บทที่ 28 สั่นสะเทือน
ในสายตาของจูซื่อหู่กับจูอู่จ้วง ท่านป้าที่พวกเขาเคารพยำเกรงมาตลอดดูยิ่งใหญ่ดุจมหาบรรพตขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ที่แท้ นี่จึงเป็นท่าทางดุร้ายที่แท้จริงของท่านป้า!
ทุกคนที่ได้ยินบังเกิดความคิดต่าง ๆ นานา ล้วนจมลึกอยู่ในภวังค์ของตนเอง
การโต้เถียงครั้งนี้ในที่สุดแล้วยังคงจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของจูเหล่าโถว
เขาโกรธจนตาแดงก่ำ กำหมัดแน่น ท่าทางเหมือนจะตีคน
เย่อวี๋หรานลอบใจสั่นสะท้าน กลัวว่าเขาจะปรี่เข้ามาตบตีตนเอง
ทว่าจูเหล่าโถวก็ยังคงเป็นจูเหล่าโถวคนนั้น กล่าวทิ้งท้ายว่า “เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ ข้าไม่ยุ่งแล้ว” จากนั้นก็ไปจากเรือนของหมอชาวบ้านด้วยท่าทางหงุดหงิดอารมณ์เสีย
หลิวซื่อกับหลินซื่อรีบหลีกทางให้ ตอนจบแบบนี้พวกนางไม่รู้สึกแปลกใจสักนิด
ตั้งแต่พวกนางแต่งเข้าเรือนสกุลจูมาก็ทราบแล้วว่าใครเป็นคนที่ใหญ่ที่สุดในครอบครัวนี้
เย่อวี๋หรานมองไปทางหมอชาวบ้านที่ตกใจจนใบ้กิน และพูดว่า “ยังไม่รีบเขียนอีก อึ้งอะไรอยู่?”
“ได้ ข้าไปเขียนให้เดี๋ยวนี้” หมอชาวบ้านรีบขานรับ จากนั้นเดินไปอีกห้องหนึ่ง
จูปาเม่ยเพิ่งได้สติกลับมา ถือผ้าเช็ดหน้าค้างไว้อยู่นานก็ไม่ทราบว่าควรพูดอะไร
“พี่เจ้ายังไม่ฟื้นอีกหรือ?” เย่อวี๋หรานถาม
“เจ้าค่ะ ท่านหมอบอกว่ากรณีของพี่เจ็ดค่อนข้างพิเศษ รู้สึกตัวช้าไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ เขาต้มยาค้างไว้บนเตาแล้ว อีกหน่อยพี่เจ็ดฟื้นขึ้นมาให้เขากินก็จะดีขึ้นเอง” จูปาเม่ยชะงักไปเล็กน้อย “ท่านแม่ สมมตินะเจ้าคะ สมมติว่าเปลี่ยนจากพี่เจ็ดเป็นข้า ท่านก็ยังจะรักษาอยู่ใช่ไหม?”
ถึงในใจจะมีคำตอบอยู่แล้ว แต่นางก็ยังอยากจะได้ยินจากปากมารดา
“เหลวไหล! เจ้าเป็นลูกสาวของข้า ข้าจะปล่อยปละไม่สนใจได้อย่างไร?”
จูปาเม่ยพลันขอบตาร้อนผ่าว “ท่านแม่ ท่านช่างดีต่อข้าจริง ๆ ต่อไปข้าจะไม่ทำให้ท่านโมโหอีกแล้ว”
“หยุดเลย อย่าพูดแบบนั้นเด็ดขาด เจ้าไม่ได้พูดแบบนี้ครั้งแรกเสียหน่อย เจ้าลองบอกมาซิว่ามีตอนไหนบ้างที่เจ้าไม่ทำให้ข้าโมโห?”
