บทที่ 15 คงพอประทังไปได้ช่วงหนึ่งกระมัง?
หลิ่วซื่อมองภาพตรงหน้า พลันตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ครั้นต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าดึงชายกระโปรงของนาง จึงได้สติกลับมา
“ท่านแม่ ท่านย่าบอกให้ท่านทำกับข้าว ท่านรีบทำเถอะขอรับ เดี๋ยวท่านย่ากลับมาเห็นท่านทำช้าจะโดนตำหนิเอาได้” ต้าเป่าหันไปพูดกับมารดา
เอ้อร์เป่าเสนอตัวขึ้นมาว่า “ท่านแม่ ข้าช่วยท่านจุดไฟนะขอรับ”
ต้าเป่าเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า “ท่านแม่ ข้าช่วยท่านล้าง เจ้านี่แข็ง ข้าไม่ทำมันเละแน่นอน”
“ดี พวกเจ้าช่วยแม่ทำนะ” หลิ่วซื่อยกอ่างไม้ขึ้นมาตักน้ำและเริ่มล้างมันเทศ
“อาเจ็ด ท่านนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่าเดินเพ่นพ่าน” ต้าเป่ายกเก้าอี้ไม้มาให้จูชี เพื่อให้เขานั่งอยู่ตรงนั้น
ส่วนเรื่องที่ว่าจะดูแลอาเจ็ดอย่างไรนั้น ต้าเป่าฝึกฝนจนชำนาญงานแล้ว
หากอยากให้อาเจ็ดอยู่เฉย ๆ ไม่ไปไหนมั่วซั่วก็หาอะไรให้เขาทำ มิเช่นนั้น หันกลับมาอีกทีก็อาจไม่เห็นแม้แต่เงา
“ได้” จูชีรับคำ นั่งมองพวกเขาล้างมันเทศอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่าย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากขยับ แต่ต้าเป่าไม่อนุญาต
“ท่านแม่ ท่านว่าเจ้านี่สุกแล้วจะมีรสชาติอย่างไรหรือ?” เอ้อร์เป่ามีสีหน้าสงสัย ครั้นนึกถึงรสชาติหวาน ๆ กรอบ ๆ ที่เพิ่งกินไปเมื่อครู่นี้ เขาก็กลืนน้ำลายขึ้นมา
เจ้าสิ่งนี้ยังอร่อยกว่าผลไม้ป่าที่เขาเคยกินมาก่อนเสียอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านย่ากับอาหญิงสี่หาเจอได้อย่างไร
หลิ่วซื่อสั่นศีรษะตอบเสียงเบา “ข้าไม่รู้”
“ท่านแม่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็ต้องไม่รู้อยู่แล้ว เจ้าจะรีบไปทำไม? อีกหน่อยเอาลงหม้อเดี๋ยวก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?” ต้าเป่าพูด
ทว่าเอ้อร์เป่าไม่ยินดี “เจ้าก็กลืนน้ำลายเหมือนกันนี่? หรือเจ้าไม่อยากรู้ว่ามันมีรสชาติอย่างไร?”
“อยาก” ต้าเป่าว่า “แต่ว่ายังนึ่งไม่สุก ท่านย่ายังไม่กลับมา พวกเรายังกินไม่ได้ แอบกินจะถูกตี”
เอ้อร์เป่าหุบปากลงฉับ ทอดถอนใจราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย “เฮ้อ…ท่านย่าดุเกินไปแล้ว!”
หลิ่วซื่อชะงักมือเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และก้มหน้าล่างมันเทศต่อ
ภายในห้อง จูปาเม่ยดื่มน้ำในกาบนโต๊ะหมดแล้ว นางแอบย่องไปเปิดประตู แต่กลับพบว่าเปิดอย่างไรก็เปิดไม่ออก
นางได้แต่ร้อนรน “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเปิดประตูให้ข้าที ข้าจะไปห้องน้ำ”
หลิ่วซื่อได้ยิน ทว่าแม้แต่ศีรษะก็ไม่เงยขึ้นมา “ข้าไม่มีกุญแจ”
“ไม่นะ?! สวรรค์! ข้าจะราดแล้ว!” จูปาเม่ยย่ำเท้าไปมาอยู่ในห้อง พยายามกลั้นไว้สุดฤทธิ์
นางไม่เข้าใจเลย หากท่านแม่ไม่มีอะไรแล้วจะใส่กลอนประตูไว้แต่เช้าทำไม นางก็อยู่เรือนนี่นา?
