บทที่ 27 จะรักษาหรือไม่?
ความจริงแล้วเขารู้สึกว่าจูเหล่าโถวน่าจะพูดจาด้วยง่ายกว่า จึงบอกจูเหล่าโถวไปแล้วว่าจูชีขาดสารอาหาร อาการบาดเจ็บที่ศีรษะจำเป็นต้องค่อย ๆ บำรุง เป็นไปได้ว่าอาจต้องใช้โสมคน
เขารู้ดีว่าทุกคนต่างก็มีชีวิตไม่ง่ายดาย มีไม่กี่ครอบครัวที่ยินดีจ่ายเงิน โดยเฉพาะในกรณีนี้ที่จูชียังเป็นคนสมองทึ่มผู้หนึ่ง เกรงว่ายิ่งยากเข้าไปอีก
แต่ที่เขาคาดไม่ถึงก็คือจูเหล่าโถวกลับไม่ได้ให้คำตอบเขา ทำเพียงแค่ถอนหายใจ
หมอชาวบ้านได้ยินเสียงทอดถอนใจนั้นก็กระจ่าง เกรงว่าเขาคงเดาถูกเสียแล้ว ดังนั้นตอนที่อยู่ต่อหน้าเย่อวี๋หราน เขาจึงพูดอ้อมค้อมกว่าเดิม
ภรรยาผู้นี้ดุร้ายไร้เหตุผลปานนั้น เรื่องที่แม้แต่จูเหล่าโถวยังไม่ยินดีทำ คาดว่านางคงยิ่งไม่ยินดีกระมัง?
ตอนนี้เรื่องเดียวที่เขาสามารถทำให้จูชีได้คงเป็นการกอบกู้ชีวิตเขาเอาไว้สุดกำลัง ส่วนหลังจากนั้น…
ทุกครอบครัวล้วนมีความยากลำบากของตัวเอง เขาเองก็จนปัญญา ได้แต่กล่าวคำพูดที่ไม่ผิดต่อมโนธรรมในใจตน
“ต้องรักษาอย่างไร บำรุงอย่างไร ท่านเขียนรายละเอียดให้ข้าด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องระวังเป็นพิเศษเขียนให้ละเอียดหน่อย พวกเราจะรักษาเขา” เย่อวี๋หรานฟังจบก็พูดขึ้นมา
“เจ้าจะรักษา?” หมอชาวบ้านตะลึงไป รีบเอ่ยย้ำอีกรอบ “ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยก็ยังจะรักษาหรือ?”
เย่อวี๋หรานพูดด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว “รักษา”
ก็แค่เงินไม่ใช่หรือ? ในโลกนี้สิ่งที่สามารถใช้เงินแก้ไขได้ไม่นับว่าเป็นปัญหา ถึงตอนนี้นางไม่มีเงิน แต่ใครจะรู้ว่าในอนาคตนางจะมีหรือไม่?
“วิธีรักษาที่ต้องใช้เงินมากที่สุดกับวิธีรักษาที่ประหยัดเงินที่สุด ท่านเขียนให้ข้าทั้งคู่ ตอนนี้พวกข้าไม่มีเงิน แต่พวกข้าจะหาเงินมารักษาเจ้าเจ็ด”
เย่อวี๋หรานเพิ่งพูดว่าจูถงฮว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ที่จริงนางก็ทราบดี แค่เห็นสภาพครอบครัวจูถงฮว่าก็รู้ว่าไม่มีเงินเหมือนกัน
ฝ่ายตรงข้ามไม่มีเงิน ให้พวกเขารับผิดชอบไปก็ไร้ประโยชน์
แทนที่จะฝากฝังความหวังไว้กับคนอื่น ไม่สู้ลงมือทำด้วยตนเอง แบบนี้ยังจับต้องได้มากกว่า
ตั้งแต่ชีวิตที่แล้ว เย่อวี๋หรานก็ตระหนักว่าพึ่งภู ภูถล่ม พึ่งน้ำ น้ำไหล พึ่งคน คนตีตัวจากไกล มีแต่ต้องอาศัยตนเองเท่านั้น จึงมีโอกาสเป็นจริงได้มากที่สุด
เมื่อจูเหล่าโถวได้ยินว่านางจะรักษาจูชีก็ตะลึง วิ่งเข้ามาตำหนินาง “เจ้าบ้าไปแล้วเรอะ?!”
“ครอบครัวเราไม่มีปัญญาจ่ายค่ารักษาด้วยซ้ำ ยังต้องเลี้ยงดูคนในบ้านตั้งกี่ปากท้อง เจ้ายังจะรักษาเจ้าเจ็ด? เจ้ารู้ไหมว่ารักษาเจ้าเจ็ดต้องใช้เงินเท่าไหร่?
