บทที่ 129 ข่าวลือ
จูเหล่าโถวรู้สึกซาบซึ้งใจ เขาทอดถอนใจอย่างหดหู่ “ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะนางคลอดลูกชายให้ข้าหลายคน ข้าคงทนนางไม่ไหวนานแล้ว ทั้งอารมณ์ร้าย จัดการหละหลวม มีอะไรก็ไม่มาคุยกับข้า ชอบตัดสินใจอะไรเองโดยพลการ…”
แค่เผลอใจหน่อยเดียว จูเหล่าโถวก็พรั่งพรูเรื่องเย่อวี๋หรานออกมาไม่น้อย
แม่ม่ายฉินฟังแล้วก็มีท่าทางเข้าอกเข้าใจราวกับประสบเรื่องราวด้วยตนเอง “ไม่หรอกมั้ง นางทำแบบนั้นด้วยหรือ?”
“ไม่ใช่แค่นี้หรอก ข้าบอกเจ้าเลย นางน่ะ…” จูเหล่าโถวยิ่งพูดก็ยิ่งมีอารมณ์
แม่ม่ายฉินยิ่งฟังก็ยิ่งจริงจัง
ทั้งสองคนขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
คนในหมู่บ้านมองเห็นจากไกล ๆ ก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ ไม่กระมัง ข้าดูผิดไปใช่ไหมเนี่ย ทำไมเหมือนเขาเห็นจูเหล่าโถวกับแม่ม่ายฉินกอดกันเลยล่ะ?
“จริงรึ เจ้าเห็นสองคนนั้นกอดกันจริงๆ?!”
“จริงสิ ข้าเห็นกับตาเลยนะ”
“ไม่อยากเชื่อเลย”
“หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นไม่รู้?”
“ต้องไม่รู้อยู่แล้ว ถ้ารู้นะ ฟ้าคงพลิกคว่ำไปนานแล้วล่ะ”
……
ขณะที่ข่าวลือบางอย่างเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านสกุลจู เย่อวี๋หรานกำลังนั่งอยู่ในเรือนของช่างไม้ไฉหงกับจูอู่ และกำลังทดสอบก่อนจะรับคันไถนาก้านโค้งกลับไป
นางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าช่างไม้ผู้นี้จะเก่งกาจปานนี้ นางแค่ให้คนมาอธิบายลักษณะให้ฟังเล็กน้อย เขาก็ทำออกมาได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้านี่ยากก็ตรงส่วนโค้ง ๆ ของมันนี่แหละ โชคดีที่ในห้องเก็บของบ้านข้ามีไม้ที่มีลักษณะโค้งงอวางทิ้งไว้มานานปีพอดี ต้องใช้ความพยายามพอสมควรในการประกอบส่วนอื่น ๆ เข้าไป แต่ในที่สุดก็ทำออกมาได้…” ไฉหงแนะนำผลงานของเขา
เย่อวี๋หรานพยักหน้า บอกให้จูอู่เอาไปทดลองใช้กับที่ดินผืนหนึ่ง
คนหนึ่งลากอยู่ข้างหน้าตรงตำแหน่งวัว ส่วนอีกคนพยุงอยู่ข้างหลัง
จูอู่ลองใช้งานเล็กน้อยก็สัมผัสได้ถึงจุดที่ต่างจากคันไถนาก้านตรงทันที เขาเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “ท่านแม่ เหมือนที่ท่านพูดไว้จริง ๆ ด้วยขอรับ เจ้านี่ช่วยทุ่นแรงได้เยอะเลย ท่านแม่ ท่านเห็นหรือไม่ ไม่ต้องใช้ควาย ข้าลากจากข้างหน้าก็ขยับได้ ส่วนคันไถนาแบบเก่าถ้าไม่มีควายไม่มีทางลากได้เลย”
แม้เขาจะพูดเกินจริงไปบ้าง แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าคันไถนาก้านโค้งใช้งานง่ายกว่าคันไถนาก้านตรง
ถึงตอนท้ายหลังจากที่เขาตีโค้งกลับมาได้ จูอู่ก็ยิ่งตื่นเต้นยินดี “ท่านแม่ โค้งแล้ว ๆ ท่านดู โค้งได้จริง ๆ ด้วยขอรับ”
ท่าทางเช่นนั้นเหมือนกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ไม่มีผิด ลิงโลดเหลือประมาณ
ไฉหงเห็นดังนั้นก็ปลาบปลื้ม เขาประดิษฐ์มันขึ้นมาเองกับมือเชียวนะ
เย่อวี๋หรานกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ช่างไม้ไฉ ท่านคิดว่าของสิ่งนี้ใช้ได้หรือไม่?”
