บทที่ 23 ตีคนตายแล้ว
“ไม่แต่งไม่แต่ง ข้าไม่มีวันแต่งกับคนสิ้นไร้ไม้ตอก จะแต่งก็ต้องแต่งกับนายน้อยสกุลใหญ่ ถึงตอนนั้นก็มีสาวใช้หลายคนคอยรับใช้ปรนนิบัติข้า” จูปาเม่ยว่า
เย่อวี๋หรานเหลือบมองนาง คิดว่าตนเองจับจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้แล้ว “อยากจะแต่งกับบ้านสกุลใหญ่ก็ต้องเข้าไปให้ได้ก่อน เจ้ายังอยากให้ข้าส่งเจ้าเข้าไปหรือไม่? ตอนเที่ยงเจ้ารับปากข้าไว้อย่างไร ผ่านไปไม่เท่าไหร่เจ้าก็คืนคำแล้ว? เจ้าไม่เชื่อฟังข้า ข้ายังจะส่งเจ้าไปทำไม? เกรงว่าพอข้าส่งเจ้าเข้าไปได้ เจ้าก็คงจะไม่รู้จักแม่คนนี้แล้วกระมัง”
“ข้า…” จูปาเม่ยอัดอั้น “ข้ารับปากว่าจะเชื่อฟังท่านแม่ แต่ท่านแม่จะมาทรมานข้าแบบนี้ไม่ได้นะ ข้าก็ทำงานมาทั้งบ่ายแล้วนี่?”
“นั่นเรียกว่าทำงาน? อย่างเจ้าเรียกว่าแอบอู้ต่างหาก” เย่อวี๋หรานพูด “เจ้าคิดว่าข้าตาบอดรึ ข้าเห็นชัดอยู่ทนโท่ งานพวกนั้นส่วนใหญ่แล้วพี่สะใภ้ของเจ้าเป็นคนทำ เจ้าเป็นน้องสามี พวกนางจึงถอยให้เจ้า ไม่จู้จี้กับเจ้า ถ้าเจ้าเป็นสาวใช้ คนอื่นยังจะถอยให้เจ้าอยู่หรือ? เจ้าฝันสวยงามไปแล้ว”
ถึงที่สุดจูปาเม่ยก็เอาชนะเย่อวี๋หรานไม่ได้ และจำต้องไปให้อาหารหมูกับหลินซื่อ
เย่อวี๋หรานก็ไม่คิดว่านางจะทำได้ เพียงแต่หางานเล็กน้อยให้นางทำก็เท่านั้น
เหล่าลูกสะใภ้เห็นแม่สามีสั่งสอนลูกสาวอย่างเข้มงวดก็ไม่กล้าสอดปากสอดคำ แต่ละคนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบเสงี่ยม จนกระทั่งแม่สามีบอกให้พวกนางกลับห้องไปพักผ่อน
แต่พวกนางก็ไม่สามารถพักผ่อนจริง ๆ ได้ หน้าเรือนท้ายเรือนยังตากมันเทศอยู่ พวกนางยังคงออกไปดูแล้วพลิกแผ่นมันเทศบ้างเป็นบางครั้งบางครา
พวกนางไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้ตากแดดแล้วจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ทว่าแต่ละคนก็ช่วยกันทำงานคนละไม้คนละมือ เพื่อไม่ให้แม่สามีตำหนิเอาได้
จูชีรับหน้าที่หิ้วตะกร้าไม้ไผ่ ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่ารับหน้าที่งมหอยขม พวกเขาเล่นกันอยู่ริมธารอย่างสนุกสนาน
พวกเขากล่าวทักทายท่านลุงกับท่านอาหลายคนที่ผ่านมาทางนี้
“ลูกจูเหล่าโถว เล่นน้ำกันระวังด้วย อย่าลื่นตกน้ำไปล่ะ ต้าเป่า เจ้าก็อย่าเอาแต่ห่วงเล่น ดูน้องชายบ้าง”
ต้าเป่ายิ้มอวดฟันขาว “ขอรับ ข้าทราบแล้ว ท่านอา พวกท่านไปทำงานที่ทุ่งนาหรือ?”
