ได้ยินถ้อยคําของเฉิงฉือแล้ว ทุกคนต่างไม่พูดอะไรไปเนิ่นนาน
ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่ครอบครัวคนธรรมดา บุตรชายเสียชีวิตสี่คนในระยะเวลาสั้นๆ ก็ ย่อมสูญเสียกําลังวังชาเช่นกัน
ระหว่างทางไปส่งเฉิงฉือที่ประตู โจวเสาจิ่นจึงกระซิบที่ข้างหูเขาอย่างอดไม่อยู่ว่า “หรือว่า เป็นฝีมือขององค์ชายสี่จริงๆ เจ้าคะ”
“ตอนนี้ไม่ทราบแน่ชัด” เฉิงฉือพึมพํากล่าว “อย่างน้อยธูปปลุกกําหนัดนั่นก็เป็นหลักฐาน ว่าคนขององค์ชายห้าฉวยโอกาสตอนวุ่นวายจุดขึ้นมา…ตามความเห็นของข้าแล้ว เป็นไปได้ว่าทุก คนล้วนจับตาดูองค์รัชทายาทอยู่กระมัง! พอเกิดเรื่องกับองค์รัชทายาท ก็ทยอยกันโยนหินลงบ่อ นํ้า จนสุดท้ายกลายเป็นโศกนาฏกรรมเช่นนี้”
โจวเสาจิ่นทอดถอนใจครั้งหนึ่ง
วันต่อมา ไม่เพียงประกาศพระราชโองการที่อาเป่ าได้รับการแต่งตั้งลงมาเท่านั้น องค์ ฮ่องเต้ยังทรงแต่งตั้งพระราชนัดดาองค์โตหวงไท่ซุนเป็นรัชทายาทอีกด้วย
นี่ก็เหมือนกับชาติก่อนโดยบังเอิญ
ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนั้น ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว นางเองก็ไม่รู้แล้วจริงๆ
กระทั่งเซี่ยซื่อแต่งเข้าบ้านมาอย่างเป็นทางการ แขวนผ้าแดงมงคลคู่หน้าเรือนบ่าวสาว และกลับบ้านเดิมหลังแต่งงานสามวันเรียบร้อยแล้ว อาการป่ วยของเฉิงเซ่าก็หายอย่างสมบูรณ์ เลือกวันหยุดวันหนึ่ง โจวเสาจิ่นจัดงานเลี้ยงต้อนรับเซี่ยซื่อที่บ้าน
เฉิงเซ่าและคนอื่นๆ ล้วนมาร่วมงาน
5107
ฉางกูกูปรนนิบัติอยู่ข้างๆ
จัดโต๊ะบุรุษที่โถงรับรองหนึ่งโต๊ะ โต๊ะสตรีที่เรือนปีกหนึ่งโต๊ะ บุตรเขยสองสามท่านของ ตระกูลเฉิงก็อยู่ด้วย บรรยากาศดียิ่ง
รับประทานอาหารเสร็จ เก็บอาหารนํานํ้าชามาขึ้นโต๊ะแทน พวกบุรุษพูดคุยเรื่องเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยในราชสํานัก บรรดาสตรีพูดคุยเรื่องภายในบ้าน พวกเด็กๆ วิ่งเล่นหัวเราะไปทั่วลานบ้าน อวิ้นเกอเอ๋อร์ปรบมืออยู่ในอ้อมแขนของแม่นม ภายในเรือนอึกทึกครึกโครม ทําให้ยิ่งครึกครื้นมาก ขึ้น
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมของเด็กๆ ด้านนอกแล้ว ยิ้มตาหยีพลางกล่าว ขึ้นว่า “วันที่แปดเดือนสี่ พวกเราไปจุดธูปที่วัดเจ้อถานด้วยกันเถิด”
วัดเจ้อถานอยู่นอกเมือง ไปและกลับต้องใช้เวลาหนึ่งวัน หากไปจุดธูปที่นั่น ต้องค้างคืน สักคืนหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวเช่นนี้ คงมีเจตนาอื่นซ่อนเร้นอยู่