ความซาบซึ้งใจของจูปาเม่ยหายวับ มองเย่อวี๋หรานอย่างขุ่นเคือง “ท่านแม่ ข้าจริงจังนะ”
“ข้ารู้ว่าเจ้าจริงจัง แต่เจ้าก็อย่าเอาแต่พูดสิ เจ้าต้องทำให้เห็นด้วย ขอแค่ต่อไปเจ้าเอาอย่างพวกพี่สะใภ้ของเจ้า ทำงานขยันขันแข็งหน่อย ไม่ไปสร้างปัญหาให้ข้าข้างนอก ข้าก็พอใจมากแล้ว”
“ข้าเคยสร้างปัญหาให้ท่านตั้งแต่เมื่อไหร่? ข้ายังสู้พี่เจ็ดไม่ได้รึ? ท่านไม่โกรธพี่เจ็ดด้วยซ้ำ ทำไมท่านถึงโกรธข้า? ยังว่าข้าเป็นแก้วตาดวงใจของท่าน เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน แต่ข้าว่าถึงเวลาสำคัญมาท่านก็ยังปกป้องลูกชายของท่านอยู่ดี ข้าที่เป็นลูกสาวก็แค่ฟางข้าวต้นหนึ่ง”
“เจ้าเป็นฟางข้าว? เฮอะ ๆ! เจ้าลองเข้าไปดูในหมู่บ้านสักรอบซิ ดูว่ายังมีฟางข้าวของครอบครัวไหนมีชีวิตดีเหมือนเจ้าบ้าง เสื้อผ้าเจ้าก็มีพี่สะใภ้ซักให้ อาหารก็พี่สะใภ้เจ้าทำ กระทั่งน้ำล้างหน้ายังเป็นพี่สะใภ้ตักมาให้เจ้า…เจ้าเกือบจะเทียบได้กับคุณหนูสกุลใหญ่ในเมืองอยู่แล้ว มีคนคอยปรนนิบัติทุกอย่าง งานบ้านงานเรือนไม่เคยแตะต้อง ฟางข้าวแบบเจ้าข้าก็อยากเป็นเหมือนกัน”
“ท่านแม่ก็แค่ชี้นิ้วสั่งงานพี่สะใภ้เหมือนกัน ข้าดูแล้วท่านก็ไม่ได้ลำบากสักหน่อย”
“เฮอะ ๆ! ข้าอายุปูนนี้แล้ว ไม่อาจเสพสุขจากการมีลูกสาว ยังไม่อาจเสพสุขจากการมีลูกสะใภ้ด้วยรึ?”
……
หลิวซื่อกับหลินซื่อที่อยู่ข้างนอก “…” แม่สามี ที่แท้ท่านไม่สามารถเสพสุขจากการมีลูกสาวก็เลยมาทรมานพวกข้าอย่างนั้นหรือ?
ที่จริงท่านไม่ต้องเสพสุขก็ได้นะ
จูชีสลบไสลนานทีเดียว หมอชาวบ้านเขียนใบสั่งยาได้สองหน้าแล้วก็ยังไม่ฟื้น
เย่อวี๋หรานมองสีท้องฟ้า คิดว่าคงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว จึงให้จูปาเม่ยอยู่ดูแลจูชี ส่วนตนเองพาหลิวซื่อกับหลินซื่อกลับเรือนไปทำอาหารเย็น
ยังไม่ลืมกล่าวคำขอบคุณจูซื่อหู่กับจูอู่จ้วงที่ตามนางตะลอนไปตะลอนมา บอกพวกเขาว่าถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็กลับเรือนได้เลย คนที่เรือนจะได้ไม่เป็นห่วง
“ขอรับ ท่านป้า” หลังได้รับอนุญาตให้จากไปได้แล้ว จูซื่อหู่และจูอู่จ้วงก็รีบกลับเรือนทันที
พวกเขาอยากไปนานแล้ว แต่ท่านป้าไม่ออกปาก พวกเขาก็ไม่กล้าไป
พวกเขาแน่ใจว่า ถ้าพวกเขากลับไปเล่าให้ท่านปู่ ท่านย่า รวมถึงท่านพ่อท่านแม่ฟังว่า ที่พวกเขาเสียเวลาอยู่ข้างนอกนานขนาดนี้ก็เพราะท่านป้ารั้งตัวไว้ ทุกคนจะต้องไม่เชื่อแน่นอน
“นางหรือ? แตกหักกับพวกเราไปตั้งนานแล้ว นางยังมีหน้ามาสั่งพวกเจ้า? นางไม่ละอายใจหรือไร?”
“ท่านแม่ ท่านพูดเบา ๆ หน่อย ถ้าไปเข้าหูท่านป้าเข้า นางจะต้องมาหาเรื่องถึงเรือนแน่” จูซื่อหู่รีบปรามเสียงเบา “ท่านแม่ยังไม่รู้ ตอนนั้นท่านป้าใช้มีดหั่นผักฟันประตูหน้าเรือนของจูถงฮว่าจนยับ ตอนนี้จูถงฮว่าทั้งครอบครัวไม่มีใครกล้าออกมาข้างนอกแล้ว”
มารดาของจูซื่อหู่ย่อมได้ยินเรื่องนี้ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หมู่บ้านสกุลจูก็กว้างแค่นี้ เพื่อนบ้านกลับมาย่อมพูดถึงเรื่องนี้ให้นางฟังบ้าง
แต่นางไม่พอใจ พวกนางตัดขาดกันแล้ว อาศัยอะไรมาสั่งความลูกชายของนาง?
