บทที่ 14 มันเทศ
เย่อวี๋หรานขุดมันหัวหนึ่งออกมาอย่างยากลำบาก ใช้ใบหญ้าเช็ดดินออกจนสะอาด ออกแรงแบ่งมันเทศขนาดใหญ่กว่ากำปั้นเล็กน้อยออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งเก็บไว้ให้ตนเอง อีกครึ่งส่งให้หลี่ซื่อ
“เจ้าลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร”
ว่าแล้วก็ไม่สนใจหลี่ซื่อ เอาเข้าปากกัดไปคำหนึ่ง
ทว่าหลี่ซื่อไม่กล้ากิน มองนางอย่างกังวล “ท่านแม่ ท่านไม่ได้กินไปหรอกใช่ไหม? ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนนะเจ้าคะ?”
“หวานมาก!” เย่อวี๋หรานพ่นเปลือกออกมาแล้วพูดขึ้น
“หวานจริง ๆ หรือเจ้าคะ?”
“ข้าจะโกหกเจ้าทำไม? ข้าเรียกเจ้าออกมาก็เพื่อวางยาพิษฆ่าเจ้ากลางป่ากลางเขาอย่างนั้นรึ?”
หลี่ซื่อยิ้มเจื่อน ถึงปกติแล้วแม่สามีจะดุไปบ้าง แต่นางไม่คิดว่าแม่สามีจะทำร้ายนางแบบนั้น
แม่สามีก็กินแล้ว นางยังจะต้องกลัวอะไรอีก?
ทั้งไม่รังเกียจว่ายังไม่ล้าง เลียนแบบแม่สามี กัดกินไปคำหนึ่ง
ฉับพลันนั้นรสชาติหวานๆ ก็แผ่ซ่านในปาก หลี่ซื่อตกตะลึง “กินได้จริง ๆ ด้วย?! ไม่ใช่ ข้าหมายความว่าทำไมมันถึงอร่อยแบบนี้?”
พูดจบก็กินต่อ
“จริง ๆ นะเจ้าคะ ท่านแม่ อันนี้อร่อยเชียว อร่อยกว่าเจ้าผลแดงน้อยนั่นอีก เนื้อเยอะ เคี้ยวหนึบ มีน้ำเยอะอีกต่างหาก…”
“อร่อยเกินไปแล้ว!”
ครู่เดียว หลี่ซื่อก็กินครึ่งนั้นจนหมด แม้เปลือกก็ยังไม่เว้น กระทั่งเปลือกที่ยังเปื้อนดินอยู่ก็กลืนลงไปด้วย
แต่เย่อวี๋หรานกลับยังค่อย ๆ แทะกินอยู่ตรงนั้น ต่อให้ไม่มีน้ำล้าง ก็คงไม่ถึงกับต้องกลืนเปลือกเปื้อนดินลงไปด้วยกระมัง?
นางคิดว่าตัวเองไม่พิถีพิถันมากแล้ว แต่เทียบกับหลี่ซื่อก็พลันรู้สึกว่ายังพยายามได้ไม่มากพอ นี่จึงเป็นคนในครอบครัวชาวนาที่เคยลำบากมาก่อนอย่างแท้จริง
แต่จะให้นางกลืนเปลือกที่มีดินลงไปด้วย เย่อวี๋หรานก็รู้สึกว่านางกลืนไม่ลงอยู่บ้าง
ไม่อย่างนั้น ส่วนที่เหลือนี้ก็ไม่ต้องกินแล้ว กลับไปล้างที่เรือนก่อนค่อยกิน?
เปลือกของมันก็กินได้เหมือนกันนี่นา
“ท่านแม่ ท่านกินไปก่อน ข้าขุดเองเจ้าค่ะ” คราวนี้ไม่ต้องให้เย่อวี๋หรานสั่งความ หลี่ซื่อหาท่อนไม้ท่อนหนึ่งให้ตัวเอง ลงมือขุด “ฮึบ ๆ” ท่าทางกระตือรือร้น
“ท่านแม่ ดูสิเจ้าคะ ข้าขุดได้อีกหัวแล้ว!”
“ท่านแม่ เจ้านี่มีเยอะเชียว ท่านดู กองนี้มีตั้งเยอะ แต่ละหัวใหญ่กว่ากำปั้นอีก ไอ้หยา มารดามันเถอะ ทำให้คนดีใจเกินไปแล้ว”
“แต่เสียดาย บางอันโดนข้าทำหักไปแล้ว”
……
เย่อวี๋หรานค้นพบจุดเด่นอีกอย่างของหลี่ซื่อ นั่นก็คือทำงานคล่องแคล่วกว่านางเสียอีก แต่มีข้อแม้ว่าต้องเอาของกินมาล่อ
“เมียเจ้าสี่ เจ้าลองดูให้ทั่วว่ายังมีใบแบบนี้อยู่อีกไหม?”