นานๆ ทีทุกคนถึงจะมีโอกาสออกไปเที่ยวเล่นเช่นนี้ พากันตอบรับ อีกทั้งยังให้คนไปบอก ฉางกูกูที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายเฉิงเซ่าที่โถงรับรองด้วย
ฉางกูกูประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นตอบตกลงยิ้มๆ
บุรุษของตระกูลเฉิงที่โถงรับรองจึงรับรู้ด้วยกันทั้งหมดแล้วเช่นกัน
เฉิงจิงกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราก็ติดตามไปด้วยดีหรือไม่ จะได้ไปจุดธูปให้ท่านอารองด้วย พอดี”
5108
เรื่ององค์ชายห้าสําหรับผู้อื่นอาจเป็นความลับ แต่สําหรับขุนนางใหญ่ในสํานักราช เลขาธิการอย่างเฉิงจิงย่อมไม่เป็นเช่นนั้น
เฉิงจิงรู้สึกว่าเฉิงเซ่าล้มป่ วยได้ถูกจังหวะจริงๆ ส่วนอาการป่ วยนี้…องค์ฮ่องเต้ยังทรง ยอมรับแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ไม่ควรจะสงสัย
แต่เฉิงฉือใช้โอกาสนี้สร้างความประทับใจให้องค์ฮ่องเต้ให้ตรงตรึงมากขึ้น พระองค์ไม่ เพียงรู้สึกว่าเขามีคุณธรรมเที่ยงธรรม ยังเป็นผู้คงแก่เรียน รอบรู้ศาสตร์ทั้งหก เคยตรัสกับเขาเป็น การส่วนพระองค์ว่า หากเจ้าตั้งอกตั้งใจสักหน่อย เพียงอ่านสี่ตําราห้าคัมภีร์นั่น เกรงว่าคงมิใช่แค่ สอบได้จิ้นซื่อแล้ว ยังตรัสกับเฉิงเซ่าอีกด้วยว่า ควรจะให้เฉิงฉือไปเป็นอาจารย์ที่สํานักฮั่นหลิน ให้ สอนหนังสือบรรดาองค์ชาย
เวลานั้นเฉิงเซ่ายังขอบพระทัยในพระเมตตาแทนเฉิงฉือ กล่าวว่าหากไปเป็นอาจารย์ที่ สํานักฮั่นหลินได้นั่นช่างดียิ่งแล้ว
น่าเสียดายหลังจากที่องค์ฮ่องเต้ทรงตรัสถึงเรื่องนี้แล้วก็มิได้มีพระราชโองการลงมา ได้ ยินว่าวันที่สองเห็นองค์ชายสาม องค์ชายสี่และอีกหลายพระองค์ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ทรงระลึกถึง องค์รัชทายาทที่สิ้นพระชนม์ไปขึ้นมา ถอนพระปัสสาสะลึกครั้งหนึ่ง มีพระราชโองการให้ราชครู และราชครูเล็กของสํานักราชครูรวมถึงขุนนางในวังบูรพาที่คอยรับใช้อยู่ข้างวรกายมาโดยตลอด แต่มิได้รับความสนใจนั้นออกไปรับราชการต่างเมือง
กู้ซวี่เองก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย
เขาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองไท่หยวน
เฉิงเจิงอยากติดตามกู้ซวี่ไปรับราชการด้วย ผู้อาวุโสของตระกูลกู้สนับสนุนเห็นด้วยเป็น อย่างยิ่ง ทว่ากู้ซวี่กลัวว่าเฉิงเจิงจะไม่คุ้นชินกับอากาศของไท่หยวน จึงไม่ยอมตกลง แต่เฉิงเจิง
