บทที่ 63 เกิดเรื่องกับหลินซื่อแล้ว
คนสวนดอกไม้ไม่ยินดีให้ลูกสาวไปเป็นอนุภรรยาของนายท่านผู้เฒ่า จนทำให้ผู้เป็นนายเสียหน้า แล้วอีกฝ่ายจะยอมปล่อยเขาไปหรือ?
ดังนั้นทั้งครอบครัวจึงถูกขับไล่ออกมา ลูกสาวที่น่าเวทนาของเขายังถูกคุมตัวเอาไว้เพราะไปทำแจกันโบราณของนายท่านผู้เฒ่าแตก
ภรรยาของเขาโมโหจนเลือดลมตีขึ้นหน้า จนถึงตอนนี้ก็ยังนอนป่วยอยู่บนเตียง
สิ่งของที่สามารถนำไปจำนำได้ก็เอาไปจำนำจนหมดแล้ว ยากนักกว่าจะไถ่ถอนตัวลูกสาวกลับมาได้ แต่ลูกสาวกลับถูกนายท่านผู้เฒ่าย่ำยี บัดนี้กลายเป็นดอกไม้เปื้อนราคีไปเสียแล้ว
ทางด้านบ้านคู่หมั้นครั้นทราบข่าวก็รีบถอนหมั้นทันที
เงินที่เหลือก็พอแค่ให้พวกเขามาลงหลักปักฐานในชนบทได้เท่านั้น น่าเสียดายที่นอกจากปลูกดอกไม้แล้ว เขาก็ทำอย่างอื่นไม่เป็น อาหารสำหรับเลี้ยงดูคนในบ้านจึงกลายเป็นปัญหาขึ้นมา
เย่อวี๋หรานได้ฟังเรื่องราวของเขาแล้วก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจ
เคราะห์ดีที่นางไม่ได้ย้อนยุคมาเป็นภรรยาของเขา ไม่อย่างนั้นแม้แต่โจ๊กก็คงไม่มีให้กิน ทั้งยังต้องใช้เงินรักษาตัวเองอีก แบบนั้นคงน่าเวทนายิ่งนัก
ผู้เฒ่าชาวสวนดอกไม้สุดแสนทรมานใจ ก้มหน้าโบกมืออย่างเศร้าสลดแล้วพูดว่า “เจ้าอยากได้กระจาดไหนก็เอาไปเถอะ ข้าไม่เอาเงินแล้ว”
“จะไม่เอาเงินได้อย่างไร? ข้าเอาดอกไม้ของท่านก็ต้องจ่ายเงินสิ” เย่อวี๋หรานไม่ได้ต่อรองราคา นางหยิบกระจาดพริกเฉาเทียนขึ้นมาแล้วจ่ายเงินสามเหรียญให้เขา
ผู้เฒ่าชาวสวนตัวสั่นเทิ้ม คล้ายกับไม่อยากรับเงินนั้น แต่ถ้าไม่รับมาก็ลำบาก ท่าทางของเขาจึงหนักใจอย่างมาก
“เอาไปเถอะ ท่านซื้อไข่ฟองเดียวก็ไม่พอให้ซื้ออย่างอื่นแล้ว ข้าอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านสกุลจู ถามหาบ้านจูเหล่าโถวก็เจอแล้ว ต่อไปถ้ายังปลูกดอกไม้แบบนี้อยู่ก็เอามาส่งที่เรือนข้า ข้าอยากได้”
“เจ้าจะเอาดอกไม้พวกนี้ไปทำไม? ดอกไม้พวกนี้ก็เป็นแค่ของแปลกสำหรับพวกคนรวย ชาวบ้านไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร…” ผู้เฒ่าบอกนางตามความจริง ที่จริงของพวกนี้เป็นเมล็ดที่เขาเก็บเอาไว้จากตอนที่ทำงานอยู่ในบ้านสกุลใหญ่
เดิมทีก็ปลูกยาก เขานึกว่าตนเองปลูกมันได้แล้วจะสามารถสร้างความประหลาดใจได้สักหน่อย เผื่อว่าเจ้านายจะตบรางวัลให้ คิดไม่ถึงว่ากลับต้องประสบเคราะห์เช่นนั้น
ด้วยความโกรธ เขาจึงทำลายต้นแห่งความปลาบปลื้มปีติพวกนั้นที่อุตส่าห์ปลูกรอดมาได้จนตายเรียบ แม้ต้นเดียวก็ไม่เหลือให้เจ้านาย
แน่นอนว่าเขาแอบเก็บเมล็ดเอาไว้จำนวนหนึ่ง ตั้งใจว่าจะลักลอบนำออกมาแก้ไขสถานการณ์ครอบครัวให้ดีขึ้น คิดไม่ถึงว่าเขาปลูกดอกไม้มาตั้งหลายปี แต่กลับไร้หนทาง ไม่สามารถนำส่งถึงมือผู้รู้คุณค่าของมันได้
“เฮ้อ…” ผู้เฒ่าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“แสดงว่าท่านยังมีอีก?” เย่อวี๋หรานคิดไม่ถึงว่าตนเองจะโชคดีขนาดนี้
“มีอยู่สามต้น”
“ถ้าท่านไม่ได้เอาไปขายที่ไหนก็เอามาส่งที่เรือนข้าเถอะ กระจาดละสามเหรียญ ข้าเอา”
แม้เย่อวี๋หรานจะเห็นใจอีกฝ่าย แต่ก็เข้าใจดีว่าช่วยเหลือผู้อื่นต้องทำแต่พอดี ไม่ได้ไร้หัวคิดถึงขั้นทำดีกับคนไปทั่ว
เมื่อนางถือข้าวของเดินกลับไปก็ไม่เห็นหลี่ซื่อ มีแค่จูปาเม่ยคนเดียวที่ยังอยู่ที่นั่น
“พี่สะใภ้สี่ของเจ้าไปซื้อของหรือ?” เย่อวี๋หรานมองสิ่งของบนแผง นอกจากสร้อยข้อมือ อย่างอื่นล้วนขายหมดแล้ว
“ท่านแม่ พี่สะใภ้สี่ไปตามหาท่าน” จูปาเม่ยพูดขึ้น “พี่สะใภ้ห้าเกิดเรื่องแล้ว”
“พี่สะใภ้ห้าของเจ้าอยู่บ้านมารดาไม่ใช่หรือ เกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร?”