“ท่านหมอบอกแล้วว่าต้องใช้โสมคน โสมคนน่ะเจ้ารู้จักหรือไม่? โสมคนนั่นคนทั่วไปซื้อไหวเรอะ? ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่เคยเห็นด้วยซ้ำว่าโสมคนมีหน้าตาอย่างไร เจ้าไม่ถามสักคำก็ตกลงแล้ว?
“เจ้าเสียสติไปแล้ว! ปกติก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะทำดีกับเจ้าเจ็ดนักหนา ตอนนี้นึกบ้าอะไรขึ้นมา? เขาก็แค่คนสมองทึ่มคนหนึ่ง รักษากับไม่รักษาต่างกันตรงไหน?”
ไม่ว่าจะเป็นจูปาเม่ยที่อยู่ในห้อง หรือว่าหลิวซื่อ หลินซื่อ จูซื่อหู่ และจูอู่จ้วงที่อยู่ข้างนอก พวกเขาล้วนได้ยินกันหมด
พวกเขาไม่รู้หรอกว่าการรักษาจูชีต้องใช้เงินเท่าไหร่ แต่คำว่า ‘โสมคน’ ก็ทำให้ในใจพวกเขามีคำตอบแล้ว ก็เหมือนคำกล่าวประโยคนั้นของจูเหล่าโถว ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำว่าโสมคนมีหน้าตาอย่างไร
อย่าว่าแต่เขาจะไม่เคยพบเคยเห็น เกรงว่าคนมากมายในหมู่บ้านสกุลจูคงมีแค่ไม่กี่คนที่เคยเห็นมาก่อน
“ท่านแม่…” จูปาเม่ยร้อนใจอยู่บ้าง แต่นางไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ครอบครัวเดิมก็ยากจนข้นแค้น นางกินไข่วันละฟองก็คือฟุ่มเฟือย พี่สะใภ้หลายคนมีคำพูดอยู่เต็มท้อง แต่มารดาของนางยังจะรักษาพี่เจ็ด คงไม่ใช่ว่าต่อไปกระทั่งไข่ไก่นางก็ไม่มีโอกาสได้กินแล้วหรอกหรือ?
คิดถึงตรงนี้ นางก็ว้าวุ่นใจขึ้นมา
ถ้าแม้แต่ไข่ไก่ยังกินไม่ได้ มารดาของนางจะสามารถสะสมเงินทองส่งนางไปเป็นสาวใช้บ้านสกุลใหญ่อยู่อีกหรือ?
“เงียบ!” เย่อวี๋หรานตวาดจูปาเม่ย “เจ้าเจ็ดเป็นคนสมองทึ่มแล้วจะทำไม? แค่สมองทึ่มก็ถือว่าไม่ใช่ชีวิต ไม่ต้องรักษาแล้ว? เขาไม่ใช่ลูกชายของเจ้าอย่างนั้นเรอะ?”
“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น…”
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น เจ้าคิดว่าถึงอย่างไรเจ้าเจ็ดก็เป็นเด็กสมองทึ่ม รักษาไปก็เท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องรักษา ข้าก็ถามเจ้าหน่อยเถอะว่าถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นในครอบครัวเรา เจ้ายังจะรักษาอยู่ไหม?” สีหน้าของเย่อวี๋หรานเต็มไปด้วยคำถาม
จูเหล่าโถวชะงัก
“จะรักษาหรือไม่รักษา? เจ้าก็พูดมาสิ ทำไมเจ้าไม่พูด? หรือก็ยังประโยคเดิม เพราะครอบครัวเราไม่มีเงิน พวกเราก็ไม่รักษาแล้ว?”
จูเหล่าโถวอธิบาย “ครอบครัวเราไม่มีเงินอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากรักษาเสียหน่อย อีกอย่างคนเจ็บก็ไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเจ้าเจ็ด เจ้าอย่าลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ใครบ้างจะอยู่ดีไม่ว่าดีไปหาเรื่องให้คนอื่นตีจนมีสภาพนี้? นั่นก็เพราะเจ้าเจ็ด…”
พูดไปพูดมา จูเหล่าโถวก็รู้สึกว่าจูชีมีสภาพแบบนี้ได้ก็ ‘สมควร’ แล้ว
ลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นในครอบครัวสิ จะมีใครถูกคนตีจนมีสภาพแบบนี้ไหม?
