บทที่ 58 หลี่ซื่อจะทำการค้า
หลี่ซื่อกับจูปาเม่ยที่อยู่ใกล้เตาพลันน้ำลายสอ
“ท่านแม่ หอมมากเลยเจ้าค่ะ!” จูปาเม่ยนึกถึงพวกลูกชิ้นปลาที่เคยได้กินมาก่อนหน้านี้ น้ำลายในปากก็ยิ่งหลั่งออกมาอย่างรวดเร็ว
เย่อวี๋หรานเห็นว่าของที่อยู่ในกระทะได้ที่แล้วจึงบอกให้หลิ่วซื่อพลิกด้าน “ต้องให้สุกทั้งสองด้าน ในเรือนเรามีน้ำมันไม่พอ ดังนั้นตอนพลิกจะแตกได้ง่าย ถ้ามีน้ำมันเพียงพอก็จะไม่มีปัญหาพวกนี้แล้ว”
เมื่อเอาชิ้นแรกขึ้นมาจากกระทะแล้ว เย่อวี๋หรานก็ให้หลิวซื่อหยิบเขียงมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ทุกคนลองชิมคนละหนึ่งชิ้น
“อร่อย?!” จูปาเม่ยอัศจรรย์ใจ “คิดไม่ถึงว่าจะมีวิธีทำหลากหลายเช่นนี้ ท่านแม่ ท่านร้ายกาจจริง ๆ เจ้าค่ะ เจ้านี่อร่อยกว่าแป้งกรอบเยอะเลย”
“คิกคิก…” หลี่ซื่อหัวเราะแล้วกล่าวว่า “คราวที่แล้วเสี่ยวเม่ยพูดเองว่าแป้งกรอบอร่อยที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้เปลี่ยนคำพูดเสียล่ะ?”
จูปาเม่ยแลบลิ้น “ต่อให้เป็นของอร่อยกว่านี้ แต่ได้กินทุกวัน แม้แต่เทพเซียนก็รับไม่ไหวหรอกนะ”
ช่วยไม่ได้นี่นา ตั้งแต่ในเรือนมีมันเทศก็ได้กินมันเทศกันทุกวัน
มันเทศอร่อยกว่ารำข้าวเปล่า ๆ มากนัก ทั้งหวานหอมละมุนลิ้น แต่ว่าได้กินรสชาติเดิมซ้ำทุกวันเป็นใครก็คงยากจะทานทน
มีแต่ตอนที่เย่อวี๋หรานลงครัวจึงได้เปลี่ยนอาหารจานใหม่เสียบ้าง อีกทั้งยังปรับปรุงอาหารให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น
หลิวซื่อก้มหน้าก้มตาลอบมองจูปาเม่ยกับหลี่ซื่ออย่างประหลาดใจ นางพึมพำในใจว่า เอ๋? ความสัมพันธ์ของพวกนางเปลี่ยนเป็นดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
หลังจากนั้นเย่อวี๋หรานก็วางมือ ให้พวกนางลองทำเจวี๋ยปากันเองเพื่อให้คุ้นเคยกับวิธีการทำ
เนื่องจากเป็นการทดลองทำครั้งแรก ทั้งยังมีน้ำมันไม่เพียงพอ ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงไม่ได้ดีมาก แผ่นแป้งที่เอาขึ้นจากกระทะน้อยนักที่จะมีชิ้นที่สภาพสมบูรณ์
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เจวี๋ยปาหลายชิ้นก็ยังวางซ้อนกันอยู่ในถ้วย สีเทากึ่งโปร่งใส ประกอบกับหัวไชเท้าหั่นฝอยและใบผักกาดซอยนั้นจึงนับว่าพอถูไถไปได้
ทุกวันล้วนกินน้ำแกง เย่อวี๋หรานไม่ได้ให้พวกนางยกออกไปทั้งอย่างนั้น แต่นำมาใส่ในหม้ออีกรอบ เอาเจวี๋ยปาที่ปรุงสุกแล้วมาต้มทำเป็นน้ำแกง
ครั้นถึงตอนเย็น คนสกุลจูมารวมตัวกันรอบโต๊ะอาหาร เห็นของกินแล้วก็มีคนดีใจกันยกใหญ่
“วันนี้ท่านแม่เข้าครัวเองใช่หรือไม่? แค่ดูก็รู้แล้วว่าท่านแม่ทำ” จูซานได้กลิ่นอาหารก็นึกอยากจะกลืนลงท้องไปเสียเดี๋ยวนั้น
วันนี้จูปาเม่ยอารมณ์ดีไม่เบา ทั้งยังร่าเริงมีชีวิตชีวา นางยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านแม่ไม่ได้ทำเสียหน่อย พี่สะใภ้ใหญ่เป็นแม่ครัวหลัก แต่ว่าอาหารมื้อนี้มีท่านแม่เป็นคนคอยกำกับ พี่สาม ประเดี๋ยวท่านต้องชิมดี ๆ นะ อร่อยมากเชียวล่ะ”
“นี่คืออะไร? ดูแล้วเป็นแผ่น ๆ เป็นผลไม้ป่าที่เก็บมาจากบนเขารึ?” จูซื่อถามอย่างฉงน
หลี่ซื่อหัวเราะพลางส่ายศีรษะ “เจ้าเดาผิดแล้ว เจ้านี่พวกเราเคยกินมาแล้ว แต่เจ้าต้องคิดไม่ถึงแน่นอน ของที่พวกเรากินกันอยู่ทุกวัน พอเปลี่ยนวิธีทำหน่อย มันก็เปลี่ยนไปมีหน้าตาแบบนี้แล้ว”
“กินกันอยู่ทุกวัน? คืออะไร?”