5109
ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว และยังตัดสินใจจะพากู้หนิงและกู้จงไปไท่หยวนด้วย ด้วยเรื่องนี้ หลายวัน ก่อนกู้ซวี่ยังเคยขอให้หยวนซื่อช่วยออกหน้าเกลี้ยกล่อมให้ด้วย
หลังจากที่หยวนซื่อเกลี้ยกล่อมไม่เป็นผล จึงมาขอร้องถึงฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ผลปรากฏว่ากู้ซวี่ไม่อาจโน้มน้าวฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เฉิงเจิงและลูกๆ รั้ง อยู่ที่จิงเฉิงได้ ตรงกันข้ามฮูหยินผู้เฒ่ากัวเกลี้ยกล่อมเขาได้แทน ตอบตกลงจะพาเฉิงจิงและพวก ลูกๆ ติดตามเขาไปไท่หยวนด้วย
พวกเขาต้องไปถึงไท่หยวนก่อนวันที่สองเดือนสาม
นี่อาจเป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่ตระกูลเฉิงในหลายๆ ปีนี้ของเฉิงเจิงและกู้ซวี่แล้ว
นึกถึงเรื่องพวกนี้แล้วเฉิงจิงรู้สึกทําใจไม่ค่อยได้เล็กน้อย
ลูกๆ อีกสองคนที่เหลือนั้น เฉิงเซียวแต่งงานไปที่ถงเซียง สองปีนี้ถึงได้มาอยู่จิงเฉิง ส่วน เฉิงสวี่โตอยู่ที่จินหลิง หลายปีก่อนเพื่อเข้าร่วมการสอบขุนนางถึงมาอยู่กับเขาที่จิงเฉิงได้ไม่กี่ปี เท่านั้น มีเพียงเฉิงเจิง นับตั้งแต่ออกเรือนเป็นต้นมาก็อยู่จิงเฉิงตลอด เป็นคนที่ได้ใช้เวลาไปมาหา สู่กับเขายาวนานที่สุด แล้วก็ใกล้ชิดที่สุดด้วย
เฉิงจิงอดยํ้ากําชับกู้ซวี่ไม่ได้ว่า “ด้วยความสามารถของเจ้าถือว่าพอยิ่งกว่าพอสําหรับ ปกครองดูแลเมืองไท่หยวน หากเจ้ามีเวลา ก็อยู่เป็นเพื่อนพวกอาเจิงแม่ลูกให้มาก พวกเขาตาม เจ้าไปไท่หยวน ไม่รู้จักใครเลยสักคน คนที่พึ่งพาได้ก็มีแต่เจ้าเท่านั้น ไท่หยวนยังเป็นหนึ่งในเมือง สงคราม มีผู้กล้ามากมาย แน่นอนว่าการเรียนสําคัญสําหรับบุรุษ แต่ศาสตร์ทั้งหกก็ไม่อาจละเลย จะได้เชิญคนมาสอนวรยุทธ์ให้หนิงเกอเอ๋อร์และจงเกอเอ๋อร์บ้างและได้เสริมสร้างร่างกายให้ แข็งแกร่งด้วยพอดี ส่วนเรื่องเรียนหนังสือนั้น ช้าไปสักเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร…
5110
…ตอนนี้องค์ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งหวงไท่ซุนเป็นรัชทายาทแล้ว เจ้าเป็นคนที่เคยถวายการรับ ใช้พระบิดาของเขามาก่อน ขอเพียงอยู่ที่ไท่หยวนอย่างซื่อตรง รักษาความสงบไม่ต้องสร้างเรื่อง วุ่นวายอะไร รอให้หวงไท่ซุนเถลิงราชย์ เรื่องกลับจิงเฉิงก็เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วแล้ว…