ต้าเป่าได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะอย่างมีเลิศนัย “อาแปด ท่านก็ฉี่ใส่อ่างอย่างไรเล่า ไหน ๆ ตอนนี้ท่านก็ออกมาไม่ได้อยู่ดี”
“เจ้าเด็กน่าตายคนนี้! รอก่อนเถอะ กล้าหัวเราะเยาะข้า ข้าออกไปได้ต้องจัดการเจ้าแน่” จูปาเม่ยโมโหจนหน้าแดง
นางโตขนาดนี้แล้วยังจะให้ปัสสาวะใส่ในอ่าง เรื่องนี้ถ้าเผยแพร่ออกไป นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ยิ่งไปกว่านั้น ห้องก็เล็กแค่นี้ ถ้านางถ่ายเบาจริง ๆ กลิ่นจะแรงขนาดไหนกัน?
ต้องเป็นเพราะว่าครั้งที่แล้วต้าเป่าฉี่รดที่นอนแล้วถูกนางหัวเราะเยาะ เด็กที่น่าตายผู้นี้จึงจำไว้ในใจเป็นแน่
เรื่องธรรมชาติของร่างกายแบบนี้ใครเลยจะควบคุมได้?
สุดท้ายจูปาเม่ยก็อับจนปัญญา ภายใต้ระฆังฉุกเฉินของร่างกาย ได้แต่ยอมรับ ‘ข้อเสนอ’ นี้ของต้าเป่า จัดการลากอ่างล้างเท้าออกมาจากใต้เตียง…
ตอนที่เสียงของมันดังขึ้น จูปาเม่ยอับอายอยู่บ้าง แต่ในไม่ช้าภาระที่ร่างกายแบกเอาไว้ก็ถูกปลดเปลื้องออกไป นางสัมผัสได้ถึงความเบาสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พลันโล่งสบายตัวขึ้นมา
เพียงแต่กลิ่นแรงไปบ้าง นางรู้สึกขยะแขยงจนแทบจะอาเจียน
“แหวะ…”
รีบร้อนหาอะไรมาปิดบังเป็นพัลวัน กลายเป็นว่าไม่ทันระวังก็ไปถูกเสื้อผ้าเข้า
คราวนี้ดีนัก เสื้อผ้าตกลงไปในอ่างแล้ว ยังจะมีจุดจบที่ดีได้หรือ?
เปียกหมด
“แหวะ…”
จูปาเม่ยรังเกียจยิ่ง
อีกด้านหนึ่ง จูเหล่าโถวพาลูกชายกับลูกสะใภ้หลายคนตามหลังหลี่ซื่อขึ้นไปบนเขา
เมื่อเขาพบว่าเส้นทางนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางที่เคยใช้กันมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เมียเจ้าสี่ เจ้าเดินซี้ซั้วในเขาได้อย่างไรกัน? ไม่รู้ว่าเขาไท่ตังลูกนี้อันตรายรึ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบ ต้องสั่งเสียไว้กับที่นี่แล้ว”
หลี่ซื่อยึดถือคำพูดของพ่อสามีเป็นลมที่ผ่านหู นางกล่าวว่า “ไม่ได้เดินซี้ซั้วสักหน่อย เมื่อครู่ข้าก็เดินออกมาทางนี้แหละ”
“ทางนี้ไม่ใช่ทางที่ใช้กันปกติ เจ้าไม่รู้หรือว่าเมื่อก่อนมีคนตายในภูเขาไท่ตังมาตั้งกี่คนแล้ว? ตายกันไปเยอะขนาดนั้น เจ้าก็ไม่มีสมองคิดสักหน่อยหรือ?”
ได้ยินพ่อสามีด่า แต่หลี่ซื่อไม่ขานรับแล้ว พลางแอบบ่นในใจว่า แน่จริงท่านก็ไปตะโกนต่อหน้าแม่สามีสิ ท่านกล้าหรือไม่?
เชอะ!
มาขึ้นเสียงใส่ข้า มีประโยชน์หรือ?
รอท่านดุกว่าแม่สามีแล้วค่อยมาว่ากันใหม่เถอะ
ตอนเริ่มขุดผักป่ากลับไม่รู้สึกว่าเดินเข้าไปลึกสักเท่าไหร่ กระทั่งหลี่ซื่อแบกตะกร้ากลับออกมาจากในป่า จึงพบว่าพวกนางเข้าไปค่อนข้างลึกจริง ๆ นั่นแหละ
ถ้าไม่ใช่เพราะบนพื้นยังมีร่องรอยที่พวกนางขุดผักหลงเหลืออยู่ เกรงว่าคงหลงทางไปแล้ว
ยิ่งเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ จูเหล่าโถวก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา ตอนที่เขากำลังจะบอกให้หลี่ซื่อไม่ต้องไปต่อแล้ว ในที่สุดหลี่ซื่อก็พูดว่า “ถึงแล้ว”
หลังจากนั้นก็ผละออกจากพวกเขาไปอย่างหน้าชื่นตาบาน สองขาวิ่งออกไปข้างหน้า
“ท่านแม่ ข้าพาพวกเขามาแล้วเจ้าค่ะ”
เย่อวี๋หรานนั่งอยู่ข้างกองมันเทศ แทะมันเทศครึ่งลูก ใกล้จะถึงเวลาอาหารเที่ยงอยู่รอมร่อ ยุ่งมาตลอดช่วงเช้า จะไม่หิวอย่างไรไหว?