จูปาเม่ยรีบพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้เจ้าค่ะ พี่สะใภ้สี่เจอคนหมู่บ้านเดียวกับพี่สะใภ้ห้า ได้ยินพวกเขาพูดกันว่าหลังจากพี่สะใภ้ห้ากลับบ้านเดิมไปแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงถูกย่าของนางผลักล้มฟาดพื้น แล้วก็แท้งลูก…”
เย่อวี๋หรานคำนวณช่วงเวลาที่หลินซื่อแต่งเข้าเรือนมา หัวใจพลันกระตุกวูบ
“ตอนนี้ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ทางนั้นยังไม่ส่งข่าวมาเสียที ดูท่าคงคิดจะปิดบังพวกเรา”
จูปาเม่ยพูดอยู่ก็เห็นหลี่ซื่ออุ้มท้องโตเดินเร็ว ๆ มาทางนี้ “ท่านแม่ ท่านแม่ เมื่อครู่ท่านไปไหนมา? ข้าหาท่านเสียทั่ว ที่แผงขายเนื้อหมูก็ไปมาแล้ว แต่กลับไม่เจอท่าน”
“ข้าซื้อของมานิดหน่อย มี ‘ดอกไม้’ กระจาดนี้กับเนื้ออีกบางส่วน” ที่จริงแล้วเย่อวี๋หรานอยากจะบอกว่านั่นคือพริกเฉาเทียน แต่กลัวว่าจะเผยพิรุธจึงไม่ได้พูดออกมา
“ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด เสี่ยวเม่ยต้องดูแลแผงร้านเราได้แน่” หลี่ซื่อพูด “เสี่ยวเม่ยบอกท่านหรือยัง? เมียเจ้าห้าเกิดเรื่องแล้ว ถูกผลักจนแท้งลูก โชคดีที่ท่านน้าคนนั้นมาซื้อน้ำเชื่อมผลไม้ของพวกเรา อยากให้ข้าขายให้ราคาถูกลงสักเหรียญจึงเอาข่าวนี้มาแลก น้ำเชื่อมผลไม้ที่เหลือข้าเอาให้นางไปหมดแล้ว พวกคนสกุลหลินทำกันเกินไปแล้วจริง ๆ เมียเจ้าห้าแต่งเข้าครอบครัวสกุลจูของพวกเราแล้ว เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังไม่ส่งคนมาบอกสักคำ คิดจะปิดบังพวกเราไปทั้งอย่างนี้หรือไร?! ท่านแม่ ท่านห้ามปล่อยพวกคนสกุลหลินไปเด็ดขาดเลยนะเจ้าคะ”
ปกติแล้วหลี่ซื่อไม่ลงรอยกับหลินซื่อ แต่ตนเองก็เป็นคนท้อง จึงรู้สึกว่าเป็นคนหัวอกเดียวกัน
ถ้ามีคนมาทำให้นางสูญเสียเด็กในท้องไป นางก็จะเสี่ยงชีวิตกับคนคนนั้น
“ท่านแม่ ข้าไปกับท่านด้วย”
“เจ้าจะไปทำไม?” เย่อวี๋หรานห้ามนางไว้ทันที “เจ้าท้องโตแบบนี้ ถ้าคนบ้านนั้นไม่สนใจเหตุผลแล้วมาทำร้ายเจ้าจะทำอย่างไร? พวกเรากลับเรือนกันก่อนแล้วค่อยพาคนไปด้วย”
ก่อนหน้านี้ที่เย่อวี๋หรานกล้าถือมีดหั่นผักพาลูกสะใภ้สองคนบุกไปถึงเรือนคนอื่นก็เพราะว่านั่นยังอยู่ในหมู่บ้านสกุลจู ทุกคนล้วนทราบถึงความเจ้าอารมณ์ของเจ้าของร่างเดิมดี และไม่กล้ามีเรื่องด้วย
ทว่าหมู่บ้านสกุลหลินนั้นคนละเรื่องกับหมู่บ้านสกุลจู หมู่บ้านสกุลหลินแม้จะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าของร่างเดิมจะไปอาละวาดได้
เย่อวี๋หรานกลัวว่าหากตนเองไปตามลำพังแล้วจะเสียเปรียบ จึงตั้งใจว่าจะกลับเรือนไปพาคนอื่น ๆ ออกเดินทางไปด้วย
“หา ไม่ไปตอนนี้หรือเจ้าคะ?” หลี่ซื่อประหลาดใจ แม่สามีข่มโทสะได้ดีกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก
