บทที่ 31 ไม่มีเงิน
เฮ้อ…พูดถึงที่สุดแล้วก็ยังคงเป็นครอบครัวสกุลจูที่ยากจนเกินไป เหตุเกิดเพราะเงินแท้ ๆ
เย่อวี๋หรานคิดว่านอกจากต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ของครอบครัวสกุลจูแล้ว ยังต้องรีบหาเงินให้ได้โดยเร็วที่สุด
หลังจากจูชีจัดการผลแดงน้อยในปากเสร็จแล้ว ในที่สุดก็ยอมพูดจา ร้องเรียกมารดาอย่างว่านอนสอนง่าย “ท่านแม่!”
หมอชาวบ้านตรวจภายในลำคอของเขาแล้วก็ยืนยันว่า “ลำคอไม่มีปัญหา เมื่อครู่ที่ไม่พูดจาคงเป็นเพราะถูกกระแทกจนสับสน ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
จูชีกะพริบตาแป๋ว เหมือนไม่ใคร่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรกัน
ในเมื่อไม่มีเรื่องอื่นอีก เย่อวี๋หรานก็รับถุงยามาจากหมอชาวบ้าน ให้จูต้ากับจูเอ้อร์ช่วยกันหามจูชีขึ้นบนแผ่นไม้กระดาน จากนั้นก็แบกคนกลับเรือน
ระหว่างทางขากลับ นางก็เจรจากับจูปาเม่ย อยากให้จูปาเม่ยยกห้องของนางให้จูชีพักผ่อน
“ทำไมเจ้าคะ?” จูปาเม่ยแค่ฟังก็รู้สึกไม่ยินดีแล้ว ห้องนอนของพี่เจ็ดอยู่ใกล้ห้องน้ำขนาดนั้น ถ้านางนอนที่นั่นต้องเหม็นมากแน่ ๆ
อีกอย่างพี่เจ็ดก็เป็นคนสมองทึ่มคนหนึ่ง ถ้าเขานอนบนเตียงของนางแล้ว ต่อไปนางจะนอนได้อย่างไร?
“อาการพี่เจ็ดของเจ้าในตอนนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เขานอนคนเดียวในห้อง ข้าจะวางใจได้อย่างไร? ถึงตอนนั้น ข้ากับเจ้านอนด้วยกัน ให้เจ้าเจ็ดนอนในห้องเจ้า ให้พ่อเจ้านอนห้องเจ้าเจ็ด” วันนี้ทะเลาะกับจูเหล่าโถวอีกยก เย่อวี๋หรานก็เอาแต่ใคร่ครวญเรื่องนี้มาตลอด นางทนนอนบนเตียงเดียวกับตาเฒ่าผู้นี้ไม่ได้จริง ๆ
ไม่พูดถึงว่าเขาจะทำอะไรตนเองหรือไม่ ลำพังท่าทางไม่เอาไหนของเขา นางกลัวว่าวันไหนตนเองจะทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นมากลางดึกพลั้งมือตีเขาตายไปเสีย
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าเพื่อเขาหรือว่าเพื่อตัวนางเองก็ต้องแยกเขากับนางออกจากกัน
เรื่องของจูชีสามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างอันยอดเยี่ยมได้พอดี นางไม่คิดว่าจูเหล่าโถวจะปฏิเสธ
“ข้านอนกับท่านแม่ ให้ท่านพ่อนอนห้องพี่เจ็ด?” ได้ยินว่าตนเองไม่ต้องนอนห้องของพี่เจ็ด จูปาเม่ยครุ่นคิดเล็กน้อยก็ตอบตกลง
ห้องนอนของบิดามารดามีหน้าต่าง ยังดีกว่าห้องของนางเสียอีก หลับสบายยิ่งนัก
จูปาเม่ยกลับเรือนไปก่อน รีบเข้าไปในห้องเอาสิ่งของบนเตียงตัวเองลงมา จัดการความเรียบร้อยไปรอบหนึ่ง
จูเหล่าโถวเห็นจูต้ากับจูเอ้อร์แบกคนไปทางห้องนอนของตัวเองก็ออกจะประหลาดใจ “ทำไมแบกมาทางนี้ ไม่ส่งเขากลับห้องตัวเองล่ะ?”
