เด็กน้อยนวดให้ตน…ความคิดนี้ดียิ่ง!
เฉิงฉือมองโจวเสาจิ่นยิ้มๆ
อย่างอธิบายไม่ได้ โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าสายตาที่ตกกระทบอยู่บนหลังของตนพลัน
เปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งเหมือนกับทุกครั้งที่เฉิงฉือต้องการล่อลวงให้นางทําอะไร
บางอย่าง
นางไม่กล้ามองสํารวจสีหน้าของเฉิงฉืออย่างละเอียด และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรู้สึก
ขลาดกลัวเล็กน้อยว่า “ฮูหยินซ่งถามข้าว่าวันทําความรู้จักญาติวันนั้นจะยินดีไปร่วมดื่มสักจอก
หรือไม่”
นี่คือจะคบหากับพวกเขาเสมือนเป็นญาติพี่น้อง
ถ้าหากซ่งจิ่งหรานเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง โจวเสาจิ่นย่อมตอบตกลงในทันที
ไปแล้ว แต่ตอนนี้สถานการณ์ในราชสํานักเปลี่ยนแปลงมากมายและซับซ้อนเพียงนี้ นางไม่กล้า
ตัดสินใจด้วยตัวเองจริงๆ
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าเป็นคนที่ใต้เท้าซ่งแนะนํามา จะก้าวหรือถอยย่อมต้องร่วมไปกับ
ใต้เท้าซ่งอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าวันที่สะใภ้ใหญ่ของตระกูลซ่งทําความรู้จักญาติพี่น้องวัน
นั้นพวกเราจะไปร่วมดื่มชาหรือไม่ ผู้อื่นก็มองว่าข้าเป็นคนของใต้เท้าซ่งอยู่เช่นเดิม แทนที่จะเป็น
เช่นนั้น พวกเรามิสู้ไปมาหาสู่กับตระกูลซ่งอย่างเปิดเผยเป็นปกติ คนที่อยากใช้สมองขบคิด
เหล่านั้นก็ต้องครุ่นคิดพิจารณากันสักหน่อย”
เหตุผลข้อนี้โจวเสาจิ่นเข้าใจดี5098
นางพยักหน้ายิ้มๆ กล่าวถึงเรื่องงานแต่งของเฉิงรั่งขึ้นมา “ของขวัญพบหน้าเป็น
เครื่องประดับศีรษะเงินฝังอัญมณีชุดหนึ่ง จากนั้นข้ายังบรรจุปลาทองเล็กๆ กล่องหนึ่งเตรียมมอบ
ให้เซี่ยซื่อเป็นการส่วนตัวอีกด้วยเจ้าค่ะ”
สะใภ้คนใหม่เข้าบ้าน ของขวัญพบหน้าล้วนต้องได้รับเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคนมอบ
ของขวัญจะทําให้ผู้อื่นขุ่นเคืองใจได้ง่าย และทําให้สะใภ้คนใหม่ทําตัวยากด้วยเช่นกัน
เฉิงฉือเห็นว่ายิ่งอยู่โจวเสาจิ่นกระทําอะไรก็ยิ่งมีแนวทางของตัวเองแล้ว จึงกล่าวยิ้มๆ ว่า
“เรื่องพวกนี้เจ้าตัดสินใจเองก็ได้แล้ว”
แต่โจวเสาจิ่นชอบพูดคุยเรื่องพวกนี้กับเฉิงฉือ
นางอดยู่ปากไม่ได้ กล่าวว่า “ท่านไม่ชอบฟังข้าพูดเรื่องพวกนี้กับท่านหรือเจ้าคะ”
“ไม่ชอบ!” เฉิงฉือกล่าวอย่างตรงไปตรงมายิ่ง
นํ้าตาของโจวเสาจิ่นเกือบจะไหลออกมาแล้ว
ที่ผ่านมาเฉิงฉือปฏิบัติต่อนางอย่างอบอุ่นและเอาใจใส่มาโดยตลอด ไม่เคยใช้นํ้าเสียง
เช่นนี้พูดกับนางมาก่อน
นางรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
