เมื่อเซี่ยงเส้าหลงเปิดประตูรถ ชายหนุ่มก็ส่งเสียงคำราม “แม่มึงตาบอดหรือไง! ไม่เห็นว่ารถของกูเข้ามาแล้วหรือยังไง? แม่งยังจะขับเข้าไป มึงอยากรนหาที่ตายใช่ไหม?”
“รู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? มึงรู้จักปอร์เช่ไหม?! รู้จักรถสปอร์ตไหม!? มีรอยนิดเดียว ขายรถพังๆของมึงยังไม่พอชดใช้เลย!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ อวิ๋นเสว่เหยนก็ลงมาจากที่นั่งข้างคนขับและพูดโต้แย้งตามเหตุและผล “เห็นได้ชัดว่าที่จอดรถนี้พวกเรามาถึงก่อนนะคะ แล้วทำไมต้องยกให้คุณด้วย?”
“ถ้าชนกัน พวกคุณต้องรับผิดชอบ!”
“โอ้โฮ!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่สวยขนาดนี้อยู่ในรถพังๆคันนี้!”
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายขึ้นมาทันทีแล้วหัวเราะคิกคัก “ที่นี่คือที่ไหน รถพังๆของพวกคุณมีคุณสมบัติเข้าไปได้ด้วยเหรอ?”
“คนสวย เห็นว่าคุณดูดี มานั่งรถโทรมๆแบบนี้ราคาจะตกลงมาได้นะ ที่นั่งในรถปอร์เช่ของพี่ชายยังว่าง คืนนี้ให้พี่พาไปนั่งรถเล่นไม่ดีกว่าเหรอ?”
พูดพร้อมกับยื่นมือสกปรกไปแตะใบหน้าที่สวยงามของอวิ๋นเสว่เหยน แต่ยังไม่ทันสัมผัส ข้อมือทั้งสองข้างถูกมือราวกับเหล็กจับเอาไว้ ชายหนุ่มตะโกนด้วยความเจ็บปวด “เจ็บๆๆ! มึง ……แม่มึงปล่อยกูนะ!”
เซี่ยงเส้าหลงสะบัดมือของเขาออกอย่างแรงแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฉันไม่อยากเสียเวลากับแก ไสหัวไป!”
ชายหนุ่มมีท่าทางโกรธเคืองอย่างมาก เขาหันหลังกลับแล้วหยิบท่อเหล็กออกมาจากรถ แล้วตรงไปที่รถโฟล์คสวาเกนแล้วฟาดลงไปอย่างแรงจนกระจกหน้ารถแตกเป็นเสี่ยงๆ
“รถของฉัน!”
อวิ๋นเสว่เหยนเจ็บปวดใจจนต้องการจะเข้าไปห้าม แต่ถูกเซี่ยงเส้าหลงดึงเอาไว้ แล้วมองดูชายหนุ่มระบายอารมณ์เช่นนี้อยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นไม่นาน รถดีๆก็มีสภาพถูกทุบจนพังยับเยิน!
ชายหนุ่มโยนท่อเหล็กลงบนพื้น คำรามอย่างเย็นชาแล้วพูดจายั่วยุ “ไอ้หนู เมื่อกี๊มึงพูดว่าอะไรนะ? ให้กูไสหัวไปงั้นเหรอ!”
“ตอนนี้กูพังรถมึงแล้ว ยังจะให้กูหลบไปอยู่ไหม?”
“ตอนนี้แกอยากจะหลบไป ก็ไปไม่ได้แล้ว!”
“เฮอะๆ……เป็นอะไรไป ไม่พอใจใช่ไหม? เห็นหรือเปล่า นั่นรถของฉัน ยกท่อเหล็กให้แกเลย ไม่พอใจก็ทุบรถฉันด้วยเลย!”
“ฉันทุบรถแก ฉันจะชดใช้ให้ แกทุบรถฉัน แกก็ชดใช้ให้ฉัน ว่ายังไงล่ะ?!”
สายตาของเซี่ยงเส้าหลงเย็นเยียบในทันที ในเวลานี้เองมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ใครกัน กล้ามาก่อเรื่องบนพื้นที่ของโรงแรมออนเซ็น?”
มองเห็นผู้มาเยือนอย่างชัดเจนแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากว่า “ผู้จัดการเฝิง ผมเอง!”
เห็นลักษณะของชายหนุ่มปรากฏชัดแล้ว ผู้จัดการเฝิงก็ยิ้มทันทีและพูดว่า “ที่แท้ก็คุณชายเว่ยนี่เอง! แล้วนี่คุณ ……”
“ไม่มีอะไร ผมแค่อยากจะมาทานอาหารว่างนึกไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอเข้ากับพวกคนจน!”
“กล้าที่จะมาแย่งที่จอดรถกับผม ไม่มองดูเลยว่าตัวเองเป็นอะไร!”
ผู้จัดการเฝิงชำเลืองมองรถที่ถูกทุบ คิ้วก็ขมวดเล็กน้อยและพูดว่า “ไอ้หนู รีบย้ายรถของคุณออกไปให้ไว แล้วให้รถของคุณชายเว่ยเข้ามา!”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มแล้วสายตามองไปทางเขา “คุณไม่เห็นเหรอว่ารถของผมถูกเขาทุบ?”
ผู้จัดการเฝิงทำท่าทางว่าสมควรแล้ว “ถูกทุบก็เป็นสิ่งที่คุณสมควรโดนนี่นา! ใครให้คุณเข้ามาขวางทางคุณชายเว่ย? สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่รถโทรมๆของคุณเข้ามาได้หรือไง?”