ต้องเป็นเพราะจูชีไปสร้างเรื่องอยู่ข้างนอกจึงถูกคนเขาตี จูเหล่าโถวถึงกับคิดอย่างใจดำว่า เจ้าเจ็ดสมองทึ่มแต่ไหนแต่ไร ต่อให้ถูกตีตายไปก็ถือว่าช่วยครอบครัวประหยัดเสบียงอาหารไปหนึ่งปากท้อง
“เจ้าเจ็ดจะทำไม? ตั้งแต่เล็กจนโต เจ้าเจ็ดเคยสร้างปัญหาให้เจ้าไหม? แต่ไหนมาก็เป็นคนอื่นรังแกเขา เจ้าเคยเห็นเขารังแกคนอื่นด้วยเรอะ? เจ้าเป็นพ่อแท้ ๆ ไม่ปกป้องลูกตัวเองก็ช่างเถอะ นี่ลูกตัวเองถูกรังแก เจ้ายังจะโทษว่าลูกชายไม่เอาไหนเองถึงถูกคนอื่นรังแกด้วยหรือ?” เย่อวี๋หรานเกลียดที่สุดก็คือผู้ชายประเภทที่แม้แต่ลูกตัวเองก็ปกป้องไม่ได้แบบนี้ นางคำรามอย่างเดือดดาลว่า “เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่ไหม? เจ้าเคยเห็นผู้ชายบ้านไหนไม่ปกป้องลูกของตัวเองบ้าง?
“แม้แต่จูถงฮว่า เขารู้ทั้งรู้ว่าข้าเป็นคนที่ไม่ควรจะมีเรื่องด้วย แต่ตอนที่เห็นจูโก่วหวาถูกรังแก เขายังก้าวออกมาแก้แค้นแทนจูโก่วหวาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น”
“เจ้าดูสิ แม้แต่จูถงฮว่าเจ้าก็สู้ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีข้าปกป้องอยู่ เด็กไม่กี่คนในบ้านคงถูกคนอื่นรังแกตายไปนานแล้ว ปกติเจ้ายังนึกรังเกียจที่ข้าป่าเถื่อนดุร้าย แต่ถ้าข้าไม่ร้ายแล้วใครจะปกป้องลูกของข้า?”
“ข้าบอกเจ้าเลย จูฮ่าวชี่ เจ้าไม่รักลูกแต่ข้ารัก อย่าว่าแต่คนอื่นๆ ในครอบครัว ต่อให้เป็นเจ้าเจ็ดที่เป็นแค่คนสมองทึ่มในสายตาพวกเจ้า ข้าบอกจะรักษาก็คือรักษา ใครกล้าแย้งข้า ข้าก็จะสู้ตายกับคนผู้นั้น”
ท่าทางนั้นกล่าวได้ว่าดุดันทั้งน้ำเสียงและสีหน้า
จูปาเม่ยที่คิดจะพูดอะไรบางอย่างตกใจจนพูดไม่ออก แต่นางก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ สมัยเด็ก ๆ ตอนนางถูกคนรังแก บิดาของนางมักจะให้นางอดทนอดกลั้น เป็นมารดาของนางที่คว้าไม้บุกไปถึงเรือนของฝ่ายตรงข้ามแก้แค้นแทนนาง
แม้ว่าหลังจากนั้นคนในหมู่บ้านหลายคนจะไม่เล่นกับนางแล้ว หากตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครกล้ารังแกนางอย่างโจ่งแจ้งอีกเช่นกัน
ไม่รู้ว่าทำไม ขอบตาของจูปาเม่ยพลันร้อนผ่าว
ไม่เพียงจูปาเม่ย หลิวซื่อกับหลินซื่อก็เหมือนเพิ่งได้รู้จักแม่สามีผู้นี้เป็นครั้งแรกก็ไม่ปาน มองผ่านประตูที่แง้มออกครึ่งหนึ่งเข้าไปเห็นเงาร่างที่อยู่ข้างใน
ชั่วขณะนั้น พวกนางกลับรู้สึกอิจฉาจูชีอยู่บ้าง ถึงจะเป็นคนสมองทึ่ม แต่ก็เป็นคนสมองทึ่มที่มีมารดาคอยปกป้อง ไม่เหมือนพวกนาง ตั้งแต่เล็กจนโตก็ถูกมารดาดุด่าว่าเป็นแค่ลูกสาวที่ใช้การไม่ได้ ภายภาคหน้าแต่งออกไปแล้วก็กลายเป็นคนในครอบครัวผู้อื่น
พวกนางคิดว่าถ้าวันหนึ่งพวกนางกลายเป็นแบบจูชี มารดาของตนเองจะกล่าวคำพูดที่ ‘แกร่งกร้าวดุดัน’ เหมือนแม่สามีหรือเปล่า?
หลิวซื่อกับหลินซื่อไม่อาจรู้ได้ พวกนางยังคิดต่อไปว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเอง แม่สามีจะกล่าวคำพูดที่ ‘แกร่งกร้าวดุดัน’ เช่นนี้หรือไม่?
คงใช่กระมัง เพราะแม่สามีพูดว่า อย่าว่าแต่คนอื่น ๆ ในครอบครัว ต่อให้เป็นเจ้าเจ็ดที่เป็นแค่คนสมองทึ่มในสายตาพวกเจ้า…
MANGA DISCUSSION