เฉิงฉือกลับงับใบหูนางจากด้านหลัง กล่าวเสียงตํ่าว่า “นานๆ ทีข้าจะได้กลับมาสักครั้ง
หนึ่ง เจ้าไม่พูดคิดถึงข้า คะนึงหาข้า แต่พูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้าพวกนี้แทน หากเจ้ามีเวลาว่าง
มิสู้มาทําอย่างอื่นกับข้าดีกว่า…”
ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นพลันแดงกํ่าขึ้นมา เมื่อครู่ยังรู้สึกขมขื่นแต่เพียงพริบตาเดียวก็
เปลี่ยนเป็นหอมหวานประหนึ่งนํ้าผึ้งขึ้นมา5099
เฉิงฉือหัวเราะเบาๆ ครอบครองริมฝีปากอมชมพูดุจสาวแรกแย้มดังเดิมของนาง ส่วนมือ
ก็สอดเข้าไปตามชายเสื้อของนาง
ภายในห้องมีเสียงครวญครางที่ทําให้คนต้องหน้าแดงหูแดงดังขึ้นมา
จวบจนวันรุ่งขึ้นตอนที่ทั้งสองคนไปทําความรู้จักญาติที่ตระกูลซ่ง โจวเสาจิ่นยังคงไม่ค่อย
กล้ามองดวงตาเจือรอยยิ้มของเฉิงฉือสักเท่าไร กลับเป็นเฉิงฉือที่แสดงออกได้อย่างเป็นธรรมชาติ
กว่านางมากนัก ตอนลงจากเกี้ยวหมุนกายไปประคองนางเอาไว้
ซ่งเซินที่ออกมาต้อนรับหันไปมองโจวเสาจิ่นไม่วางตา เปล่งเสียงเรียกเฉิงฉือเสียงหนึ่ง
อย่างไม่กระตือรือร้นไม่เย็นชาว่า “พี่เขย”
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “พี่ชายหลายๆ คนของเจ้าล้วนเรียกข้าว่าท่านอา เจ้ากลับเอาแต่
เรียกข้าว่าพี่เขย โชคดีที่ตระกูลโจวไม่มีเด็กสาวที่อายุเหมาะสม ไม่อย่างนั้นผู้อื่นคงคิดว่าเจ้าเป็น
บุตรเขยของตระกูลโจวเสียแล้ว!”
ซ่งเซินร้อง “ชิ” เสียงหนึ่งอย่างไม่เห็นด้วย กล่าวว่า “หากมิใช่เพราะข้ารู้จักพี่สาวจะรู้จัก
ท่านได้อย่างไร พวกท่านคบหาสมาคมของพวกท่านไป ข้าก็คบหาสมาคมของข้า เกี่ยวอะไรกัน
ด้วย คงมิใช่เพราะท่านกลัวว่าพี่สาวจะดีกับข้ามากเกินไปหรอกกระมัง”
เฉิงฉือยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร กล่าวกับโจวเสาจิ่นเสียงอบอุ่นว่า “มีเรื่องอะไรเจ้าก็เรียกซ่งเซิน
อย่างไรเสียเขาก็ว่างไม่มีอะไรทํา ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง ก็ยังเข้าออกเรือนชั้นในได้อีก
สองปี ไม่จําเป็นต้องเกรงใจเขา”
ซ่งเซินยังเหมือนตอนเป็นเด็กไม่มีผิด ชอบเกาะเกี่ยวอยู่กับโจวเสาจิ่นเป็นอย่างยิ่ง โจว
เสาจิ่นเองก็ไม่มีทางเลือก ทุกครั้งที่มาตระกูลซ่งส่วนมากจะเลือกช่วงเวลาที่ซ่งเซินไปเรียนหนังสือ5100
โชคดีที่เฉิงฉือเป็นคนใจกว้าง ไม่ว่าซ่งเซินจะกล่าวอะไรล้วนปฏิบัติต่อเขาอย่างใจดีประหนึ่งเป็น
เด็กไร้เดียงสา นี่จึงยิ่งทําให้โจวเสาจิ่นเห็นใจสงสารเฉิงฉือที่ต้องลําบาก
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ!” นางขานรับเสียงนุ่ม กําชับเฉิงฉือว่า “ประเดี๋ยวยังต้องไปหาท่าน
