บทที่ 146 คลอดลูก
ปกติจูซื่อมักจะตื่นนอนเวลานี้ แต่ในวันนี้ข้างกายพลันมีเสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้นมา ทำเอาเขาสะดุ้งตกใจทันที
“เป็นอะไร? เจ้าไม่สบายตรงไหน?!”
หลายวันมานี้ มารดากำชับกับเขาบ่อย ๆ ว่าหลี่ซื่ออาจคลอดเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนกลางคืนอย่าหลับลึกเกินไป มีอะไรก็ให้ไปรายงานนาง
สวรรค์จึงทราบว่าทุกทีขึ้นเตียงได้ไม่นานจูซื่อก็หลับเป็นตาย ฟ้าร้องยังไม่รู้สึกตัว
แต่เพราะต้องตื่นเช้าไปเก็บแหตกปลาจนเคยชิน ทำให้นิสัยการนอนของเขาเปลี่ยนแปลงไป
“ไม่ ไม่เป็นไร…” หลี่ซื่อฝืนพูด
“ยังจะมาไม่เป็นไรอีก เจ้าเหงื่อโชกหมดแล้ว ไม่ได้การ ข้าต้องไปบอกท่านแม่” จูซื่อเห็นอยู่เต็มตา ภรรยาของเขาปากบอกไม่เป็นไร แต่กลับกัดริมฝีปากจนซีดไปหมดแล้ว จะไม่เป็นไรได้อย่างไร?
ที่มารดาของเขาพูดคงหมายถึงสถานการณ์แบบนี้สินะ?
หลี่ซื่อรีบดึงมือเขาไว้ “อย่า อย่าบอกท่านแม่ เมื่อวานข้าไม่เชื่อฟังท่านแม่ จะออกไปเดินเล่นให้ได้ พอกลับมาก็ไม่สบายตัว…ถ้าท่านแม่รู้เข้าจะต้องตำหนิข้าแน่นอน”
นางอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร กลัวว่าจูซื่อจะทำให้ตนเองถูกแม่สามีตำหนิ
จูซื่อแทบหัวเราะออกมาด้วยความโมโห “เจ้าทรมานจนมีสภาพนี้แล้วยังกลัวท่านแม่ด่า? ถ้าเจ้ากลัวนักแล้วออกไปทำไม? เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านแม่มักบอกข้าประจำว่าบางทีเจ้าก็ประมาทเลินเล่อ ไม่ยอมตระหนักว่าตัวเองใกล้จะคลอดอยู่แล้ว ให้ข้าคอยสังเกตเอาไว้ กลัวว่าเจ้าจะเกิดเรื่อง เจ้ากลับไม่เชื่อฟังท่านแม่ จะรอให้จนถึงตอนเกิดเรื่องก่อนค่อยบอกอย่างนั้นหรือ?”
เขาสะบัดมือหลี่ซื่อแล้ววิ่งออกไป
หลี่ซื่อทั้งโมโหทั้งร้อนใจ น้อยเนื้อต่ำใจเหลือประมาณ น้ำตาไหลพรากลงมาทันที “เจ้าดุข้า ข้าเจ็บจนขนาดนี้แล้ว เจ้ายังกล้าดุข้า…ฮือ ๆๆ…จูซุ่นกวง เจ้าบ้า!”
เย่อวี๋หรานเพิ่งตื่นนอน กำลังล้างหน้าบ้วนปากก็เห็นจูซื่อวิ่งหน้าตื่นมาหา “ท่านแม่ เกิดเรื่องแล้วขอรับ เมียข้าน่าจะคลอดแล้ว”
“ตั้งสติหน่อย ตอนนี้จะเกิดเรื่องอะไรได้ คิดว่าคงจะคลอดแล้วกระมัง” เย่อวี๋หรานล้างหน้าแล้วพูดว่า “จะคลอดก็ไม่เร็วปานนั้น โดยทั่วไปก็ปวดแปลบขึ้นมาก่อน ทิ้งช่วงปวดไปเรื่อย ๆ รอจนถึงตอนที่ความปวดถี่ขึ้นถึงจะเป็นเวลาคลอด…”
แต่นางก็หันไปบอกหลิ่วซื่อที่อยู่ข้างกายให้ไปต้มน้ำร้อนเตรียมเอาไว้
จากนั้นก็บอกหลิวซื่อไปเชิญหมอตำแยจากในหมู่บ้าน แล้วให้หลินซื่อตามตนเองไปดูอาการหลี่ซื่อที่ห้อง
จูซื่อเห็นว่ามารดาสั่งงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนก็ตะลึงไปเล็กน้อย หมายความว่าภรรยาของเขาจะคลอดแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว?