“ได้ ได้มาก ๆ เชียวล่ะ” ไฉหงกล่าว “ของสิ่งนี้ถ้าให้พวกตาเฒ่ามือฉมังพวกนั้นรู้เข้าจะต้องหาทางทำออกมาใช้งานสักอันแน่นอน เจ้านี่ใช้ดีกว่าแบบเดิมนัก ก่อนหน้านี้ข้าให้สหายคนหนึ่งลองใช้งาน เขาก็สั่งกับข้าตัวหนึ่งแล้ว ให้ข้าทำให้เสร็จก่อนฤดูใบไม้ผลิปีหน้า แต่ของสิ่งนี้ทำไม่ง่าย ที่ข้าทำออกมาได้ก็เพราะความบังเอิญ ในเรือนข้ามีไม้ที่มีความโค้งเหมาะสมพอดี ถ้าไม่มีไม้ที่เหมาะ ๆ กลับทำยากนัก…”
จากนั้นเขาก็พูดถึงปัญหาที่เป็นประเด็นเฉพาะทาง
เย่อวี๋หรานฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ความหมายโดยประมาณก็คือ ไม้จะต้องโค้งงอโดยธรรมชาติ ไม่อย่างนั้นถ้าต้องการทำให้ไม้ท่อนหนึ่งโค้งงอก็เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะยิ่งนัก ระดับความร้อน เวลา รวมถึงแรงที่ใช้ล้วนต้องใส่ใจอย่างมาก ถึงเขาจะเป็นช่างไม้ แต่ว่ากันตามตรงแล้ว ปกติได้ใช้งานไม้ที่มีลักษณะเช่นนี้น้อยครั้งยิ่งนัก ทั้งยังเป็นงานหยาบอีกด้วย
“ถ้าทำยากมากก็ทำจำนวนน้อยเอาก็แล้วกัน” เย่อวี๋หรานพูด “พวกเราไม่ได้จำเป็นต้องพึ่งพาการทำของสิ่งนี้เลี้ยงชีพ แค่หาเงินค่าเหนื่อยเล็กน้อย ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ช่างเถอะ”
“ก็นับว่าทำเงินได้อยู่ เทียบกับเย่โต่วแล้ว ของสิ่งนี้ต้องใช้ทักษะมากกว่า ถ้าทำงานไม้ได้ไม่ดี ทำออกมาแล้วก็จะไม่มีคุณภาพ” ไฉหงไฉนเลยจะไม่อยากทำของสิ่งนี้ เพียงแต่อยากจะยกระดับฝีมือของตัวเองขึ้นมาหน่อยเท่านั้น ต้องการให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า พวกเขาเลือกถูกแล้วที่มาทำการค้าร่วมกับตนเอง
แต่เย่อวี๋หรานเดิมทีก็ไม่ได้คิดจะพึ่งพาคันไถนาก้านโค้งหารายได้ นางแค่อยากจะสานสัมพันธ์กับช่างไม้ก็เท่านั้น ไม่แน่ว่าต่อไปอาจต้องได้รบกวนอีกฝ่ายอีก
ถ้าไม่มอบผลประโยชน์ให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ทุกครั้งที่มารบกวนก็ต้อง ‘จ่ายเงิน’ ดังนั้นนางจึงคิดหาวิธีที่จะได้มาเปล่า ๆ ข้าออกความคิด ท่านลงแรง พวกเรามาทำงานด้วยกันเถอะ
ในฐานะคนทำการค้าร่วมกัน ท่านคงไม่สะดวกจะเก็บเงินข้าอยู่ร่ำไปหรอกกระมัง?