อารองอีก ท่านอย่าดื่มมากนะเจ้าคะ”
บุรุษเข้าสังคมอยู่นอกบ้าน ไม่อาจไม่ดื่มสุราได้ แต่เฉิงฉือมีขอบเขตที่เหมาะสมมาโดย
ตลอด หากไม่ดื่มได้ก็จะไม่ดื่ม เพียงแต่ว่าวันนี้เป็นโอกาสพิเศษ จางฮุ่ยและคนอื่นๆ ล้วนอยู่กัน
หมด อย่างไรเขาก็ต้องดื่มสักสองสามจอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เจ้าวางใจเถิด” เฉิงฉือยิ้มพร้อมกับโน้มตัวลงมากล่าวที่ข้างหูของนางว่า “ข้าย่อมไม่
อยากเสียกิริยาต่อหน้าผู้บังคับบัญชา”
โจวเสาจิ่นเชื่อเขา พยักหน้ายิ้มๆ อย่างอบอุ่นอ่อนโยน
เฉิงฉือไปห้องโถงทางตะวันออก
ซ่งเซินถามโจวเสาจิ่นอย่างร้อนใจว่า “ใต้เท้าเฉิงพูดอะไรกับท่านหรือ”
ถ้อยคําระหว่างสามีภรรยาประเภทนี้นางจะบอกซ่งเซินได้อย่างไร
“ไม่มีอะไร ก็แค่ให้ข้าระมัดระวังสักหน่อย” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เห็นฮูหยินของจางฮุ่ยมาถึงแล้ว กําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้มีเท้าแขนข้างหน้าต่างหันมากวักมือเรียกนาง
นางทิ้งซ่งเซินไว้เดินเข้าไป “วันนี้เป็นวันน่ายินดีของพี่ชายเจ้า เจ้ามีธุระอะไรเจ้าก็ไปทํา
เถิด!”
ซ่งเซินอยากพูดอะไรบางอย่าง โจวเสาจิ่นก็ย่อเข่าทําความเคารพฮูหยินของจางฮุ่ยอย่าง
ยิ้มแย้มไปก่อนแล้ว5101
เขาได้แต่จากไปอย่างสลดหดหู่
ฮูหยินของจางฮุ่ยรีบให้นางลุกขึ้น ดึงนางไปนั่งข้างๆ ตัวเอง ถามถึงเฉิงเซ่าขึ้นมา “นาย
ท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างไรแล้ว หลายวันก่อนได้ยินว่าลุกจากเตียงได้แล้ว เป็นเรื่องจริงหรือไม่”
โจวเสาจิ่นขานตอบ “เจ้าค่ะ” กล่าวต่อว่า “เนื่องจากอายุมากแล้ว เดิมทีก็แค่ไข้หวัด
ธรรมดาๆ เท่านั้น ผู้ใดจะรู้ว่ากลับลากยาวไปสองสามเดือนก็ไม่เห็นดีขึ้น ก่อนหน้านี้นายท่านของ
พวกข้ายังเป็นกังวลว่านายท่านผู้เฒ่าจะกลายเป็นวัณโรค โชคดีที่ตอนนี้ลุกจากเตียงได้แล้ว ต้อง
ชื่นชมที่ฉางกูกูดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่อาจนั่งอ่านหนังสือนานๆ ได้
ไม่เช่นนั้นจะหน้ามืดตาลาย หัวหน้าหมอหลวงเฉาบอกว่ายังต้องพักฟื้นให้ดีอีกสักระยะหนึ่งเจ้า
ค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วๆ” ฮูหยินของจางฮุ่ยสวด “อมิตาภพุทธ” โจวเสาจิ่นกลับพบว่าบรรดา
ภรรยาที่อยู่รอบๆ ทั้งสี่ด้านต่างกําลังเงี่ยหูฟังอยู่
นางอดไม่ได้ถอนหายใจอยู่ในใจไปครั้งหนึ่ง
แม้นจะกล่าวว่าตอนนี้นางไม่กลัวการเข้าสังคมพวกนี้แล้ว แต่นางยังคงชอบเล่นกับพวก
เฉิงเจิงมากกว่า ทุกคนอยากพูดอะไรก็พูดสิ่งนั้น