…ไปไท่หยวนแล้ว เจ้าจําให้ดีว่าต้องเก็บซ่อนความสามารถไว้รอคอยเวลาที่เหมาะสม ไม่ อาจให้เกิดเรื่องโกลาหลขึ้นได้”
เฉิงฉือฟังแล้วไม่เห็นด้วย
หวงไท่ซุนรู้สึกซาบซึ้งหรือว่ารู้สึกรังเกียจขุนนางของพระบิดาของตนกันแน่นั้นก็ยังไม่อาจ พูดได้ เคยเป็นราชครูเล็กของสํานักราชครูไปไท่หยวนแล้วกลับอยู่อย่างขลาดเขลาไม่ยอมทําอะไร อย่างน้อยก็เป็ นการยืนยันอ้อมๆ แล้วว่ากู้ซวี่ไร้ความสามารถ ยังจะส่งเสริมอะไรได้อีก? นอกจากนี้จากคํากล่าวของโจวเสาจิ่นแล้ว หวงไท่ซุนอาจจะมิได้มีพระชนมายุยืนยาวไปกว่าองค์ ฮ่องเต้
แต่สุดท้ายจะสนับสนุนผู้ใดครองบัลลังก์นั้น ช่างเป็นเรื่องน่าปวดศีรษะจริงๆ
เฉิงฉือครุ่นคิด พลางหมุนกายไปหยิบซองจดหมายฉบับหนึ่งให้กู้ซวี่ กล่าวว่า “นี่เป็นป้าย ชื่อของหวังจือนักปราชญ์มีชื่อของลัทธิขงจื่อ หยางโซ่วซานกับเขาเป็นสหายเก่าแก่กัน เจ้าไปไท่ หยวนแล้วมิสู้ไปเยี่ยมเยียนเขาก่อน ให้เขาช่วยแนะนําเรื่องของไท่หยวนให้เจ้าฟัง มังกรที่ แข็งแกร่งก็ไม่อาจสยบงูเจ้าถิ่นได้ มีบัณฑิตท้องถิ่นให้การสนับสนุน เจ้าถึงจะดํารงตําแหน่งเจ้า เมืองในครั้งนี้อย่างสงบราบรื่นได้”
คนที่นั่งอยู่ได้ยินแล้วต่างตกตะลึงงัน เฉิงจิงยิ่งแล้วใหญ่ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ตอนนี้ยังติดต่อกับหยางโซ่วซานอยู่หรือ”
5111
“ใช่ขอรับ!” เฉิงฉือกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “หลายวันก่อนข้ายังให้คนนําเงินไปส่งให้พวก เขาสองร้อยเหลี่ยง มารดาของหยางโซ่วซานไม่สบาย”
สุดท้ายแล้วหยางโซ่วซานถูกปลดจากตําแหน่งไปเป็นคนธรรมดา กลับไปอยู่บ้านเดิมที่ เหอปี้
เดิมทีเขามาจากครอบครัวยากจน อีกทั้งตอนดํารงตําแหน่งก็ไม่เคยทุจริตมาก่อน หลังจากกลับไปก็อาศัยที่ดินผืนเล็กๆ ไม่กี่หมู่ มีชีวิตอย่างยากลําบาก เฉิงฉือให้ความช่วยเหลือ เขาเป็นประจําอย่างสมํ่าเสมอ
เฉิงจิงไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง อยากพูดอะไรบางอย่าง เห็นดวงหน้าเฉิงฉือเต็มไปด้วย ความไม่ใส่ใจ คิดถึงว่ามีบุตรเขยหลายคนอยู่ด้วย จึงฝืนกลืนคําตําหนิที่มาถึงริมฝีปากนั้นแล้วลง ไป
หยวนหมิงกลับเต็มตื้นไปด้วยความชื่นชม กระซิบกล่าวกับเฉิงสวี่ว่า “เจ้าดูท่านอาสี่ฉือ นี่ ถึงจะเป็นคนจริง เป็นสุภาพบุรุษจริงๆ!”
เฉิงสวี่ไม่กล่าวอะไร ก้มหน้าลงดื่มสุรา
เฉิงจิงต่อว่าเฉิงฉือไม่ได้ จะต่อว่าบุตรเขยของตัวเองไม่ได้ด้วยหรือ!