เย่อวี๋หรานเข้าไปในห้องก็เห็นหลี่ซื่อร่ำไห้ด่าทอจูซื่อไม่หยุด
นางฟังเนื้อหาแล้วก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เลิกด่าได้แล้ว เจ้าสี่ร้อนใจแบบนั้นก็เพราะเป็นห่วงเจ้าไม่ใช่หรือไร? ถ้าเจ้านอนเจ็บอยู่บนเตียง ส่วนเขาเห็นแล้วแต่ไม่ใยดี นั่นถึงจะเรียกว่าเห็นคนใกล้ตายแล้วยังไม่ช่วย แบบนั้นเจ้าจึงสมควรร้องไห้”
หลี่ซื่อเห็นแม่สามีก็เกิดกลัวขึ้นมา รีบยอมรับความผิดทันที “ท่านแม่ ข้าสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว ข้าแค่เดินเล่นรอบหมู่บ้านไปรอบเดียว ข้าอดใจไม่ไหวจริง ๆ อยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย…”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า?” เย่อวี๋หรานเดินไปถึงข้างเตียง ลูบไล้หน้าผากหลี่ซื่อแล้วจับชีพจรนาง
เย่อวี๋หรานย่อมจับชีพจรไม่เป็นอยู่แล้ว แต่นางพอรู้ว่าชีพจรของคนปกติอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ลองจับดูแล้วเทียบกันสักหน่อย ขอแค่ไม่ต่างกันมากก็พอ
นางจับชีพจรพลางถามว่า “เริ่มเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“กลับมาก็ปวดแล้วเจ้าค่ะ…” หลี่ซื่อพูดเสียงเบา “แค่ปวดนิดหน่อยเท่านั้น จริง ๆ นะเจ้าคะ ท่านแม่ ตอนแรกปวดนิดเดียว ข้าไม่เจ็บไม่คันด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่ได้ปวดตลอดเวลา เว้นช่วงไปนานค่อยปวดขึ้นมาอีก…แต่ตอนใกล้จะสว่าง มันเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าอดไม่ไหว…”
ครั้นกำลังพูดอยู่ หลี่ซื่อก็ร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด
“งั้นก็ใช่แล้ว น่าจะใกล้คลอดแล้วกระมัง เจ้าอย่าขยับ ข้าขอดูหน่อย” เย่อวี๋หรานกล่าวพลางเลิกผ้าห่มบนตัวหลี่ซื่อ
หลี่ซื่อสะดุ้ง แต่ไม่รู้ว่าตกใจคำพูดของเย่อวี๋หรานหรือถูกการกระทำของเย่อวี๋หรานทำให้ตกใจกันแน่
“อยู่นิ่ง ๆ”
“ท่านแม่ ท่านอย่าถอดกางเกงข้าสิ”
“เจ้าจะคลอดอยู่แล้ว ไม่ถอดออกแล้วจะคลอดอย่างไร?”
หลี่ซื่อ “…” ก็ข้าอายนี่นา
จูซื่อถอดกางเกงนางก็แล้วไปเถอะ แต่มาถูกแม่สามีถอดกางเกงด้วย มันใช่เรื่องไหม?
โดยเฉพาะตอนนี้หลินซื่อยังยืนอยู่ข้าง ๆ น่าอายยิ่งนัก
ความจริงแล้ว หลินซื่อเองก็กระอักกระอ่วนใจไม่เบา แต่ด้วยความที่เป็นภรรยามือใหม่ที่ยังไม่เคยคลอดลูกมาก่อน นางไม่รู้จริง ๆ ว่าเวลานี้ควรทำอะไร
“ก่อนหน้านี้ข้าให้เจ้าเตรียมผ้าห่มเอาไว้ เจ้าเตรียมไว้แล้วใช่ไหม?” เย่อวี๋หรานถอดกางเกงของหลี่ซื่อออกเพื่อดูปากมดลูก คิดไม่ถึงเลยว่าปากมดลูกจะเปิดกว้างขนาดนั้นแล้ว น้ำคร่ำเปียกชุ่มกางเกง หลี่ซื่อไม่รู้สึกตัวเลยหรือว่ามีของบางอย่างไหลออกมา?