“ได้เลยเจ้าค่ะ ท่านแม่ ท่านเอาพวกนี้ใส่ตะกร้าสะพายหลังไปก่อนนะเจ้าคะ” หลี่ซื่อหยิบใบไม้บนพื้นขึ้นมาเดินหาไปทั่ว
วางมันเทศไว้ข้างล่าง วางผักป่าไว้ข้างบน เย่อวี๋หรานเพิ่งจะจัดเสร็จก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากฝั่งหลี่ซื่อ “ท่านแม่ เร็วเข้า ฝั่งนี้ยังมีอีกเจ้าค่ะ”
เย่อวี๋หรานสะพายตะกร้าขึ้นบนหลัง เดินเร็ว ๆ เข้าไปหาก็เห็นหลี่ซื่อยืนอยู่ข้างกองมันเทศ และเริ่มลงมือขุด
“ท่านแม่ ท่านดูเร็ว ใบมันเทศเยอะขนาดนี้จะต้องขุดได้เยอะแน่เลยเจ้าค่ะ”
เย่อวี๋หรานพลันบังเกิดความรู้สึกอยากจะกอด ‘นิ้วทองคำ’ ของตัวเองแล้วจุ๊บสักที
มีนิ้วทองคำอยู่ ยังจะต้องกลัวว่ากินจะไม่อิ่มอยู่อีกหรือ?
“เมียเจ้าสี่ เจ้าไม่ต้องขุดแล้ว”
“ท่านแม่ ฝั่งนี้ยังมีอีก ของกินเยอะขนาดนี้ พวกเรารีบขุดเอากลับเรือนกันเถอะเจ้าค่ะ…”
“ไม่ต้องขุดแล้ว เยอะขนาดนี้พวกเราแบกกลับไม่ไหวอยู่ดี เจ้าเอากลับไปด้วยสักหลายหัว บอกให้พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าทำกับข้าว ในเรือนมีใครอยู่เจ้าก็เรียกมาให้หมด ให้พวกเขาเอาเครื่องไม้เครื่องมือมาด้วย จะได้ขุดเจ้าพวกนี้กลับไปให้หมด” เย่อวี๋หรานว่า “แยกกันมา อย่ามาพร้อมกัน เดี๋ยวจะดึงดูดความสนใจคนอื่นได้”
แม้จะทำงานจนเหงื่อออกเต็มศีรษะ แต่หลี่ซื่อฟังคำแม่สามีแล้วก็เข้าใจ พยักหน้าทันที
นางอุ้มท้องโตขนาดนี้ เวลาทำงานกลับปราดเปรียวไม่เบา หยิบมันเทศออกจากตะกร้าสะพายหลังอยู่หลายหัว ชั่งน้ำหนักเล็กน้อย จากนั้นก็เอาผักป่าคลุมทับ แล้วหมุนกายเดินจากไป
เย่อวี๋หรานนึกเป็นห่วงอยู่บ้าง “เจ้าอย่ารีบเดินเกินไป ระวังเด็กในท้องด้วย”
“เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้วท่านแม่” หลี่ซื่อคิดว่าแม่สามีดีกับนางเกินธรรมดาจริง ๆ แม่สามีบ้านไหนบ้างสั่งงานลูกสะใภ้แล้วยังกลัวว่าจะทำให้ลูกในท้องของนางพลอยเหนื่อยไปด้วย?
เย่อวี๋หรานส่ายศีรษะ
ว่าไปแล้วก็บังเอิญยิ่งนัก วันนี้พวกจูเหล่าโถวไม่มีอะไรทำพอดี กลับเรือนมาเร็วกว่าปกติ
พวกเขากำลังรอให้เย่อวี๋หรานกลับเรือนมาทำอาหาร แต่กลับเห็นหลี่ซื่อกลับมาพร้อมสีหน้าตื่นเต้น
นางปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้ววางตะกร้าบนหลังลง กล่าวอย่างลึกลับว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ มานี่เร็วเข้า วันนี้ข้ากับท่านแม่ขุดได้ของดีด้วยล่ะ”
“ขุดได้ของดีอะไร?” หลินซื่อทำหน้าหนาเบียดเข้ามา
หลี่ซื่อรังเกียจนางอยู่บ้าง แต่ก็หยิบมันเทศมาหัวหนึ่งจากในตะกร้า ให้นางตักน้ำมาล้าง แล้วสั่งให้เอาไปหั่นเป็นชิ้น ๆ ในห้องครัว เพื่อแบ่งทุกคนคนละชิ้น
“นี่คืออะไร?” จูซื่อ สามีของนางเอ่ยถาม
“มันเทศ มันสามารถกินได้” หลี่ซื่อหยิบชิ้นของตนเองขึ้นมายัดใส่ปาก
คนอื่น ๆ แม้จะงุนงงอยู่บ้าง ทว่าเห็นนางกินแล้ว แต่ละคนก็ลองกินตาม
แววตาของจูซื่อพลันวาววับขึ้นมา “นี่คืออะไร?! หวาน ๆ อร่อยมาก!”
ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าตะโกนดังลั่น “อร่อย! อร่อย!”
ภายในห้อง จูปาเม่ยได้ยินแล้วก็รีบร้อนถาม “ท่านแม่กลับมาหรือยัง พี่สะใภ้สี่? ให้ท่านแม่มาเปิดประตูเร็วเข้า”
หลี่ซื่อตอบ “ยังไม่กลับ เจ้ารอไปก่อน”
จูปาเม่ยสบถไปหลายประโยค หากแต่ไม่กล้าส่งเสียงดังมาก เกรงว่าจะมีคนได้ยินแล้วเอาไปฟ้องมารดา ตอนนี้มารดายังเคืองนางอยู่ นางกลัวว่ามารดาจะโกรธเข้าจริง ๆ
“น้องสะใภ้สี่ เจ้าไปไหนมา?” จูซานได้ชิมแล้วก็ประชิดเข้ามาหมายจะหยิบเพิ่ม
หลี่ซื่อรีบห้ามเขา “พี่สาม นี่คือข้าวเที่ยง ห้ามหยิบซี้ซั้ว”
“หา? ข้าวเที่ยง? นี่มันผลไม้ป่าไม่ใช่เรอะ?” จูซานตะลึง
คนอื่น ๆ ก็งุนงงสงสัยเช่นเดียวกัน
“อย่าถามข้า ข้าไม่รู้ ท่านแม่บอกมาอย่างนี้” หลี่ซื่อกล่าวกับหลิ่วซื่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านแม่บอกว่าใส่น้ำแค่ก้นหม้อ เอาชั้นนึ่งไม้ไผ่วางลงไป จากนั้นเอามันเทศที่ล้างสะอาดแล้ววางไว้ข้างบน นึ่งทิ้งไว้ รอจนถึงตอนที่ท่านจับแล้วนิ่ม ๆ เอาตะเกียบแทงทะลุก็คือสุกแล้ว”
“ส่วนคนอื่น ๆ เอาเครื่องไม้เครื่องมือมาด้วย ทยอยขึ้นเขาไปกับข้า”
“จำไว้ว่าซ่อนตัวให้ดี อย่าให้คนอื่นเห็นเข้า”
……
ก่อนที่หลี่ซื่อจะออกมายังไม่ลืมเอาย่ามของตัวเองไปเก็บไว้ในห้อง ไม่ว่าจะเป็นไข่นกหรือผลแดงน้อย นางล้วนไม่ให้พวกเขาเห็น
ล้อเล่นกันหรือ! ผลแดงน้อยเป็นของรักของชอบของนาง เรื่องนี้เกี่ยวพันกับแผนการร่ำรวย นางไม่มีทางให้พวกเขาหรอก
ส่วนไข่นก แน่นอนว่าต้องรอนางกลับมาก่อนค่อยทำ ไม่อย่างนั้นตอนนางไม่อยู่แล้วถูกคนขโมยไปกินจะทำอย่างไร?
ครั้นออกมาแล้วค่อยพาพวกจูเหล่าโถวขึ้นไปบนเขา และยังไม่ลืมเตือนให้พวกเขาหยิบจอบไปด้วย
“เอาไปทำอะไร?” จูซื่อถาม
หลี่ซื่อตอบว่า “รอจนถึงบนเขาแล้วเจ้าก็รู้เอง”
“เจ้าก็บอกข้าก่อนสิ”
“ไม่พูด อีกหน่อยเจ้าก็รู้แล้ว”
“เจ้าเป็นเมียข้านะ เจ้ากระซิบบอกข้า ข้าไม่บอกใครหรอก” จูซื่อแอบมองไปรอบด้าน ท่าทางระมัดระวังอย่างยิ่ง
หลี่ซื่อกลอกตาใส่เขา ไม่หลงกล
จูซื่อพ่ายทัพกลับมา ได้แต่ส่ายหน้าให้พี่สามกับน้องห้าของเขาอย่างเสียดาย
จูซานกับจูอู่มีสีหน้าผิดหวัง จูซื่อเป็นคนขี้ขลาดดังคาด แม้แต่ภรรยาของตัวเองยังจัดการไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นภรรยาของพวกเขา… เฮอะ เฮอะ!
MANGA DISCUSSION