บทที่ 76
อาจจะไม่ได้กลับไปซื้อขนมปังอร่อย ๆ แบบนี้ได้อีก
เพื่อนร่วมคลาสกลุ่มหนึ่งกำลังถกเถียงกันอยู่ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา พวกเขาก็หยุดถกเถียงกันทันที
นังถังซือซือ?
ห๊ะ! นั่นชื่อนังคางคกนี่นาที่พวกเขาตะโกนเสียงดัง!
ทำไมจู่ ๆ ถึงเรียกชื่อนี้ขึ้นมาล่ะ? ฉันไม่คุ้นกับชื่อจริงของนังนั่นเลย
“นังคางคกขายขนมปังเนี่ยนะ! ร้านเบเกอรี่ที่คางคกเปิดน่ะ ไม่กลัวสารพิษปนเปื้อนอยู่ในขนมปังรึไง?”
“เธอมันอคติไปเรื่อย! ขนมปังของถังซือซืออร่อยจะตาย!” เพื่อนคนหนึ่งพูดสวนขึ้นมาก่อนนั่งลงแล้วกัดขนมปังไปหนึ่งคำ
“ดูเหมือนจะมีพิษจริง ๆ แหละ ดูท่าทางของแกสิ” เพื่อนร่วมคลาสที่เพิ่งกัดขนมปังไปจู่ ๆ ดวงตาก็โตขึ้น
เพื่อนคนนั้นที่เพิ่งกินขนมปังก้มหน้าก้มตากัดกินขนมปังต่อไป ไม่ยอมพูดคุยกับใครเลย
ท่าทางของเขาทำให้รู้ว่าขนมปังชิ้นนี้คงอร่อยจริง ๆ
แต่เดี๋ยว… ก่อนหน้านี้ทำไมทุกคนถึงเรียกเธอว่า นังคางคกและยังชอบรังแกเธอ ทำไมคนมีฝีมือถึงได้ถูกกลั่นแกล้งอยู่เรื่อยเลยนะ?
ทันใดนั้น เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ฟังดูน่ากลัวคนหนึ่งดังขึ้นมา
“ซ่งหลี่ นายบอกว่านั่งคางคกเปิดร้านเบเกอรี่เหรอ?”
ผู้ชายที่กำลังกินขนมปังอยู่ชื่อซ่งหลี่ เมื่อเขาได้ยินเสียงนั้นก็ตกใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมารู้สึกตัวแล้วพยายามนั่งยืดตัวตรง
แย่แล้ว! นั่นมันยัยเย่ปี้ถง!
มหาวิทยาลัยหนานซานเป็นหนึ่งในสิบมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แต่เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน จึงมักมีนักเรียนนิสัยแย่ ๆ ปะปนเข้าเรียนอยู่เสมอทุกปี…
เย่ปี้ถงเป็นอันธพาลอีกหนึ่งกลุ่มในมหาวิทยาลัยที่ทุกคนไม่อยากมีปัญหาหรือพบเจอมากที่สุด
เธอทำทรงผมสไตล์เซอร์ติสท์ ฮิปสเตอร์สำหรับผู้หญิง ชอบถอนหายใจยาว ๆ เป็นลักษณะเฉพาะตัว ทำหน้าตาเย็นชาอยู่เสมอ และมีนิสัยเอาแต่ใจ
เธอชอบสวมเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ติดกระดุม ข้างในเป็นเสื้อกั๊กทรงต่ำ สวมกระโปรงยีนส์ทรงเอสีดำและรองเท้าบูทหุ้มข้อ เป็นแฟชั่นประจำตัว เธอกำลังเดินกอดอกพร้อมสูบบุหรี่ไปด้วย ก่อนโน้มตัวลงไปมองหน้าซ่งหลี่
เพื่อนรวมคลาสที่อยู่รอบ ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ บรรยากาศภายในห้องเหมือนถูกปิดเสียงไปชั่วคราว จนเงียบสนิท
นอกจากนี้ ทุกคนที่เหลือทั้งหมดต่างพากันเดินถอยห่างออกไปอย่างช้า ๆ รวมถึงยังมีบางคนที่กลัวจนต้องวิ่งหนีออกไปทางประตูหลัง
เพื่อนร่วมคลาสบางส่วนวิ่งออกมาแล้วไปซุบซิบกับเพื่อนคลาสอื่นว่า
“จบแล้ว จบแล้ว! ผู้ชายคนนั้นน่ะ ที่ชื่อซ่งหลี่ เขาต้องถูกกระทืบแน่!”
