใภ้ใหญ่สกุลหลินฉวยจอบตรงมุมกำแพงขึ้นมา
ครั้นได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’ ประตูเรือนก็ถูกพวกจูต้ากระแทกเปิดออกแล้ว
สิ่งกีดขวางตรงประตูเรือนหายไป ภาพพี่น้องสกุลจูที่แลดูดุร้ายสะท้อนสู่สายตาของหลินต้าเซิงและสะใภ้ใหญ่สกุลหลิน พวกเขาจึงทำใจกล้าเดินออกมารับหน้า
พวกจูต้าไม่ได้เข้ามา เมื่อเห็นว่าข้างในมีผู้ชายคนเดียวก็พากันแหวกทางออก เผยให้เห็นเย่อวี๋หรานที่ถือมีดทำครัวด้วยสีหน้าเย็นเยือก
หลิ่วซื่อและหลิวซื่อเตรียมตัวเตรียมใจ พวกนางถืออาวุธตามหลังแม่สามี
เย่อวี๋หรานเดินเข้าไปในประตูเรือนสกุลหลินด้วยท่าทางพร้อมเอาเรื่อง นางตรงไปหาทั้งสามคนที่อยู่ในเรือน คาดเค้นถามเสียงดังว่า “ใครผลักลูกสะใภ้ของข้า? แสดงตัวออกมาเถอะ”
เสียงนี้ดังขึ้น ทำให้หลินต้าเซิงและสะใภ้ใหญ่สกุลหลินที่มีท่าทางอ่อนแอปวกเปียกอยู่แล้วมองไปทางแม่เฒ่าหลินอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ข้าเอง แล้วจะทำไม?” แม่เฒ่าหลินตอบกลับไปเสียงดัง นางเป็นใหญ่ในเรือนสกุลหลินจนชิน จะมากน้อยก็ยังมีความกล้าหาญอยู่บ้าง
“เฮอะ!” เย่อวี๋หรานยิ้มเย็น “กล้ารับก็ดี ข้ายังนึกว่าหากข้ามาแล้วหาตัวการไม่เจอ ก็คงจะไม่ได้คิดบัญชีและมาเสียเที่ยวแล้วเสียอีก”
นางพูดจบก็ปรี่เข้าไปหาแม่เฒ่าหลินพร้อมกับมีดในมือ ท่าทางราวกับพร้อมจะเสี่ยงชีวิตกับฝ่ายตรงข้าม
“กล้าลงมือกับลูกสะใภ้ห้าของข้า กลับไม่ดูเสียหน่อยว่าข้าเป็นใคร ข้าจะใช้มีดเด็ดกบาลเจ้าซะ!”
มีดหั่นผักส่งเสียงแหลมขณะกวาดไปทางศีรษะของแม่เฒ่าหลิน
แม่เฒ่าหลินคิดไม่ถึงว่าหญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้มาถึงก็จะตีคน ยังนึกว่าต้องทำสงครามน้ำลายกันก่อน จึงเร่งหลบออกไปด้วยสัญชาตญาณ
การหลบครั้งนี้ประจวบเหมาะพอดี เดิมทีเย่อวี๋หรานก็ไม่คิดฆ่าคน นางแค่ทำท่าดุร้ายให้อีกฝ่ายหวาดกลัวเท่านั้น
มีดเล่มนั้นตกลงข้างหูแม่เฒ่าหลินราวกับฟันไม่แม่น แต่ที่จริงเย่อวี๋หรานตั้งใจฟันไปทางนั้น
ครั้นเห็นแม่เฒ่าหลินตกใจ เย่อวี๋หรานก็ตอบสนองรวดเร็วราวกับคำนวณมาล่วงหน้าแล้ว เท้าของนางจึงถีบไปที่ท้องของอีกฝ่าย
โครม!
แม่เฒ่าหลินที่ถือมีดอยู่ไม่ทันได้ดีใจที่ตนเองหลบพ้น บั้นท้ายก็กระแทกลงพื้นไปเสียแล้ว
ตามมาด้วยมีดหั่นผักของเย่อวี๋หรานที่หยุดลงตรงหน้าผากของนางพอดี “อย่าขยับ! ถ้าขยับข้าจะฟันเจ้าซะ!”