จูต้ากับจูเอ้อร์ไม่กล้าตอบ
“เจ้าเจ็ดเป็นแบบนี้ เจ้าวางใจให้เขานอนคนเดียวหรือ? ข้าให้เขานอนห้องเสี่ยวเม่ย” เย่อวี๋หรานเดินเข้ามา ส่งสัญญาณให้สองพี่น้องแบกคนเข้าไปได้
จูต้ากับจูเอ้อร์เห็นจูเหล่าโถวไม่ได้คัดค้านอีกก็ปฏิบัติตามคำของมารดา
เข้าไปในห้องจึงทราบว่าประตูบานที่อยู่ในห้องค่อนข้างเล็ก ไม่อาจหามไม้กระดานเข้าไปได้
พวกเขาวางไม้กระดานไว้บนโต๊ะ คนหนึ่งแบกหัว คนหนึ่งแบกท้าย เคลื่อนย้ายจูชีเข้าไปข้างใน ก่อนจะวางคนลงบนเตียงของจูปาเม่ย
“รองเท้า ๆ ถอดรองเท้า ผ้าห่มของข้าเป็นของดี ทำมาจากผ้าฝ้ายเชียวนะ” จูปาเม่ยว่า
จูต้านั่งลงอย่างเงียบ ๆ ช่วยถอดรองเท้าให้จูชี
จูปาเม่ยพัดตรงจมูก “พี่เจ็ด ท่านเหม็นมาก ไม่ได้ล้างเท้ามานานแล้วใช่ไหมเนี่ย?”
จูชีกะพริบตาอย่างไรเดียงสา “ล้างแล้ว”
“ล้างตอนไหน?”
“วันนี้ ข้าไปเล่นน้ำในลำธารมา”
“นั่นคือล้างแล้ว? สวรรค์ พี่เจ็ด ท่านต้องตักน้ำมาล้างเท้าก่อนขึ้นเตียงทุกวันเลยนะ ไม่อย่างนั้นเหม็นตายกันพอดี…” นึกถึงตอนก่อนหน้านี้ในเรือนของหมอชาวบ้าน พี่เจ็ดของนางสวมรองเท้านอนบนเตียง จูปาเม่ยก็ไม่นึกยินดี
ถ้าถอดออก นางอยู่ที่นั่นจะต้องทรมานเพียงใด?
จูเหล่าโถวเดินไปถึงข้างกายเย่อวี๋หราน และพูดว่า “เจ้าเอ็นดูเสี่ยวเม่ยขนาดนั้น ตัดใจให้นางไปนอนห้องเจ้าเจ็ดลงรึ?”
“ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร?” เย่อวี๋หรานขมวดคิ้วท่าทางลำบากใจ “เจ้าเจ็ดเป็นเสียอย่างนี้จะไม่สนใจก็คงไม่ได้? ถึงเสี่ยวเม่ยจะไม่เต็มใจก็ต้องยอมหลีกทางให้ใช้เตียงนางอยู่ดี ไม่อย่างนั้น คงไม่อาจให้เจ้าเจ็ดนอนบนเตียงของพวกเรากระมัง?”
“นั่นจะได้อย่างไรกัน? จูชีนอนบนเตียงของพวกเราแล้วใครจะปรนนิบัติเขา? เขาโตขนาดนี้แล้ว เจ้าก็คงจะนอนเตียงเดียวกับเขาไม่ได้ ถึงเวลามาไม่ใช่ว่าข้าต้องเป็นคนดูแลรึ ข้าไม่เอาหรอก ข้าลำบากลำบนเลี้ยงเขามาจนโต ไม่ใช่เพื่อจะมาปรนนิบัติเขาล้างหน้าขับถ่ายเอาตอนแก่หรอกนะ…”
เฮอะ ๆ! เย่อวี๋หรานอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าเขาจริง ๆ “ก็ได้ เจ้าไม่ยินดีปรนนิบัติเขา เจ้าก็ไปนอนห้องเจ้าเจ็ด เสี่ยวเม่ยนอนกับข้า พวกเราสองคนช่วยกันดูแลเขา คงจะได้แล้วกระมัง?”
“ได้ ข้านอนห้องเจ้าเจ็ด” เทียบกับการปรนนิบัติลูกชายแล้ว จูเหล่าโถวไม่รู้สึกว่าห้องของจูชีจะมีปัญหาอะไรสักนิด
ตอนเขายังหนุ่ม แม้แต่เล้าหมูก็เคยนอนมาแล้ว
เย่อวี๋หรานเลิกคิ้ว ปัญหาแก้ไขได้แล้ว ทั้งยังง่ายกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก
นางเข้าไปในห้อง อาศัยความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนำเสื้อผ้ากับอุปกรณ์ล้างหน้าอาบน้ำใส่ห่อส่งไปที่ห้องของจูชี
อืม จะว่าอย่างไรดี ห้องของจูชีสะอาดกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก
ใช่แล้ว เดิมทีก็ไม่ได้มีสิ่งของอะไรมากมาย อยากจะทำให้รกก็ยังยาก นี่กลับประหยัดแรงนางไปเยอะทีเดียว เดิมทียังนึกว่าตนเองต้องทำความสะอาดห้องให้จูเหล่าโถวเสียอีก อย่างไรเสียตอนนี้นางก็ยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาไม่ใช่หรือ?