แต่นางยังคงยิ้มแย้มดื่มชาที่หลี่ซื่อภรรยาของซ่งมู่ยกมาให้อย่างเหมาะสม พูดคุยกับฮูหยิ
นของจางฮุ่ยและคนอื่นๆ เกี่ยวกับร้านขายผ้าเปิดใหม่ที่ประตูซีจื๋อ รับประทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว
ถึงได้กลับประตูเฉาหยางกับเฉิงฉือ
อวิ้นเกอเอ๋อร์อายุสิบเดือน พลิกตัวได้คลานได้แล้ว ยังรู้จักเรียกคนด้วยคําง่ายๆ แล้วด้วย
ถอดเสื้อที่หนาหนักออกเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อที่บางเบากว่ามือเท้าจึงยิ่งว่องไวมีชีวิตชีวา ไม่มี
ช่วงเวลาให้เงียบสงบเลยแม้แต่เค่อเดียว คลาดสายตาไปเพียงครู่เดียวก็ไม่รู้ว่าคลานไปถึงไหนต่อ5102
ไหนแล้ว ยังรู้จักซ่อนตัวอยู่หลังหมอนใบใหญ่หรือไม่ก็หลังม่านเตียงให้ผู้อื่นตามหาอีกด้วย บ่าว
รับใช้ทั้งเรือนต่างจับตามองเขาไม่กล้ากะพริบตาเลยทีเดียว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวบ่นว่าไม่ควรมีทางนํ้า
เข้ามาในลานทิงเซียง กลัวว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์จะตกลงไปในนํ้าได้
ตอนที่โจวเสาจิ่นและเฉิงฉือกลับมาถึงอวิ้นเกอเอ๋อร์กําลังนั่งให้แม่นมป้อนข้าวต้มให้อยู่
บนเตียงเตาตัวใหญ่ข้างหน้าต่างในห้องนั่งเล่นของฮูหยินผู้เฒ่ากัว ยามที่แม่นมยื่นช้อนไปถึงปาก
ของเขา เขาจะต้องมองให้แน่ใจว่าในช้อนมีอะไรก่อนทุกครั้งถึงจะยอมอ้าปากกิน
นี่เป็นผลมาจากเมื่อหลายวันก่อนเขาเป็นหวัดคัดจมูกแล้วฮูหยินผู้เฒ่ากัวป้อนยานํ้าหูไฉ
ให้เขาดื่มเป็นต้นมา
ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเด็กน้อยหมุนกายหันมาอย่างรวดเร็ว เห็นโจวเสาจิ่นและเฉิง
ฉือก็ยิ้มออกมาจนตาหยี พุ่งตัวมาหาโจวเสาจิ่นและเฉิงฉือพลางร้องเรียก “พ่อ แม่” อย่างไม่ได้
ศัพท์
โจวเสาจิ่นมองแล้วหัวใจละลายไปหมด
รีบสาวเท้าไปอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ขึ้นมา
อวิ้นเกอเอ๋อร์พึมพํากล่าวอะไรไม่รู้อยู่ในอ้อมกอดของนาง จากนั้นหันไปยื่นมือให้เฉิงฉือ
ต้องการให้เฉิงฉืออุ้ม
เฉิงฉือรีบอุ้มบุตรชายมาไว้ในอ้อมอก โดยไม่สนว่าเขาจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง เอ่ยถาม
เสมือนเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งว่า “วันนี้อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราทําอะไรไปบ้าง ดื้อกับท่านย่า
หรือไม่ ไปแอบซ่อนตัวจนทําให้พวกบ่าวรับใช้หาไม่เจอบ้างหรือไม่”
อวิ้นเกอเอ๋อร์เองก็ไม่รู้ว่าฟังเข้าใจหรือไม่ เออออไปกับคําพูดของเฉิงฉือด้วย5103
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงยิ้มไม่หุบ นางให้เฉิงฉือส่งอวิ้นเกอเอ๋อร์ให้แม่นม “ข้าวของเขาในวันนี้