“กล่าววาจาเหลวไหลอะไรกัน” เขากล่าวตําหนิหยวนหมิง “เจ้าวันๆ เอาแต่สนใจเรื่อง เหลวไหลพวกนี้ หากมีเรี่ยวแรงขนาดนี้ มิสู้ตั้งใจอ่านหนังสือสอบให้ได้สักตําแหน่งหนึ่ง จะได้ให้ อาเซียวได้สวมใส่มงกุฎหงส์และชุดคลุมสยาเพ่ยบ้าง”
เดิมทีเฉิงจิงก็ไม่ค่อยพึงพอใจบุตรเขยผู้นี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าภรรยาเห็นด้วย บุตรสาวเอง ก็รักชอบด้วย รวมถึงคิดว่าตระกูลหยวนต่อให้เป็นเรือที่อับปางแล้วก็ยังเหลือตะปูอีกสามจิน ถึงได้
5112
ตอบตกลง ตอนนี้ดูแล้ว เขาเรียนหนังสือสบายๆ ไม่ได้คิดจะเตรียมตัวเดินบนเส้นทางขุนนางเลย ด้วยซํ้า
หยวนหมิงทั้งอับอายทั้งร้อนใจ เผิงเจ่ารีบกล่าว “เจียซ่าน อีกไม่กี่วันก็เป็นวันสอบขุนนาง ครั้งใหญ่แล้ว หัวหน้าผู้ทําการสอบคือหวังฉุนรองเจ้ากรมพิธีการ บิดาของข้ากับเขาเป็นสหายร่วม ชั้นกัน ใต้เท้าหวังสอบจิ้นซื่อได้ก่อนบิดาของข้าหนึ่งรอบการสอบ แต่ยังคงไปมาหาสู่กับบิดาของ ข้าอยู่บ่อยๆ ที่บ้านยังมีความเรียงที่เขาเขียนในปีนั้นเหลืออยู่อีกหลายฉบับ เดิมทีคิดจะเอามาให้ เจ้าด้วย แต่ก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นได้ ประเดี๋ยวเจ้าไปที่บ้านพร้อมกับข้าสักครั้งก็แล้ว กัน บิดาของข้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับเจ้าด้วยพอดี”
นี่ก็หมายความว่าต้องการชี้แนะความเรียงให้เฉิงสวี่แล้ว
ความรู้ความอ่านของเผิงเสียงบิดาของเผิงเจ่านั้นแม้แต่ในสํานักฮั่นหลินก็ถือได้ว่าโดด เด่น
เฉิงจิงยินดีปรีดายิ่ง กล่าวขอบคุณเผิงเจ่าด้วยตัวเอง
ส่วนเฉิงฉือเอ่ยเรียกหยวนหมิง “ตอนย้ายเข้ามาใหม่ๆ อาสะใภ้ของเจ้าเคยฝังสุราหลาย ไหเอาไว้ที่ใต้ต้นดอกกุ้ยฮวาในสวนดอกไม้ ต้าหลุนจะไปแล้ว เจ้าไปขุดสุรากับข้าหน่อย ถือเป็น การเลี้ยงส่งต้าหลุน”
กู้ซวี่กล่าว “สิ้นเปลืองแล้ว” ไม่หยุด
เฉิงฉือลากหยวนหมิงไปที่สวนดอกไม้
หยวนหมิงคิดว่าเฉิงฉือจะปลอบโยนเขา ผู้ใดจะรู้ว่าตลอดทางเฉิงฉือไม่กล่าวอะไรกับเขา เลยสักคํา ให้เขาไปขุดสุรากับบ่าวรับใช้
ได้ออกแรงไปหลายจอบ อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมา
5113
เขามองเฉิงฉือด้วยความรู้สึกซาบซึ้งครั้งหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่ มีบ่าวชายเด็กวิ่งเข้ามา กล่าวขึ้นว่า “นายท่านสี่ ท่านอาไหวซานกลับมาแล้วขอรับ”
เฉิงฉือกล่าวกับหยวนหมิงว่า “เจ้าเอาสุรากลับไปที่โถงรับรองก่อน ข้าไปดูสักหน่อยแล้ว จะกลับมา”
หยวนหมิงพยักหน้า ครุ่นคิดว่าไหวซานคนนี้คือผู้ใด เฉิงฉือไปพบไหวซานที่ห้องหนังสือของเรือนชั้นนอก
