บทที่ 9
ข่าวใหญ่
“อย่าไปว่าอะไรเธอเลย ถึงเธอจะทำให้มาตรฐานหน้าตาเด็กแผนกวรรณกรรมต่ำลงก็เถอะ! ฉันชื่นชมเธอนะ!”
ถังซือซือไม่สนใจคำพูดของทุกคนที่ด่าทอเธอ ก่อนจะลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง โดยอันดับที่นั่งของเธอคือคนแรกของแถวที่สาม ซึ่งอยู่ตรงกับโต๊ะของอาจารย์คุมสอบ
ในสายตาของคนอื่น พวกเขายังคงเห็นว่าถังซือซือเป็นคนขี้ขลาดและไม่กล้ามีปากมีเสียง ดังนั้นด่าทอหรือพูดจาเยาะเย้ยจึงรุนแรงแบบนี้มาตลอดสามปี
ช่วงเช้า อาคารที่ 17 ห้อง 307
“นังคางคกนั่นไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เราด้วยล่ะ!?”
พันหม่าลี่สะดุ้งตื่นตามเสียงโวยวาย เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงตอนเกือบแปดโมงแล้วพบว่าไม่มีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะซึ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธจัดขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวก่อน! แล้วเช้านี้พวกเราจะกินอะไรกันดี?” เริ่นเฉียงถามอย่างเร่งรีบ
“ถามให้ได้อะไรล่ะ! นี่เริ่นเฉียง! รีบไปเข้าแถวซื้ออาหารก่อนค่อยว่ากัน! นังคางคก! ดูเหมือนมันชักจะลืมหน้าที่ของตัวเองควรทำอะไร!”
สีหน้าของพันหม่าลี่เปลี่ยนไปทันที ถึงแม้จะรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแต่ก็ไม่ลืมที่จะพกเครื่องสำอางติดไปด้วย
“โอเค! เอาตามที่เธอว่า!” เริ่นเฉียงเป็นผู้ติดตาม พันหม่าลี่และรู้ดีว่าไม่ควรสร้างปัญหาให้ตัวเองกับกลุ่มนี้ ดังนั้นเธอจึงรีบแต่งตัวแล้ววิ่งไปโรงอาหารทันที พร้อมกับด่าทอถังซือซือหลายพันครั้งในใจ
ห้องเรียน 201
นักศึกษาคลาส E ของภาควิชาวรรณคดีทยอยเข้าห้องเรียนมาทีละคน เพื่อเตรียมตัวสอบ
ผ่านไปไม่นานพันหม่าลี่และเริ่นเฉียงมาถึงห้องเรียน เมื่อพวกเขาเห็นถังซือซือนั่งอยู่ พวกเขาขยิบตาให้กันแล้วส่งสายตากับคนอื่น ๆ ภายในห้อง หลังจากนั้นเริ่นเฉียงก็พูดขึ้นเสียงดังว่า
“ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่ ฟังฉันนะทุกคน! อยากรู้ไหมว่าฉันมีข่าวใหญ่อะไรจะเล่า?”
เมื่อเพื่อนร่วมชั้นในห้องเรียนได้ยิน จิตวิญญาณแห่งการนินทาของทุกคนก็ลุกเป็นไฟขึ้นมา จนมีแต่เสียงฮือฮาดังไปทั่วห้อง
ถังซือซือพยายามทำเป็นไม่ได้ยินแล้วนั่งยืดตัวตรงอย่างเย้ยหยันใส่ทุกเสียงนินทา
“เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อคืนนี้ มีคนบางคนจากห้อง 307 ของเราที่หายหน้าหายตาไปนาน เพิ่งจะเสนอหน้ากลับมาเมื่อตอนเที่ยงคืน! แต่ไม่จบเพียงเท่านี้นะจ๊ะ ทันทีที่นางกลับมา จู่ ๆ ก็ขยันอ่านหนังสือขึ้นมาซะงั้น!”
พันหม่าลี่มองดูสถานการณ์ด้วยความสะใจ
ทุกคนภายในห้อง ตอนนี้ทุกสายตานั้นต่างพร้อมใจกันมองไปที่ถังซือซืออย่างไม่ได้นัดหมาย
“ฉันคิดแค่ว่าอยากปรับปรุงตัวเองใหม่ ก็เท่านั้นแหละ”
ถังซือซือยิ้มมุมปากหลังพูดเสร็จ
หลังจากทุกคนได้ฟังข่าวของเริ่นเฉียง ทุกคนต่างรู้ดีว่าคะแนนของถังซือซือต่ำสุดในคลาสเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ในการสอบชิงทุนครั้งนี้ ผู้ที่มีวินัยและมีความขยันอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนเท่านั้นที่มีโอกาสได้ทุน แต่ส่วนคนที่ไม่มีวินัยและความขยันรวมถึงไม่มีการเตรียมตัวนั้นแทบไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้น ความสำเร็จของถังซือซือที่จะสอบชิงทุนได้ในครั้งนี้หมายความว่า เธอต้องสอบให้ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งทำให้ทุกคนต่างหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าไม่มีทางแน่นอน
“จะสอบได้จริงเหรอ? นางคางคกถูกอะไรกระตุ้นมาวะ?”
“ใช่ไหมล่ะ! มีพนันกันด้วยนะ เทพธิดาหม่าลี่ของเราบอกว่าถ้ายัยคางคกสอบได้ทุนในครั้งนี้ เธอจะไปที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ของมหาลัยเพื่อไลฟ์สดการกินเครื่องในล่ะ! ฮ่าๆๆๆ!”
“นังบ้าเฉียง! เบา ๆ ปากหน่อย! บอกเรื่องที่ฉันพนันแบบนี้มันน่าอายจะตาย!”
เมื่อทุกคนเริ่มรุมล้อมด่าทอและเยาะเย้ยถังซือซือมากขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋าแล้วแอบส่งข้อความอย่างเงียบ ๆ ไปว่า “ถ้าเธอต้องการแก้แค้น ให้มาที่ห้อง 201 ตอนนี้เลย”
หลังจากส่งข้อความได้สำเร็จ ถังซือซือเริ่มนับถอยหลังในใจ ‘สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า…’
“พันหม่าลี่ นี่เธอพูดจริงเหรอ?” เสียงที่ดูจะไม่ลงรอยกับพันหม่าลี่นี้ดังแทรกขึ้นมา
ถังซือซือกำลังรอการมาของเธอคนนี้ เฉินเมิ่งอวี่จากคลาส A
วงจรชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างแคบอยู่บ้าง ซึ่งไม่แปลกที่จะมีการรู้ข่าวข้ามคลาสกัน
ดังนั้นทุกคนในแผนกวรรณกรรมจึงรู้ดีกันว่าเฉินเมิ่งอวี่มีแฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ทั้งสองถูกทาบทามจากหนานซานให้เข้ามาเรียนที่นี่ด้วยกัน พวกเขาเป็นคู่รักที่ทุกคนต่างชื่นชม แต่เพราะพันหม่าลี่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องของคู่รักจนเฉินเมิ่งอวี่มีปัญหากับแฟนหนุ่ม หลังจากนั้นทั้งสองจึงกลายมาเป็นศัตรูระหว่างกันตั้งแต่นั้นมา
MANGA DISCUSSION