“คงไม่ใช่แค่ซ่งหลี่หรอกที่จะโดนน่ะ นังคางคกนั่นจะโดนด้วยไหมนะ?”
“คงเป็นแบบนั้นแหละ ผู้ชายคนนั้นเพิ่งบอกว่านังคางคกเปิดร้านเบเกอรี่ใช่ไหมล่ะ? ดูเหมือนว่าร้านนี้จะเป็นร้านแรกในประวัติศาสตร์ของหนานซานก็ได้ ที่จะได้เปิดและปิดในวันเดียวกัน…”
ซ่งหลี่กัดขนมปังอีกคำหนึ่งและกลืนน้ำลายไปหนึ่งครั้ง สมองของเขาเริ่มทำงานผิดปกติจนรู้สึกปั่นป่วน
จะทำยังไงต่อดี? จะพูดหรือไม่พูดอะไรออกไปเลย?
ถ้าเราพูดออกไป อาจจะไม่ได้กลับไปซื้อขนมปังอร่อย ๆ แบบนี้ได้อีก…
แต่ผลที่ตามมาถ้าไม่พูดความจริงออกไป…
“นี่ๆๆ…” เสียงผู้หญิงคนนั้นดังขึ้นอีกระดับหนึ่ง เมื่อใครได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกประหม่าจนตัวสั่น
ผู้ติดตามคนหนึ่งของเย่ปี้ถงเดินเข้ามา
“รุ่นพี่ปี้ถง! ค้นกระเป๋าตังค์มันแล้ว! เจ้านี่พกเงินมาน้อยกว่าห้าสิบหยวนซะอีก!”
เย่ปี้ถงหันไปมองตาขวางใส่ ผู้ติดตามของเธอจึงเดินถอยหลังออกมาทันที
เย่ปี้ถงถ่มน้ำลายลงบนโต๊ะ ก่อนยกขาขึ้นมาวางบนหน้าตักของซ่งหลี่ แล้วยกมือขึ้นตบไปที่ขนมปังในมือของเขาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า
“นี่นายเป็นหูหนวกเป็นใบ้รึไง? หรือเป็นแค่พวกขี้ขลาดจนขี้ขึ้นสมอง?”
ซ่งหลี่จ้องไปที่ขนมปังตรงพื้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาไม่กล้าให้ความสนใจกับขนมปังบนพื้นนานเกินไป เขาสัมผัสได้ถึงออร่าความน่ากลัวของเย่ปี้ถงแล้วให้รู้สึกกลัวจนตัวสั่นเทา
“ถง… ปี้ถง ฉันแค่เดินผ่านไปแถว…”
เย่ปี้ถงยกมือขึ้นตบหน้าซ่งหลี่ ก่อนพูดเสียงดังว่า
“ตอบดี ๆ และพูดให้ชัด ๆ! ตอบคำถามฉันให้มันดีกว่านี้ซิ!”
ซ่งหลี่ตกใจเมื่อถูกเธอตบหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาที่กำลังรินไหล ก่อนพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า
“ใช่ๆๆ! ร้านนี้เปิดแถวถนนย่านเมืองธุรกิจ…”
ซ่งหลี่ขมวดคิ้วทันที ก่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาด้วยความสั่นกลัว แล้วชี้ไปทางถนนย่านเมืองธุรกิจ
เย่ปี้ถงตบหัวซ่งหลี่อีกครั้ง เธอหันกลับมาแล้วดีดนิ้ว ก่อนตะโกนเสียงดังออกไปว่า
“ทุกคนมารวมกันตรงนี้!”
ผู้ติดตามของเธออีกสามคนก้าวออกมาจากห้องน้ำหญิงตรงข้ามห้องเรียน แล้ววิ่งเหยาะ ๆ มายืนอยู่ต่อหน้าเย่ปี้ถง
MANGA DISCUSSION