ไหวซานมีสีหน้าหนักอึ้งเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “ข่าวส่งออกมาจากในวัง บอกว่าระหว่าง พระราชพิธีศพขององค์รัชทายาทนั้น มีขันทีเล็กของตําหนักเฉียนชิงผู้หนึ่งล้มป่ วย ถูกย้ายตัว ออกมาไม่นานก็เสียชีวิต ศพถูกทิ้งไว้ที่สุสานธรรมดาทั่วไป สองวันก่อน มีขันทีเล็กไปจุดธูปให้เขา ต่อมาได้รับการยืนยันว่าขันทีเล็กผู้นี้ก็เป็นคนของตําหนักเฉียนชิงเช่นกัน เป็นหลานชายบุญธรรม ของขันทีใหญ่เฉินลี่ตําหนักเฉียนชิง หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีศพขององค์รัชทายาทแล้ว ขันทีเล็กผู้ นี้ก็ถูกย้ายไปอยู่ที่สํานักอาหารและเครื่องดื่ม ท่านว่า ควรติดต่อไปหานายท่านตระกูลหลี่สักครั้ง หนึ่ง ให้เขาหาวิธีติดต่อกับขันทีเล็กผู้นี้หรือไม่ขอรับ”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น” เฉิงฉือพึมพํากล่าว “นอกจากขันทีเล็กผู้นี้แล้ว พวก เจ้าลองตรวจสอบดูอีกครั้งว่าช่วงเวลานั้นมีนางกํานัลร่วมด้วยหรือไม่ จะส่งจดหมายให้องค์ชาย รองก็ดี หรือยั่วยุให้องค์ชายรองไปพบนางกํานัลแซ่ไต้ผู้นั้นก็ดี ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับหน้าที่อะไร หลังจากเรื่องสําเร็จแล้วย่อมต้องพานพบกับคําว่าตายอย่างแน่นอน ขอเพียงคลําไปตามไม้นี้ อย่างไรก็หาต้นตอพบจนได้”
5114
ไหวซานรับคําอย่างนอบน้อมว่า “ขอรับ” กล่าวอีกว่า “เพียงแต่ว่าเรื่องราวของคนในวัง ช่างซับซ้อน เวลาน้อยเกินไป คนที่พวกเราซื้อตัวมาได้ล้วนเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยเหล่านั้นทั้งสิ้น ไม่ ค่อยเป็นประโยชน์นัก”
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “นางข้าหลวงใหญ่และขันทีใหญ่ข้างพระวรกายไทเฮาและฮองเฮา พวกเราก็ซื้อตัวมาไม่ได้นี่นา! แทนที่จะสานสัมพันธ์เพียงผิวเผินกับคนไม่รู้จริงแต่ชอบโอ้อวด ประหนึ่งถังนํ้าไม่เต็มที่เอาแต่ส่งเสียงดังเหล่านั้น ไม่สู้ไปติดต่อกับพวกตัวเล็กตัวน้อยเหล่านั้น ดีกว่า เจ้าอย่าได้ดูแคลนพวกเขาเชียว เรื่องที่พวกเขารู้มีมากมายนัก!” จากนั้นสั่งการเขาว่า “เจ้า ไปสืบดูเฉิงลู่สักหน่อย ตอนนี้เขามีเฉินลี่เป็นผู้ชุบเลี้ยงแล้ว ไม่น่าจะทําตัวดีขนาดนี้ถึงจะถูก!”
ไหวซานรับคําแล้วออกไป เฉิงฉือนั่งอยู่ในห้องหนังสือครู่หนึ่ง ถึงได้ค่อยๆ เดินไปที่เรือนชั้นใน ภายในโถงรับรอง ทุกคนกําลังดื่มกันอย่างรื่นเริง เฉิงฉือกลับเห็นเฉิงสวี่ยืนอยู่ใต้เฉลียงทางเดินเพียงลําพัง เขาก้มหน้าลง ยืนอยู่ในร่มเงา ท่าทางดูโดดเดี่ยวยิ่ง เฉิงฉือครุ่นคิดครู่หนึ่ง เดินเข้าไปหา กล่าวขึ้นว่า “มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดหรือ” นี่เป็นครั้งแรกที่เฉิงฉือเข้ามาคุยกับเฉิงสวี่ก่อนนับตั้งแต่โจวเสาจิ่นแต่งงานกับเฉิงฉือเป็น ต้นมา เฉิงสวี่ดีใจ เรียกเสียงหนึ่งว่า “ท่านอาสี่”
เฉิงฉือกล่าว “ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ตั้งใจเข้าร่วมการสอบให้ดีเถอะ! รอเจ้าได้เป็นจิ้นซื่อ แล้วเจ้าจะค้นพบว่า ความจริงแล้วเจ้าทําอะไรได้มากมาย”
5115
เฉิงสวี่มองเฉิงฉืออย่างประหลาดใจ เฉิงฉือยิ้ม หมุนกายเดินเข้าไปในโถงรับรอง เฉิงสวี่มองหลังของเขา จมจ่อมอยู่ในภวังค์ความคิด
MANGA DISCUSSION