หลี่ซื่อตอบอย่างอับอายว่า “ข้านึกว่าเป็นเลือด…”
“เลือดไหลแล้วเจ้ายังไม่รู้จักร้องเรียกคน ไม่รักชีวิตแล้วรึ?” เย่อวี๋หรานได้ยินดังนั้นก็โมโห ด่านางไปยกหนึ่ง
หลี่ซื่อชอกช้ำใจ นางกลัวว่าจะถูกด่าจึงไม่กล้าพูดต่างหาก
สวรรค์เท่านั้นจึงทราบว่าตอนนางสัมผัสได้ว่าช่วงล่างมีบางอย่างไหลออกมา แค่คิดว่าเป็นเลือดก็กลัวว่าตนเองจะต้องตายเสียแล้ว ไฉนเลยจะกล้าไปแตะต้องอีก?
นางจินตนาการถึงภาพน่ากลัวมากมาย…
เย่อวี๋หรานไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว รีบบอกให้หลินซื่อเอาผ้าห่มที่หลี่ซื่อเตรียมเอาไว้ออกมา เปลี่ยนผ้าห่มให้หลี่ซื่อ แล้วเอาอันเก่าออกไปผึ่ง
“เมียเจ้าห้า เจ้าแวะเอาน้ำร้อนจากในครัวมาด้วย”
“เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว ท่านแม่” หลินซื่อมือเท้าคล่องแคล่ว ตระหนักว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงชีวิตคน ไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย
เย่อวี๋หรานหันมาบอกหลี่ซื่อว่าหมอตำแยใกล้จะมาถึงแล้ว ถ้านางรอไหวก็รอไปก่อน ถ้ารอไม่ไหว สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างกำลังแทรกตัวออกมาตรงเบื้องล่างก็ให้ออกแรงได้เลย
“กรรไกรในห้องของเจ้าล่ะ? กรรไกรอยู่ไหน?”
“อยู่ในตะกร้าใต้เตียงเจ้าค่ะ” เนื่องจากช่วงนี้กำลังทำเสื้อผ้าชุดใหม่ หลี่ซื่อจึงเก็บของไว้ใต้เตียงจะได้หยิบออกมาทำต่อได้ทุกเมื่อ
เย่อวี๋หรานหาพบอย่างรวดเร็ว ส่วนหลิ่วซื่อก็ประคองน้ำร้อนเข้ามาพอดี “ท่านแม่ น้ำที่ใช้ล้างหน้าเช้านี้ยังเหลืออยู่บ้างก็ใช้อันนี้เถอะเจ้าค่ะ น้ำบนเตาต้องรออีกสักพัก”
“เร็วหน่อย” เย่อวี๋หรานพูด “เมียเจ้าสี่ทึ่มนัก เริ่มปวดตั้งแต่เมื่อวาน นางเข้าใจว่าเดินมากจึงปวดท้อง กลัวว่าจะถูกข้าตำหนิจึงไม่กล้าพูด ปิดบังมาจนถึงตอนนี้ ข้าดูปากมดลูกแล้ว เปิดกว้างทีเดียว คาดว่าคงจะคลอดเร็ว ๆ นี้…”
หลิ่วซื่อมองหลี่ซื่อที่อยู่บนเตียงอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าน้องสะใภ้สี่จะกลัวแม่สามี?
นางเข้าใจมาตลอดว่าน้องสะใภ้สี่ที่ขยันก่อเรื่องไม่รู้จักกลัวแม่สามีเสียอีก
“เจ้าเคยคลอดลูกแล้วก็บอกเมียเจ้าสี่หน่อยว่าตอนคลอดรู้สึกอย่างไรบ้าง ต้องออกแรงอย่างไร ข้าเกรงว่าหมอตำแยจะมาไม่ทัน…”
จากทางนั้นมาถึงทางนี้ บวกเวลาเข้าไปเล็กน้อย ไม่แน่ว่าหมอตำแยอาจยังไม่ตื่นก็ได้ ระหว่างนั้นคงเสียเวลาพอสมควร ตอนมาถึงสถานการณ์จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้
ลางสังหรณ์ของเย่อวี๋หรานไม่ได้แม่นยำระดับธรรมดาเลย หลิ่วซื่อเพิ่งอธิบายจบก็ได้ยินเสียงหลี่ซื่อร้อง “อื้อ” เพื่อออกแรง และยังกล่าวอย่างแตกตื่นว่า “ท่านแม่ ข้ารู้สึกเหมือนมีอะไรออกมาแล้ว”
MANGA DISCUSSION