ยังกินไม่หมดเลย! พอพวกเจ้ามา เขาก็ไม่ยอมกินแล้ว ให้แม่นมพาเขาไปกินข้าวที่ห้องด้านหลัง
เถิด”
แม่นมก้าวออกมาอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์
อวิ้นเกอเอ๋อร์ไม่ยอมไป
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงกล่าวว่า “แม่นมพาเจ้าไปดูเสวี่ยฉิว ไปเล่นกับเสวี่ยฉิว แม่ของเจ้าไม่
ไป”
ตอนนี้เสวี่ยฉิวกลายเป็นเพื่อนเล่นของอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปแล้ว
อวิ้นเกอเอ๋อร์ได้ยินก็ไม่ขยับตัวแล้ว ปล่อยให้แม่นมอุ้มไปอย่างเชื่อฟัง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงสั่งการหงเจินสาวใช้ใหญ่ข้างกายอวิ้นเกอเอ๋อร์ว่า “รีบไปหาตัวเสวี่ยฉิว
มา ข้ารับปากอวิ้นเกอเอ๋อร์เอาไว้แล้ว”
หงเจินขานรับคํายิ้มๆ ถอยออกไปพร้อมแม่นมของอวิ้นเกอเอ๋อร์
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถามเฉิงฉือว่า “วันนี้จะไปซอยซวงอวี๋เวลาใด”
เรื่องที่เฉิงเซ่าแสร้งป่ วยนั้น โจวเสาจิ่นค้นพบว่านอกจากเฉิงฉือและนางที่รู้เรื่องแล้ว ดู
เหมือนคนอื่นๆ ในตระกูลเฉิงล้วนไม่มีใครรู้
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “อยู่คุยเป็นเพื่อนท่านครู่หนึ่งก็จะไปแล้วขอรับ”
เนื่องจากเฉิงเซ่าไม่สบาย เฉิงฉือต้องไปเฝ้าคนป่ วย องค์ฮ่องเต้จึงทรงอนุญาตให้เฉิงฉือ
ลางานยาว ตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปที่กรมการตรวจตรา5104
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่ กล่าวขึ้นว่า “หากอารองของเจ้าดี
ขึ้นแล้ว เจ้าก็กลับไปที่กรมการตรวจตราเร็วสักหน่อยจะดีกว่า แม้นจะกล่าวว่าการทําให้องค์
ฮ่องเต้จดจําชื่อของเจ้าได้เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง แต่หากทําให้องค์ฮ่องเต้ทรงจดจําเจ้าได้ด้วยเรื่องไว้
ทุกข์ ก็อาจไม่ใช่เรื่องดีก็ได้”
เฉิงฉือครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถึงได้กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ความสัมพันธ์ขององค์
ฮ่องเต้และท่านอารองดีกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้มากโข เมื่อวานตอนบ่าย องค์ฮ่องเต้เสด็จไปที่
ซอยซวงอวี๋อีก ยังเดินหมากกับท่านอารองไปสองกระดาน เพียงแต่ว่าท่านอารองไม่ค่อยมี
เรี่ยวแรง ต่อมาข้าจึงเล่นเป็นเพื่อนสองกระดาน ระหว่างเล่นหมากองค์ฮ่องเต้ยังทรงถามข้า
เกี่ยวกับเรื่องขุดลอกแม่นํ้าเหลืองด้วย ฟังจากสุรเสียงนั่นแล้ว ดูเหมือนว่าทํานบนํ้าของเกาโหยว