เมื่อคันไถนาก้านโค้งมาอยู่ในมือ เย่อวี๋หรานก็ไม่สนใจเรื่องอื่นอีก นางไหว้วานให้ช่างไม้ไฉร่างสัญญาขึ้นมา
ไฉหงเชิญเจ้าหน้าที่ทางการมาทันที แล้วเขียนสัญญาขึ้นมาฉบับหนึ่ง
ก่อนหน้านี้เคยได้ยินคำร่ำลือมาจากหมู่บ้านสกุลจางว่าหญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์รู้หนังสือ แต่ทุกคนไม่เคยเห็นจึงยากจะเชื่ออยู่บ้าง
จนกระทั่งตอนเขียนสัญญา เจ้าหน้าที่ทางการเห็นว่านางหยิบหนังสือสัญญาขึ้นมาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งยังชี้บางข้อบอกว่าต้องการแก้ไขสักหน่อย แสดงชัดเจนว่าคำร่ำลือนั้นไม่เท็จนี่นา!
ตัวอักษรข่ายซู[1] ขนาดเล็กที่งดงามของเย่อวี๋หรานนับว่าน่าประทับใจยิ่ง แม้แต่เจ้าหน้าที่ทางการยังต้องลอบทอดถอนใจ เขาเองยังเขียนได้ไม่สวยเท่านั้นเลย
เขาแอบคาดเดาว่า หรือสาเหตุที่จูต้าเหนียงให้กำเนิดลูกชายออกมาหลายคนเพียงนั้นเป็นเพราะนางรู้หนังสือ
แน่นอนว่าเขาครุ่นคิดเล็กน้อยก็ดับความคิดนั้นลงในพลัน เชิงเขาไท่ตังก็มีซิ่วไฉ ได้ยินว่าลูกสาวของซิ่วไฉผู้นั้นก็รู้หนังสือเช่นกัน ทว่าแต่งเข้าบ้านแม่สามีไปหลายปีแล้วกลับให้กำเนิดลูกสาวออกมาคนเดียว แทบทำให้บ้านแม่สามีร้อนใจจนตายแล้ว ตอนนี้ก็กำลังพิจารณาเรื่องรับอนุภรรยากันอยู่
คันไถนาก้านโค้งมีน้ำหนักไม่เบา แต่จูอู่ราวกับมีเรี่ยวแรงที่ใช้ได้ไม่หมดไม่สิ้น เขาแทบอยากจะยกกลับเรือนไปเสียเดี๋ยวนั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่อวี๋หรานหยุดเอาไว้ เพราะยืมเกวียนเทียมวัวมาจากผู้อื่น เขาก็เกือบจะแบกกลับไปเองเสียแล้ว
เย่อวี๋หรานกุมขมับ “ของสิ่งนี้มีน้ำหนักมาก ตอนนี้เจ้ายกไหว ไปถึงกลางทางก็อาจแบกไม่ไหวแล้ว หาเกวียนเทียมวัวขนไปดีกว่า”
“แต่ใช้เกวียนเทียมวัวต้องจ่ายเงินนี่ขอรับ” จูอู่เสียดายเงินไม่กี่อีแปะนั้น
“ถึงจ่ายเงินก็ต้องใช้เกวียนเทียมวัว เจ้าเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง กระดูกยังเจริญเติบโตได้อีก ถ้าใช้แรงงานหนักเช่นนี้ ต่อไปเจ้าจะไม่สูงเอานะ”
เมื่อจูอู่ได้ยินว่าตัวจะไม่สูงก็เปลี่ยนใจทันที
ตลกแล้ว เทียบกับพวกพี่ชาย เดิมทีเขาก็ไม่สูง ถ้าไม่สูงไปกว่านี้ก็ต้องกลายเป็นคนที่เตี้ยที่สุดในครอบครัวน่ะสิ?