จูปาเม่ยคิดไม่ถึงเลยว่ามารดาของนางยังเก็บอาหารเย็นไว้ให้พวกนางด้วย ไม่เพียงมีขนมเปี๊ยะมันเทศ แต่ยังมีน้ำแกงลูกชิ้นปลาด้วยอีกต่างหาก
“ท่านแม่ ท่านทำอาหารอร่อยจริง ๆ เมื่อก่อนทำไมไม่เคยเห็นท่านทำแบบนี้มาก่อนเลยล่ะเจ้าคะ?”
“ของกินยังปิดปากเจ้าไม่ได้รึ?” เย่อวี๋หรานถาม
จูปาเม่ยแลบลิ้น กินข้าวอย่างว่าง่าย
จูชีนั่งบนเตียงกินลูกชิ้นปลาอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาคีบชิ้นหนึ่งเข้าปาก ค่อย ๆ เคี้ยวอย่างเชื่องช้า อร่อยจนยิ้มตาหยีออกมา
เย่อวี๋หรานพบว่าความจริงแล้วพี่ชายกับน้องสาวคู่นี้หน้าตาคล้ายกันมากทีเดียว ความบอบบางตรงหว่างคิ้วของจูปาเม่ย ความเป็นเด็กตรงหว่างคิ้วของจูชี ทำให้ใบหน้าที่ละม้ายกันมอบความรู้สึกที่แตกต่างแก่ผู้พบเห็น
ต้องยอมรับว่าเจ้าของร่างเดิมกับจูเหล่าโถวเมื่อครั้งเยาว์วัยคงจะมีรูปโฉมไม่เลวเลย หน้าตาของเด็กครอบครัวสกุลจูในหมู่บ้านสกุลจูแห่งนี้นับว่าโดดเด่นสะดุดตา
น่าเสียดายที่คนในครอบครัวมีกันมาก ความเป็นอยู่ยากลำบาก พวกเขาแต่ละคนล้วนผอมกะหร่อง ทั้งยังชอบค้อมหลัง ประสานแขนเสื้อในลักษณะคำนับ บุคลิกแบบนี้กล่าวได้ว่ายากจะอธิบายได้หมดในประโยคเดียว
หน้าตาดีแค่ไหนแต่ไม่มีบุคลิกภาพก็ไร้ประโยชน์
หลังกินข้าวเสร็จ เย่อวี๋หรานสั่งให้จูปาเม่ยไปล้างจาน คราวนี้นางไม่ได้พูดอะไร และเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง ทั้งยังเอาส่วนของจูชีไปล้างด้วย
และยังกลับมาถามอีกว่า “ท่านแม่ ท่านจะล้างเท้าหรือไม่เจ้าคะ?”
“รังเกียจว่าพี่เจ็ดเจ้าเท้าเหม็นกระมัง?” เย่อวี๋หรานเหล่มองนาง
“ไม่ใช่รังเกียจ แต่เหม็นจริง ๆ ต่างหาก”
“ตอนเจ้ากินข้าวเมื่อครู่นี้ไม่ใช่ว่าหอมมากหรอกหรือ?”
“แหะ ๆ! นั่นเพราะข้าหิวหรอก” จูปาเม่ยยอมรับว่าเพราะได้กลิ่นจนชินชาแล้วจึงไม่รู้สึกอะไร
“ตักน้ำมาให้พี่เจ็ดเจ้าด้วย ใช้หญ้าไล่ยุงก้านหนึ่งคั้นน้ำผสมลงไปด้วยล่ะ” อันที่จริงเย่อวี๋หรานก็รังเกียจว่าจูชีเท้าเหม็นเหมือนกัน
แต่นางก็พอเข้าใจได้ จูชีเป็นคนสมองทึ่มคนหนึ่ง เจ้าของร่างเดิมไม่สนใจ พี่น้องคนอื่น ๆ ก็ไม่สนใจ เขาวิ่งเล่นอยู่ข้างนอกทั้งวันกลับมาก็ไม่มีใครใส่ใจดูแล กินข้าวเสร็จก็ปีนขึ้นไปนอนบนเตียง เท้าจะมีกลิ่นบ้างก็เป็นเรื่องปกติ
“เท้าเขาเหม็นขนาดนั้น ข้าไม่ล้างให้เขาหรอกนะ” จูปาเม่ยรีบออกตัว
“ไม่ได้จะให้เจ้าล้างสักหน่อย ใช้อ่างสะอาดตักน้ำมา ข้าจะเช็ดตัวให้พี่เจ็ดของเจ้า เจ้าเป็นสาวเป็นนางย่อมไม่สะดวกทำอยู่แล้ว”
แม้แต่ในชาติภพที่แล้ว พี่น้องต่างเพศเมื่อเติบโตขึ้น อะไรที่ควรหลีกเลี่ยงก็ย่อมหลีกเลี่ยง เย่อวี๋หรานทราบดีว่าอะไรควรไม่ควร
MANGA DISCUSSION