“ไม่เอาอะไรไปด้วยแล้วจะไปได้อย่างไร? กลับเรือน” เย่อวี๋หรานตีสีหน้าเย็นชา แสดงออกว่าไม่พอใจอย่างยิ่ง
ครั้นโยนคำสั่งมา หลี่ซื่อกับจูปาเม่ยก็รีบเก็บข้าวของ ซื้อสิ่งของที่จำเป็นเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับเรือนทันที
หลิ่วซื่อกับหลิวซื่อทำอาหารเที่ยงคอยท่าอยู่ที่เรือนแล้ว ตอนแรกเห็นว่าแม่สามีเอาข้าวของกลับมามากมายก็ดีอกดีใจ แต่ครั้นเห็นว่าสีหน้าของแม่สามีเป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนก็ไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมา
เย่อวี๋หรานบอกพวกนางว่าต้องจัดการกระดูกกับเครื่องในหมูอย่างไร จากนั้นก็ถือกระจาดพริกเฉาเทียนเข้าไปเก็บในห้อง กำชับให้จูปาเม่ยดูแลให้ดี ห้ามหายไปแม้แต่อันเดียว
จูปาเม่ยไม่เข้าใจสักนิดว่ามารดาของนางซื้อ ‘ดอกไม้’ กลับมาทำไม แต่ทราบว่ามารดาอารมณ์ไม่ดี นางจึงไม่กล้าเอ่ยปากถาม
บนโต๊ะอาหาร เย่อวี๋หรานบอกทุกคนเรื่องที่หลินซื่อแท้งลูก
จูอู่ถึงกับตะลึง “อะไรนะ?! เมียข้าแท้ง? พวกคนสกุลหลินกินอะไรมาถึงกล้ารังแกคนในครอบครัวสกุลจูของพวกเรา ข้าจะไปคิดบัญชีกับพวกเขา!”
เขาพูดพลางลุกขึ้นไปคว้าอาวุธ
“นั่งลง” เย่อวี๋หรานตวาด “จะรีบไปทำไม กินให้อิ่มท้องค่อยมีเรี่ยวแรงไปจัดการ”
คำพูดประโยคเดียวก็ทำให้คนทั้งหมดนั่งลงตามเดิม เพียงแต่ทุกคนล้วนรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้เงียบงันยิ่งนัก พวกเขาลอบมองสีหน้าของนางเป็นระยะ
“แค่ก ๆ หรานเหนียง เรื่องนี้…” หลังกินข้าวเสร็จ จูเหล่าโถวก็กระแอมเสียงเบา “เจ้ามีสิทธิ์ตัดสินใจเต็มที่ จัดการตามที่เจ้าเห็นสมควรได้เลย ส่วนที่นาของครอบครัวเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ช่วงนี้ใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว ข้าคนเดียวก็สามารถดูแลได้”
คนเดียวก็สามารถดูแลได้?
แสดงว่าที่ผ่านมา การที่เจ้าพาลูกชายหลายคนออกไปด้วยก็คือไปเดินเล่น?
เย่อวี๋หรานไม่สนใจเขาอีก นางหามีดเก่า ๆ มาได้ก็บอกให้จูต้า จูเอ้อร์ จูซาน จูซื่อ จูอู่ หลิ่วซื่อ และหลิวซื่อพกอาวุธตามนางออกไปจากเรือน
ส่วนงานในเรือน นางได้มอบหมายให้หลี่ซื่อกับจูปาเม่ยดูแลไปก่อนชั่วคราว
เดิมทีจูปาเม่ยยังอยากไปชมความครึกครื้นด้วย แต่เมื่อเย่อวี๋หรานกวาดสายตามองมาอย่างเย็นชา นางจึงก้มหน้ากลับเข้าเรือนไปอย่างว่าง่าย
หลี่ซื่อปลอบใจนาง “ท่านแม่กลัวว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ เจ้ายังเด็กอยู่ หากอยู่ที่เรือนจะปลอดภัยกว่า”
จูปาเม่ยมุ่ยปาก “ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว ใกล้จะแต่งงานได้แล้ว”
หลี่ซื่อ “…”
MANGA DISCUSSION