ทางด้านโน้นก็ต้องเริ่มซ่อมแซมแล้ว แต่ว่าท่านอารองเปลี่ยนบทสนทนาไปคุยเรื่องภาษีของเจียง
หนานแทน”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วทั้งกังวลใจและดีใจ กังวลใจเพราะกลัวว่าองค์ฮ่องเต้จะทรงให้
เฉิงฉือไปจัดการเรื่องนํ้าอีกครั้ง ต่อไปคงออกมาจากฝ่ ายจัดการนํ้าไม่ได้อีก ส่วนที่ดีใจคือการที่
เฉิงเซ่าสนับสนุนเฉิงฉือเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าก็มีหวังในตัวเฉิงฉือเช่นกัน
แต่นางมิใช่ภรรยาธรรมดาทั่วไป การพิจารณาไตร่ตรองจึงกว้างไกลกว่าเล็กน้อย
นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ นางกล่าวขึ้นว่า “เรื่องนี้ เจ้าเองก็บอกพี่ใหญ่ของเจ้าสักหน่อย ส่วน
เขาจะไปเยี่ยมอารองของเจ้าเวลาใดนั้น นั่นก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว!”
ความหมายโดยนัยก็คือ จะได้พบกับองค์ฮ่องเต้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูวาสนาของเขาแล้ว
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าเคยบอกพี่ใหญ่แล้วขอรับ ความจริงแล้วยังมีเรื่องน่ายินดีจะบอก
ท่านอีกเรื่องหนึ่ง!”5105
“เรื่องอะไรหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวอย่างสนอกสนใจ
เฉิงฉือกล่าวอย่างครุ่นคิดพิจารณาว่า “นับตั้งแต่องค์ชายห้าสิ้นพระชนม์เป็นต้นมา องค์
ฮ่องเต้ดูเหมือนจะทรงชรากว่าปกติไปสิบกว่าพรรษา บางครั้งเดินหมากอยู่ทว่าพระองค์กลับใจ
ลอย เมื่อวานหลังจากเล่นหมากกับข้าเสร็จ ถึงเวลาจุดโคมไฟแล้ว ทว่าองค์ฮ่องเต้กลับไม่เอ่ยถึง
เรื่องเสด็จกลับวัง ไม่เพียงอยู่เสวยพระกระยาหารเย็นที่ซอยซวงอวี๋เท่านั้น ยังตรัสเรื่องภายในบ้าน
กับท่านอารองอีกกว่าครึ่งค่อนวัน ทรงเอ่ยถึงพี่ชายสามเฝินและซวิ่นเกอเอ๋อร์ที่ด่วนจากไปก่อน…
จากนั้นองค์ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งให้อาเป่าเป็นผู้สืบสันตติวงศ์ยศขั้นสี่ล่าง! พระราชโองการนี้อย่างช้า
ที่สุดก็น่าจะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้ ข้าให้คนไปบอกพี่ใหญ่เป็นพิเศษ ให้เขาจับตาดูสักหน่อย
อย่าให้คนในสํานักราชเลขาธิการกวนเรื่องให้ขุ่นได้”
“เจ้าว่าอะไรนะ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวเสาจิ่นต่างมองหน้ากัน “ผู้สืบทอดสันตติวงศ์?
อาเป่าหรือ!”
พวกเขานั้นเป็นตระกูลบัณฑิต
“ใช่แล้วขอรับ!” เฉิงฉือยิ้มขื่นพลางกล่าว “เกรงว่าคงเพราะองค์ฮ่องเต้ทรงระลึกถึงองค์รัช
ทายาทและองค์ชายหลายๆ พระองค์ที่สิ้นพระชนม์ไปขึ้นมา…”
จึงเกิดความรู้สึกเห็นใจสงสารเฉิงเซ่าขึ้นมา
MANGA DISCUSSION