“อืม ไปดูสักหน่อย สภาพอากาศแบบนี้ไม่ไปก็ไม่สบายใจ”
มีคนหัวเราะต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าสองพี่น้อง หอยขมในลำธารก็เล็กแค่นั้น ไม่มีเนื้อสักนิด จึงบอกให้พวกเขากลับเรือนไปไม่ต้องเล่นอยู่ที่นี่แล้ว
แต่ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าทำหน้าทะเล้น “ไม่เอาขอรับ จะเล่น”
พวกเขารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเย่อวี๋หราน และไม่บอกคนอื่นว่าเรื่องนี้ท่านย่าเป็นคนสั่งให้ทำ
ลำธารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งจะใหญ่สักเท่าไหร่กันเชียว แค่พอให้เด็กคนหนึ่งยืนได้เท่านั้น เนื่องจากอากาศร้อน ระดับน้ำจึงสูงเพียงน่องของพวกเขา
ทั้งยังมีหอยขมอยู่ไม่มาก แต่ว่าพวกเขาก็งมออกมาได้ครึ่งค่อนตะกร้าไม้ไผ่
ตะกร้าหนักอึ้งทำให้เด็กทั้งสองยกไม่ขึ้น จึงยกหน้าที่นี้ให้จูชี
อย่าเห็นเพียงว่าจูชีโง่งม มีนิสัยเหมือนเด็ก ๆ แต่ทักษะการงมหอยขมของเขาดูเหมือนจะเหนือกว่าเด็กทั้งสองเสียอีก หอยขมกว่าครึ่งเป็นเขาที่งมมาได้
“พอแล้ว อาเล็ก พอแล้ว พวกเรากลับเรือนกันเถอะ ข้าชักจะหิวแล้ว” ต้าเป่าพูด
“ข้าก็หิวแล้วเหมือนกัน” เอ้อร์เป่าพูด
จูชีลูบท้อง “ข้าก็หิวแล้ว”
“งั้นพวกเรากลับเรือนกันเถอะ ดูว่าท่านย่าจะตบรางวัลอะไรให้พวกเรา”
“ขอรางวัลจากท่านย่า”
“รางวัล”
……
ผู้ใหญ่หนึ่งคนกับเด็กสองคนมุ่งหน้ากลับเรือนกันอย่างร่าเริง
เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน หินก้อนหนึ่งก็ลอยออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ เด็กชายตัวอ้วนคนหนึ่งโผล่หน้าออกมา “ไอ้หยา นั่นไม่ใช่เจ้าโง่สมองทึ่มผู้นั้นหรอกรึ?”
“มารดามันเถอะ จูโก่วหวา เจ้าว่าใคร?” ต้าเป่าสวนกลับทันควัน
“เจ้าโง่ เจ้าโง่สมองทึ่ม อาเล็กของเจ้าก็คือเจ้าโง่สมองทึ่มที่ไม่มีใครต้องการ” จูโก่วหวาพูดพลางทำหน้าล้อเลียน
เด็กในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ “ฮ่า ๆๆๆ…เจ้าโง่สมองทึ่ม!”
“อาเล็กของจูต้าเป่าเป็นเจ้าโง่ใหญ่ จูต้าเป่าก็เป็นเจ้าโง่เล็ก!”
“พวกโง่!”
“จูโก่วหวา!” ต้าเป่ารีบปรี่เข้าไป
แต่จูโก่วหวาจะรออยู่ตรงนั้นหรือ? เด็กอ้วนร้อง “เจ้าโง่ใหญ่ เจ้าโง่เล็ก” สองขาก็ถอยหลังเผ่นหนี
ต้าเป่าไล่ก็ตามไป
“ท่านพี่…ท่านพี่ รอข้าด้วย” เอ้อร์เป่ารีบร้อนวิ่งตามไป
จูชีไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้แต่หิ้วตะกร้าไม้ไผ่ตามมาด้านหลัง “รอข้าด้วย รอข้า รอข้า”
“เจ้าโง่!”
“เจ้ารอก่อนเถอะ อย่าให้ข้าตามทันนะจูโก่วหวา บิดาจะตีเจ้าให้ตาย” ต้าเป่าแสดงท่าดุร้าย
จูโก่วหวาไม่หวาดกลัวสักนิด ทั้งยังทำหน้าล้อเลียนอีกรอบ
แต่แล้วก็ต้องรักสนุกทุกข์ถนัด เมื่อเท้าพลันสะดุดก้อนหินล้มลงไปกองกับพื้น
ต้าเป่าจึงปราดเข้าไปตะลุมบอน
แม้ว่าเอ้อร์เป่าจะยังอายุน้อยอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตัวเองถูกรังแก ก็วิ่งเข้าไปต่อยตีกับจูโก่วหวาเป็นพัลวัน
จูชีไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น ครั้นเห็นต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าวิวาทกับผู้อื่นก็รีบปรี่เข้าไปช่วย
คราวนี้ก็เป็นเรื่องแล้ว ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าเป็นเด็กเล็กทั้งคู่ กับจูโก่วหวาก็ไม่น่าจะห่างกันสักเท่าไหร่ ไม่มีทางก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา แต่จูชีไม่เหมือนกัน ถึงเขาจะโง่แต่ก็เป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งแล้ว
หมัดนั้นต่อยลงไป จูโก่วหวายังจะอยู่ดีได้อีกหรือ?