จวบจนตอนนั้น เย่อวี๋หรานจึงได้ถอนหายใจออกมา
นางมาอาละวาดเช่นนี้ย่อมไม่คิดจะเอาชีวิตคน นางทำท่าดุดันก็เพื่อให้อีกฝ่ายกลัว
แต่ตราบใดที่เรื่องยังไม่มีบทสรุป นางก็ได้แต่กัดฟันทำต่อไป เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างยังเป็นไปด้วยดี อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ทุกอย่างล้วนอยู่ในความคาดเดาของนาง
แม่เฒ่าหลินแน่นิ่ง “มี มีอะไรก็ค่อย ๆ พูด…”
บัดนี้คมมีดอยู่ตรงหน้า แม่เฒ่าหลินคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งตนเองจะได้ใกล้ชิดกับมีดหั่นผักถึงเพียงนี้
ถ้ามีดนี้ฟันลงมา นางจะยังมีชีวิตอยู่หรือ?
หลิ่วซื่อกับหลิวซื่อที่เห็นฉากนี้ได้แต่กรีดร้องในใจ
ฮืออออ … แม่สามีน่ากลัวยิ่งนัก!
ท่านแม่ ความเคลื่อนไหวนี้จะคล่องแคล่วเกินไปหรือไม่?! แม่เฒ่าหลินเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่สามีกลับไม่มีกำลังจะต่อกรเลยสักนิด
จากนั้นพวกนางก็รีบคิดว่าตนเองเคยไปล่วงเกินอะไรแม่สามีหรือไม่ อย่าได้ให้แม่สามีมาคิดบัญชีได้เชียว
ในขณะที่หลินต้าเซิงและสะใภ้ใหญ่สกุลหลินต่างก็หวาดผวา และครุ่นคิดในใจ
ท่านแม่ หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว?!
ท่านแม่ยังกล้าประมือกับนางหรือ ไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ!
ส่วนพ่อเฒ่าหลินกับหลานชายลอบมองสถานการณ์ด้านนอกผ่านร่องประตู หัวใจพวกเขาเต้นโครมคราม ตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าหญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้ไม่เสียทีที่เป็นหญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ตามคำเล่าลือ ไม่อาจไปมีเรื่องด้วยได้
ส่วนบรรดาคนที่อยู่ข้างนอก แม้จะเห็นเหตุการณ์ไม่ชัดเจนเท่ากับคนที่อยู่ข้างใน แต่ภาพที่แม่เฒ่าหลินถูกสั่งสอนนั้น พวกเขาเห็นตั้งแต่ต้นจนจบและหวาดผวาไปทั้งตัวแล้ว พลันรู้สึกโชคดียิ่งนักที่ตนเองไม่เคยไปมีเรื่องกับหญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ ไม่อย่างนั้นด้วยท่าทางดุร้ายของฝ่ายตรงข้าม ตนเองก็คงจะจบเห่กันพอดี คนอื่นแค่วางมาดดุร้าย แต่หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์กลับเอาถึงตาย ไม่อาจไปล้อเล่นด้วยได้
“เฮอะ! ตอนที่เจ้าทำลูกสะใภ้ข้าแท้ง ทำไมเจ้าไม่พูดดี ๆ ? หา! คนดุร้ายกลัวคนบ้า คนบ้ากลัวคน ไม่กลัวตาย ใช่หรือไม่? สะใภ้ห้าอายุยังน้อย หน้าบาง และเจ้ายังเป็นย่าของนาง นางจึงไม่กล้าอาละวาดใส่เจ้า แน่จริงเจ้าก็มาหาข้าสิ เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้ารึ? อย่างมากข้าก็แค่ชดใช้ชีวิตให้เจ้า” เย่อวี๋หรานยิ้มเย็น “แต่ด้วยสภาพของเจ้า ยังคิดจะให้ข้าเอาชีวิตมาชดใช้? ข้านั่งอยู่เป็นเพื่อนเจ้าสักครู่ก็ถือว่าชดเชยให้แล้วเถอะ”
“อุ๊บ…” ด้านนอกเรือน มีคนอดไม่ไหวจนต้องหัวเราะขึ้นมา
คนอื่น ๆ มองมาทางเขาอย่างตำหนิ เขารีบหดคอปิดปาก เขาไม่ได้อยากหัวเราะสักหน่อย แต่หญิงเฒ่าร้ายกาจผู้นั้นพูดได้น่าขันเกินไปแล้ว!