“มากันแล้ว? ลงมือเถอะ รีบขุด” เย่อวี๋หรานยืนขึ้น บอกกับพวกเขาว่าตรงไหนคือใบมันเทศ เริ่มควรขุดจากตรงไหน
จูซื่อมีสีหน้าประหลาดใจ “ข้านึกว่าเจ้าผลแบบนี้จะงอกอยู่บนต้นเสียอีก ที่แท้ก็หาเอาจากในดิน มิน่าล่ะเมียข้าถึงให้เอาจอบอันเล็กมาด้วย”
จอบของยุคสมัยนี้ยังเรียบง่ายอยู่มาก แทนที่จะเรียกว่าจอบ ไม่สู้เรียกมันว่าคราดจะดีกว่าหรือ หน้าตาของมันคล้ายตะหลิวที่ค่อนข้างกว้าง และดัดส่วนหน้าให้งอเล็กน้อย
เย่อวี๋หรานดีใจยิ่งนัก อย่างน้อยก็ไม่ใช่แบบที่ปลายตรง ไม่อย่างนั้นถ้าใช้เท้าเหยียบลงไปขุดดิน ไม่รู้ว่าต้องเปลืองแรงมากแค่ไหน
“ใบพวกนี้อย่าโยนทิ้ง เอาไปป้อนหมูได้ เมียเจ้าใหญ่ต้องขึ้นเขาไปตัดหญ้าเลี้ยงหมูทุกวันก็ไม่ง่ายเลย”
“ตอนขุดก็ระวังหน่อย อย่าขุดจนทำมันเทศหักเข้าล่ะ หักแล้วจะเสียง่าย มีแต่พวกที่ดี ๆ หน่อยที่เก็บรักษาได้นาน สามารถเก็บไว้ได้ถึงฤดูหนาว”
เมื่อมีคนแล้วเย่อวี๋หรานก็ไม่คิดอยากทำงานอีก จึงส่งต่อให้พวกเขา
อย่างไรเสียผู้ชายกลุ่มนี้ก็ทำงานหนักกันมาจนชิน ตอนนี้ยังมีของกินอยู่ตรงหน้ารอพวกเขามาเก็บเกี่ยว เป็นต้องเต็มอกเต็มใจทำแน่
จูซานได้ยินอย่างนั้นก็รีบถาม “ท่านแม่ มันเก็บไว้ได้นานขนาดนั้นจริงหรือ?”
“เจ้าอย่าขุดจนมันเสียหายก็พอ”
“ได้ ท่านแม่ ข้ารู้แล้ว รับรองว่าไม่ขุดมันเสียแน่” จูซานรีบรับประกัน
จูต้ากับจูเอ้อร์ทำงานไปอย่างเงียบ ๆ
พวกผู้ชายรับหน้าที่ขุด ส่วนหลิวซื่อ หลี่ซื่อ และหลินซื่อช่วยกันปัดดินออกจากมันเทศอยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็วางใส่ในตะกร้าสะพายหลัง
เห็นของกินมากมายขนาดนี้ ดวงตาของหลิวซื่อก็ฉายแววยินดี นางคิดในใจว่าไม่รู้เจ้าสิ่งนี้จะอิ่มท้องหรือไม่ ถ้าใช่ เยอะขนาดนี้จะเก็บไว้ได้นานเท่าไหร่กัน?
ต่อให้กินกันคนละหัวก็น่าจะกินได้สักหลายมื้อกระมัง?
หลินซื่อดีใจยิ่งนัก นางเพิ่งแต่งเข้ามา ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ภายในบ้าน แต่ว่ามีของกินเยอะขึ้นอีกหน่อย ใครจะไม่ยินดี?
เมื่อจูเหล่าโถวเห็นของกินมากมายขนาดนั้นก็โล่งใจ
ปีนี้อากาศค่อนข้างแห้งแล้ง เขากังวลมาตลอดว่าอาจเก็บเกี่ยวได้ไม่ดีเท่าปีที่แล้ว ในเรือนยังมีสมาชิกเพิ่มมาอีกคน เจ้าตัวเล็กสองคนก็โตขึ้นมาหน่อยแล้ว ทั้งยังกินจุขึ้น ถึงตอนนั้น…
มีมันเทศพวกนี้ คงพอประทังไปได้ช่วงหนึ่งกระมัง?
MANGA DISCUSSION