จูโก่วหวาเจ็บปวดจนร้องโวยวายเสียงดัง “ตีคนตายแล้ว! เจ้าทึ่มสกุลจูตีคนตายแล้ว! ฮือ ๆๆๆ…ข้าจะตายแล้ว! ข้าจะตายแล้ว!”
เด็กคนอื่น ๆ สะดุ้งตกใจไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะตอนที่เห็นใบหน้าโชกเลือดของจูโก่วหวา ก็พลันร้องเสียงหลง “ตีคนตายแล้ว! เจ้าทึ่มสกุลจูตีคนตายแล้ว!”
“แย่แล้ว เจ้าทึ่มสกุลจูตีคนตายแล้ว!”
“จูโก่วหวาถูกตีตายแล้ว”
……
จูถงฮว่า บิดาของจูโก่วหวาบังเอิญผ่านมาทางนี้ เมื่อได้ยินว่าลูกชายตนเองถูกตีตายก็ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน รีบวิ่งเข้ามาดู
กลายเป็นว่าเขาได้เห็นภาพที่ทำให้ตกใจจนตาค้าง จูโก่วหวาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาถูกเจ้าเด็กตัวโตคร่อมไว้บนร่าง ด้านข้างยังมีเด็กอีกสองคนรุมอยู่
“จูโก่วหวา?!” จูถงฮว่าโยนสิ่งของทิ้ง คว้าไม้หาบมาได้ก็ปรี่เข้าไป ฟาดไม้ลงบนศีรษะของจูชี
จูชีตาเหลือก ล้มลงกับพื้น
ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าร้องเสียงแหลม “อาเล็ก?!”
“ใครก็ได้ อาเล็กถูกคนตีตายแล้ว!”
“ฮือ ๆ…ท่านย่า ช่วยด้วย อาเล็กถูกคนตีตายแล้ว!”
……
จูถงฮว่ากอดลูกชายที่เลือดไหลอาบหน้า ร่ำร้องอย่างเจ็บปวด “ลูกพ่อ โก่วหวาลูกพ่อ เจ้าตายอนาถนัก!”
จูโก่วหวาที่เจ็บปวดจนน้ำตาไหลพูดขึ้นเสียงแหบแห้ง “ท่านพ่อ ท่านพ่อ…ข้ายังไม่ตาย ท่านพ่อ…”
ทว่าจูถงฮว่าพลันร้องไห้หนักกว่าเดิม ไม่ได้ยินเสียงเบาหวิวของลูกชายเลยสักนิด
หมู่บ้านสกุลจูจะใหญ่สักเท่าไหร่เชียว?
มีกันอยู่แค่ไม่กี่สิบครัวเรือน จุดเกิดเหตุห่างจากเรือนของจูเหล่าโถวไม่ไกล ย่อมได้ยินเสียงร่ำร้องวุ่นวายทางนี้อยู่บ้าง
โดยเฉพาะต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าที่ร้องไห้วิ่งมาที่เรือน ตัวยังไม่ทันถึง เสียงก็ลอยเข้ามาก่อนแล้วว่า ท่านย่า อาเล็กถูกคนตีตายแล้ว!
ยามนั้นเย่อวี๋หรานกำลังหลับตานอนพักอยู่ในห้อง เสียงตะโกนที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้นางตกใจจนสะดุ้งโหยง
ตอนแรกนางยังคิดไม่ออกว่า ‘อาเล็ก’ ที่ว่าหมายถึงใคร แต่นางฟังออกว่านั่นเป็นเสียงร้องไห้ของต้าเป่ากับเอ้อร์เป่า
อาเล็ก?
อาเล็กของต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าไม่ใช่ลูกชายที่นางได้มาโดยไม่ต้องลงแรงอย่างจูชีเด็กโง่คนนั้นหรอกหรือ?!
เย่อวี๋หรานลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียง
จูปาเม่ยวิ่งออกมาจากในห้อง “ท่านแม่…ที่ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าพูดถึง คงไม่ใช่พี่ชายโง่งมของข้าคนนั้นหรอกนะ?” ตอนพูดจาแม้แต่น้ำเสียงก็ยังสั่นเครือ
เห็นได้ว่าแม้ยามปกตินางจะรังเกียจพี่ชายคนนี้ แต่เมื่อได้ยินข่าวการตายของอีกฝ่ายกลับสะท้านสะเทือนขึ้นมาเสียแล้ว
MANGA DISCUSSION