ตอนที่จูต้า จูเอ้อร์ จูซาน จูซื่อกับจูอู่มาเจอหลี่ซื่อก็เป็นเวลาค่อนข้างเย็นแล้ว
นางแบกท้องโตอย่างลำบากลำบน แผดเสียงเรียกไปทั่วภูเขา ผลกลับกลายเป็นว่าตะโกนอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่มีคนขานรับ
ร่ำร้องจนเหนื่อย นางหยุดพักอยู่ตรงปากทาง
“จริง ๆ เลย ไปไหนกันหมดนะ?”
“ปกติเวลาไม่ต้องการพวกเขา แต่ละคนก็ลอยหน้าลอยตามาให้เห็น พอถึงคราวจำเป็นต้องใช้คนกลับไม่เห็นแม้แต่เงา ร้อนใจจะแย่แล้ว”
หลี่ซื่อบ่นกระปอดกระแปด นั่งลงบนพื้นแล้วก็ตะโกนเรียกคนอีก
“เจ้าสี่ ทำไมข้าเหมือนได้ยินเสียงเมียเจ้าร้องเรียกเจ้าอยู่เลยล่ะ?” จูซานคลับคล้ายคลับคลาว่าจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
จูซื่อย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดา พูดว่า “พี่สาม ล้อเล่นอะไรเนี่ย กลางป่ากลางเขาแบบนี้เมียข้าจะอุ้มท้องโตขึ้นเขามาทำอะไร? ท่านคงฟังผิดไปเองมากกว่า”
“ข้าก็ได้ยินเหมือนกัน” จูอู่มีท่าทางไม่แน่ใจ
“เจ้าดูสิ ข้าไม่ได้พูดคนเดียวสักหน่อย” จูซานว่า
“หรือจะเป็นวิญญาณชั่วร้ายในภูเขา?” จูซื่อละล้าละลัง “สมัยก่อนคนเฒ่าคนแก่พูดกันว่าในภูเขามีวิญญาณชั่วร้ายสถิตอยู่ ถ้าเรียกชื่อใครแล้วคนนั้นขานรับก็อาจกลับเรือนไม่ได้อีกเลยตลอดกาล ข้าไม่ขานหรอก ข้ายังอยากกลับเรือนอยู่นะ”
“พอเจ้าพูดแบบนี้ข้าก็รู้สึกหนาวสันหลังแล้ว”
“ข้าก็เหมือนกัน”
……
ผู้ชายหลายคนแบ่งกันแบกหามสิ่งของ รีบลงมาจากเขา
จูซานตาไว “เจ้าสี่ เจ้าดูนั่นสิ วิญญาณชั่วร้าย”
จูซื่อมองไป “ไอ้หยา เมียข้าจริง ๆ ด้วย”
“หา ไม่ใช่วิญญาณร้ายหรอกหรือ?”
“เมียข้าเอง” จูซื่อรีบแบกของลงจากเขา “เจ้าขึ้นเขามาทำไม? ท้องโตอุ้ยอ้ายขนาดนี้ ท่านแม่ยังวางใจให้เจ้าออกมารึ?”
“โอ้โห สวรรค์ ข้าร้องเรียกมาครึ่งค่อนวันแล้วทำไมไม่มีใครขานรับข้าเลยแม้แต่คนเดียว?” หลี่ซื่อเห็นพวกเขาแล้วก็ร้อนใจมาก “พวกท่านรู้หรือยังว่าทางนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”
“เกิดเรื่องอะไร?” จูซื่อรีบถาม
“เจ้าเจ็ด เจ้าเจ็ดถูกคนตีตายแล้ว ท่านแม่พาคนไปแล้ว ให้ข้าขึ้นเขามาบอกพวกท่าน กลายเป็นว่าข้าวกไปวนมาอยู่แถวนี้เสียตั้งนาน ตะโกนเรียกอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่เจอพวกท่าน”
“อะไรนะ?!” พี่น้องสกุลจูได้ยินก็รีบร้อนวิ่งลงจากเขา
“นี่ เหล่าซื่อ รอข้าก่อน ข้าเร็วไม่ไหว…” หลี่ซื่อตะลึง เพราะจูซื่อก็อยู่ในกลุ่มคนที่วิ่งลงจากเขาด้วย
ถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขาก็ยังไม่ลืมจับสิ่งของในมือแน่น ไม่ปล่อยให้หล่นหายไป
ครั้นจูซื่อได้สติกลับมาก็ได้แต่ให้คนอื่น ๆ ลงไปก่อน เขารั้งท้ายเป็นเพื่อนภรรยา ทำอย่างไรได้ เวลานี้ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับ ในภูเขาอันตรายยิ่งนัก ถ้าปล่อยให้หลี่ซื่อเดินในป่าเขาตามลำพัง เกิดเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร?
พี่น้องคนอื่นก็เข้าใจ ให้เขาค่อย ๆ ตามมา มีพวกเขาไม่กี่คนก็เพียงพอแล้ว
MANGA DISCUSSION