แม่เฒ่าหลินมองมีดที่อยู่เหนือศีรษะ ไม่กล้าตอบโต้แม้แต่น้อย “ข้า…ข้าไม่ทันระวัง ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่านางจะท้องเร็วปานนี้…”
“นางแต่งเข้าบ้านสกุลจูมาตั้งนานแล้ว ยังจะท้องไม่ได้หรือ? ว่าอย่างไร สะใภ้สกุลจูจะท้องหรือไม่ท้อง ยังต้องให้เจ้าตัดสินใจด้วย?”
แม่เฒ่าหลินย่อมไม่กล้าพูดเช่นนั้น จึงรีบอธิบายว่า “เปล่า ๆ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ถึงอย่างไรเหลียนฮวาก็เป็นหลานสาวข้า ถ้าข้ารู้ว่านางท้องอยู่ จะลงมือกับนางหนักขนาดนั้นได้อย่างไร? ตอนนั้นข้าผลักเบา ๆ จริง ๆ นะ… ใครจะคิดว่านางจะล้มลงบนพื้นแล้วแท้งไปแบบนั้น นางเก็บเงียบไม่ยอมพูด ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ ถ้านางบอกก่อน ข้าจะไม่แตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้วแน่นอน”
แม่เฒ่าหลินพูดเรื่องที่ทำร้ายลูกสาวคนรองของบ้านเจ้าสามออกมาจนหมด
มีดเล่มหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้าคล้ายสั่งให้นางพูด สมองนางขาวโพลน ความคิดไม่คล่องแคล่วเหมือนเดิมอีก
“เฮอะ! นางมีความคิดอะไรได้? ลูกสะใภ้หมาด ๆ คนหนึ่งจะรู้อะไรมากมาย? ข้ายังไม่รู้เลยว่านางท้อง ถ้ารู้ว่าตัวเองท้อง นางยังจะมาเฝ้าไข้คนป่วยรึ? หลานสาวของเจ้าเป็นอย่างไร เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?” เย่อวี๋หรานไม่ลืมคาดคั้นถามแม่เฒ่าหลิน ไม่ปล่อยให้นางปัดเรื่องราวจนพ้นตัว
“ลูกสะใภ้หลายคนในบ้านข้า มีคนไหนบ้างที่ข้าไม่เลี้ยงอย่างดี สะใภ้สี่ของข้าอุ้มท้องโตขนาดนั้น วันนี้ตอนเช้ายังออกไปขายของที่ตลาดนัดกับข้า ทำไมนางถึงไม่เกิดเรื่อง? อ้อ ส่วนลูกสะใภ้ห้าคนนี้ นางกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม แค่ถูกย่าอย่างเจ้าผลักเบา ๆ ก็แท้งแล้ว? นั่นคือผลักเบา ๆ จริงหรือ? ต้องผลักเบา ๆ แค่ไหนถึงทำให้คนท้องที่ยังดี ๆ อยู่ถึงกับแท้งได้?”
หากกล้าพูดว่าผลักเบา ๆ เช่นนั้นข้าก็กล้าสาดน้ำครำกลับไปใส่เจ้า
ในยุคสมัยนี้ หากสะใภ้ยังสาวคนไหนถูกติดป้ายว่า ‘แท้งง่าย’ แล้วต่อไปยังจะมีชีวิตที่ดีได้หรือ?
นับประสาอะไรกับหลินซื่อที่ยังมีน้องสาวอยู่อีกสองคน ในอนาคตน้องสาวของนางยังจะออกเรือนได้หรือ?
เย่อวี๋หรานไม่รู้จะพูดอย่างไรกับท่าทางไร้ยางอายของแม่เฒ่าหลินแล้ว
ส่วนแม่เฒ่าหลินก็เพิ่งได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่า หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ไม่เพียงดุร้ายป่าเถื่อน แต่ฝีปากยังคมคาย ตนเองย่อมสู้ไม่ได้ ฝ่ายตรงข้ามใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ เหยียบย่ำนางอยู่ใต้ฝ่าเท้า ทั้งยังว่านาง “ไม่ใช่คน” แต่เป็นย่าใจโหดที่รังแกหลานสาวของตัวเอง
MANGA DISCUSSION