“ข้าขออุบไว้ก่อน ถึงตอนที่ทุกคนลองกินกันแล้วค่อยให้ทายอีกครั้ง ถึงตอนนั้นค่อยบอกทุกคน”
……
เย่อวี๋หรานแจกจ่ายอาหารเรียบร้อยแล้ว จูเหล่าโถวก็พูดขึ้นว่า “กินข้าวได้”
ทุกคนเริ่มขยับไม้ขยับมือ จูซาน จูซื่อ และจูอู่ชิมรสน้ำแกงที่ไม่เคยได้กินมาก่อนอย่างตั้งอกตั้งใจ
พวกเขาเดาไม่ออกเลยว่ามันคืออะไรกันแน่ รู้สึกเพียงแค่เข้าปากก็ละลาย แต่พอเคี้ยวกลับเหนียวหนึบ
“อร่อย! แต่มีรสชาติของหัวไชเท้ามากไปหน่อย” จูซื่อพึมพำ “เหมือนว่าน้ำมันจะน้อยเกินไป…”
ท่อนหลังเขาพูดเสียงเบามาก เพราะทราบดีว่าด้วยฐานะครอบครัวของพวกเขาสามารถซื้อหนังหมูแผ่นหนึ่งมาใช้ได้ก็ถือว่าไม่เลวมากแล้ว
หากเป็นครอบครัวของจูถงฮว่าในหมู่บ้านเดียวกัน คาดว่าคงได้แต่กินโจ๊กทุกวัน กลิ่นคาวน้ำมันสักน้อยก็ไม่มีโอกาสได้สัมผัส
“อื้ม อันนี้อร่อยมาก” เมื่อมีน้ำแกงถ้วยนี้ ยามจูซานกินแป้งกรอบที่ได้กินอยู่ทุกวันก็ไม่รู้สึกว่าแป้งกรอบมีรสชาติหวานเกินไปแล้ว
ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่ากินกันอย่างเบิกบานใจ แสดงออกให้รู้ว่าพวกเขาชอบเวลาที่ท่านย่าเข้าครัวทำอาหารยิ่งนัก ขอเพียงท่านย่าลงมือ จะต้องมีของอร่อยให้กินแน่นอน
ถึงจูเหล่าโถวจะไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นความเร็วที่เขารับประทานอาหารก็รู้ได้ว่าเขาเองก็มีความสุขเช่นกัน
เนื่องจากจูชีกำลังรักษาตัวอยู่ แม้ว่าเขาจะลงจากเตียงมาเคลื่อนไหวได้แล้ว แต่ก็ยังพักอยู่ในห้องเดิมของจูปาเม่ย ดังนั้นจนถึงตอนนี้จูเหล่าโถวก็ยังไม่ได้ย้ายกลับมา
“เจ้านี่คืออะไรกันแน่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…เดาไม่ออกละสิ?” หลี่ซื่อพูดอย่างได้อกได้ใจ “ใช่แล้ว ในเรือนเรามีมันเทศตากแห้งอยู่ไม่ใช่หรือ? เอาแผ่นมันเทศตากแห้งพวกนั้นมาบดเป็นผงแล้วก็เอามาใช้ทำเจ้านี่แหละ”
นางยังไม่ลืมกล่าวชมเย่อวี๋หรานไปอีกรอบ เพราะอย่างไรเสียของอร่อยพวกนี้ก็เป็นแม่สามีที่ ‘คิด’ ขึ้นมาไม่ใช่หรือ?
เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว เย่อวี๋หรานจึงบอกกล่าวให้ทุกคนทราบเรื่อง ‘การค้า’ ของหลี่ซื่อ
“ก่อนหน้านี้เมียเจ้าสี่ได้รับอนุญาตจากข้าให้แอบเอาน้ำเชื่อมผลไม้ออกไปขายอย่างลับ ๆ แม้ว่าจะไม่ได้ทำเงินอะไร แต่ก็แลกของกินมาได้จำนวนหนึ่ง ดังนั้นข้าคิดว่าเรื่องนี้สามารถดำเนินการได้ ต่อไปเวลาพวกเจ้าขึ้นเขา ถ้าเห็นผลไม้ป่าอย่างผลแดงน้อยก็เก็บกลับมาด้วย เอามาทำเป็นน้ำเชื่อมผลไม้แล้วให้เมียเจ้าสี่เอาไปขาย”
“ส่วนผลไม้ป่าก็ไม่ใช่ว่าจะให้พวกเจ้าเก็บกลับมาเปล่า ๆ พอหลี่ซื่อขายน้ำเชื่อมผลไม้ได้แล้ว นอกจากสองส่วนที่ต้องจ่ายเข้าส่วนกลาง ส่วนที่เหลือพวกเจ้าก็แบ่งกันกับเมียเจ้าสี่ ข้าจะไม่ยุ่ง”
“นอกจากเรื่องน้ำเชื่อมผลไม้ ข้ายังอนุญาตให้เสี่ยวเม่ยกับเมียเจ้าสี่ร่วมมือกันทำสร้อยข้อมือขาย เสี่ยวเม่ยรับหน้าที่ถักสร้อยข้อมือ เมียเจ้าสี่รับหน้าที่เอาสร้อยข้อมือออกไปขาย ยังคงว่ากันตามกฎเดิม สองส่วนจ่ายเข้าส่วนกลาง ส่วนที่เหลือให้พวกนางแบ่งกันเอง”
“หากใครสนใจหรือมีความคิดอยากจะค้าขายอะไรก็เสนอขึ้นมาได้ ยังคงอิงตามกฎนี้เช่นกัน”
……
คนทั้งหมดตะลึงจนแน่นิ่งไป
“ว่าอย่างไรนะ?!”
“ท่านแม่ ท่านให้พี่สะใภ้สี่ขายของ?!”
“ข้าว่าแล้วเชียว พี่สะใภ้สี่เอาแต่ทำน้ำเชื่อมผลไม้ ยังนึกว่านางกินคนเดียวเสียอีก ที่แท้ก็เอาออกไปขายนี่เอง?”
“น้องสะใภ้สี่ เรื่องดีแบบนี้ทำไมเจ้าไม่ชวนพวกพี่สะใภ้ของเจ้ามาทำด้วยสักหน่อยเล่า?”
หลี่ซื่อกลอกตาใส่ทันที แล้วพูดว่า “พี่สาม ท่านพูดล้อเล่นอะไร? พี่สะใภ้สามกลับบ้านเดิมยังไม่กลับมาเลย ถ้าจะให้ข้าพานางไปด้วยก็ต้องรอให้นางกลับมาก่อนสิ”
จูอู่พูดเสียงเบาจากข้าง ๆ “พี่สะใภ้สี่ ท่านพาเมียข้าไปด้วยได้หรือไม่?”
“งั้นก็ต้องรอให้เมียเจ้ากลับมาจากบ้านก่อน แล้วค่อยว่ากัน” สิ่งที่หลี่ซื่อไม่ได้พูดออกมาก็คือ ด้วยนิสัยของหลินซื่อ กลับมาแล้วก็คงจะไม่ยินดีร่วมทำการค้ากับนางแน่นอน
จูต้ากับจูเอ้อร์อยากเอ่ยปากขึ้นมาอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ได้แต่มองท่าทางครึกครื้นของบรรดาน้องชายและน้องสะใภ้
หลิ่วซื่อกลับไม่ได้คิดอะไรมาก เรื่องเดียวที่นางครุ่นคิดก็คือ คราวหน้าถ้ามีโอกาสขึ้นเขา นางค่อยเก็บผลแดงน้อยกลับมาให้มากหน่อยก็แล้วกัน
ส่วนหลิวซื่อในใจกลับไม่ยินดีเสียแล้ว
ในสายตานาง แม่สามีไม่ถามไถ่สักคำก็ส่งมอบการค้านั้นให้หลี่ซื่อ นี่คือลำเอียงชัด ๆ เลยไม่ใช่หรือ?
นางอัดอั้นเต็มอก ตอนเย็นเมื่อถึงคราวเก็บถ้วยชามจึงชักช้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกให้ชัดเจนเกินไป ได้แต่โมโหอยู่ในใจคนเดียว
นางโยนถ้วยลงบนเตา แต่โยนจนเกิดเสียงเล็กน้อยก็ทำให้นางสะดุ้งตกใจ รีบร้อนเก็บขึ้นมาดูว่ามีตรงไหนเสียหายหรือไม่
“โชคดีที่ไม่เป็นไร!” เมื่อเห็นว่าถ้วยไร้รอยขีดข่วน จึงถอนหายใจออกมา
ถ้าถ้วยแตกขึ้นมาจริง ๆ แม่สามีต้องตำหนินางแน่นอน
MANGA DISCUSSION