หนุ่มน้อยอายุเยาว์ทั้งหลายมักใส่ใจเรื่องส่วนสูงของตนเองมากอยู่แล้ว
พี่น้องสกุลจูทราบว่ามารดากับจูอู่ไปไหน แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าไปแค่รอบเดียวกลับเอาสิ่งที่เรียกว่า ‘คันไถนาก้านโค้ง’ กลับมาด้วย
พวกเขาได้ยินจูอู่โอ้อวดว่าของสิ่งนี้ใช้งานได้ดีปานไหนก็ไม่เชื่อ จะเอาไปลองใช้ในที่นาเสียก่อน
ประจวบกับที่ดินผืนนั้นของเย่อวี๋หรานพลิกหน้าดินไปได้แค่ครึ่งเดียว ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง เตรียมจะปลูกข้าวสาลีหน้าหนาว
คนทั้งกลุ่มพอกินข้าวเสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอกทั้งที่แดดเปรี้ยง ไม่กลัวว่าจะถูกแดดเผาเลยสักนิด
เย่อวี๋หราน “…”
ปกติให้พวกเขาไปทำงานในนาก็ไม่ใคร่จะเต็มใจ แค่เปลี่ยนเครื่องมือเล็กน้อยกลับกระตือรือร้นเช่นนี้ พวกเจ้าราศีพฤษภกันหรือไร?
“ท่านแม่ ข้าก็อยากไปดูด้วยเจ้าค่ะ” หลี่ซื่อที่ถูกเย่อวี๋หรานห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอกเพราะไม่รู้ว่าจะคลอดวันไหนก็คอยืดคอยาว มองสะใภ้คนอื่น ๆ พาต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าตามหลังพวกพี่น้องสกุลจูออกไปข้างนอกด้วยความอิจฉาเหลือล้น
นางก็บอกแล้วว่านางแข็งแรงดียิ่งนัก เหตุใดแม่สามียังไม่ให้นางออกไปอีก?
“เจ้าไม่ต้องมองแล้ว แดดแรงเช่นนี้ แค่ออกไปก็เวียนศีรษะได้แล้ว อยู่เฝ้าเรือนไปเถอะ”
หลี่ซื่อมองเย่อวี๋หรานด้วยสายตาที่ดูน่าสงสาร “ท่านแม่”
เย่อวี๋หรานไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย “ถ้าอีกหน่อยมีคนมาซื้อเต้าหู้เล่า? เจ้าไม่อยู่แล้วใครจะขาย?”
[1] ตัวอักษรข่ายชู (楷书、楷体) เป็นการเขียนอักษรจีนรูปแบบหนึ่ง (ตัวอย่างตามรูป)
ที่มารูปภาพ : http://k.sina.com.cn/article_6420806806_17eb5bc9600100hguw.html?from=history#/
…………………………………………………………………………….
RAII02ZU
เจอโค๊ดแล้วอย่าเพิ่งเมินเฉย โค๊ดนี้สามารถนำมากรอกเพื่อรับเหรียญได้ที่เว็บไซต์ Enjoybook
ไปที่โปรไฟล์ >> รหัสแลกรับ >> ใส่โค๊ดที่ได้ (ตัวพิมพ์ใหญ่)
ลุ้นรับเหรียญสูงสุด 100 เหรียญ ตั้งแต่วันนี้ – 30 ตุลาคม
ด่วน! ใครใช้โค๊ดก่อน ได้เหรียญก่อนนะ
MANGA DISCUSSION