“รีบย้ายรถออกไป! ไม่อย่างนั้น ผมจะโยนมันทิ้งที่โรงงานขยะ!”
“ฮ่าๆ ……ผู้จัดการเฝิง ผมชอบความกล้าหาญของคุณ ไว้วันหลังที่ผมเจออาหวง ผมจะต้องพูดถึงคุณต่อหน้าเขาแน่นอน แล้วเลื่อนตำแหน่งให้คุณสักสองสามตำแหน่ง!”
ผู้จัดการเฝิงยิ้มประจบทันที “โอ้ ถ้าอย่างนั้น ขอขอบคุณคุณชายเว่ยเป็นอย่างยิ่งครับ!”
ได้ยินคำว่าอาหวง หัวใจของเซี่ยงเส้าหลงก็ขยับ หลังจากคลำหาอยู่นาน เขาก็หยิบการ์ดใบหนึ่งออกมา ในตอนนั้นหวงเทียนหู่บอกกับเขาว่า มีการ์ดใบนี้ก็เหมือนกับเป็นแขกVIP ที่มีเกียรติสูงสุดของโรงแรมออนเซ็นใช่ไหมนะ?
เมื่อกดเบอร์โทรออกตามหมายเลขบนการ์ด ไม่นานนัก มีกลุ่มคนสวมชุดสูทและรองเท้าหนังวิ่งเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นชัดเจนดังนี้แล้ว ผู้จัดการเฝิงจึงถามด้วยความสงสัยว่า “ผู้จัดการใหญ่? ผู้จัดการร้าน? ทำไมพวกคุณถึงมาที่นี่กันหมดเลยล่ะ?”
ผู้ที่มาไม่มีใครสนใจเขาเลย เมื่อชำเลืองมองก็ดูเห็นเซี่ยงเส้าหลงกำลังถือนามบัตรอยู่ เขากล่าวด้วยความเคารพนบนอบทันทีทันใด “ขอโทษนะครับ คุณคือคุณเซี่ยง ใช่ไหมครับ?”
สีหน้าของผู้จัดการเฝิงชะงักไปทันที!
เซี่ยงเส้าหลงเล่นกับนามบัตรในมือ แล้วพูดอย่างมีอารมณ์ว่า “ผมไม่ได้รับอนุญาตให้จอดรถที่นี่งั้นเหรอ?”
“คุณล้อเล่นแล้ว คุณเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุดของเรา เกรงว่าถ้าคุณต้องการจอดรถในล๊อบบี้โรงแรมของเรา พวกเรายังต้องถอดประตูให้เร็วที่สุดเพื่ออำนวยความสะดวกในการจอดรถให้กับคุณ!”
“ทายาทเศรษฐีที่เอาแต่ใจแย่งที่จอดไปอย่างจองหอง แต่ผู้จัดการโรงแรมของคุณกลับเย่อหยิ่งและต้องการโยนรถของผมไปทิ้งที่โรงงานขยะโดยไม่แยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิด เหอะๆ ผมมองไม่เห็นเลยว่าตรงไหนที่มีคำว่าแขกผู้มีเกียรติน่ะ?”
สีหน้าของผู้จัดการใหญ่เปลี่ยนไปทันทีและพูดอย่างเย็นชาว่า “ผู้จัดการเฝิง คุณล่วงเกินคุณเซี่ยง เมื่อหักค่าตอบและสวัสดิการทั้งหมดของคุณที่มีกับโรงแรมออนเซ็นแล้ว คุณเก็บของแล้วออกไปได้เลย!”
“คุณชายเว่ย! ขอโทษด้วยครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณถูกห้ามเข้าทุกกิจการทั้งหมดภายใต้ชื่อของโรงแรมออนเซ็น!”
สีหน้าของทั้งสองคนซีดเผือด!
หลังจากนั้น ผู้จัดการใหญ่ได้เอ่ยกับเซี่ยงเส้าหลงด้วยความเคารพ “ดูสิครับ คุณพอใจกับผลลัพธ์ในการจัดการหรือไม่ ?”
หลังจากเซี่ยงเส้าหลง คิดๆดูแล้ว ทันใดนั้นเขาก็เตะของที่อยู่ใต้เท้าจนมีเสียงแท่งเหล็กเด้งเข้ามาอยู่ในมือจากนั้นจึงเดินไปที่รถสปอร์ตยี่ห้อปอร์เช่
ตู้ม!
เมื่อแท่งเหล็กกระแทกลงไป กระโปรงรถก็ยุบลงไปทันที
“รถกู!”
คุณชายเว่ยร้องอุทานแล้วจะเดินไปข้างหน้า ผู้จัดการใหญ่โบกมือ ก็มีชายสองคนขวางหน้าเขาเอาไว้ทันทีทันใด และมองเขาก่อนเอ่ยบทสนทนาขึ้นมาก่อนด้วยใบหน้าที่เย็นชา “คุณชายเว่ยเราขอแนะนำว่าอย่าได้หุนหันพลันแล่น ให้คุณเซี่ยงระบายให้เสร็จก่อน เขาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของประธานหวง ดังนั้นต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพ ถ้าหากเขายังรู้สึกไม่พอใจแม้เพียงนิดเดียว ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของคุณจะอยู่ที่นี่ ก็ปกป้องคุณไม่ได้หรอกนะครับ!”
หลังจากนั้นไม่นาน รถสปอร์ตราคาหลายร้านก็กลายเป็นกองเศษเหล็ก เซี่ยงเส้าหลงเดินตรงไปหาคุณชายเว่ย เขายิ้มและพูดว่า “คุณทุบรถผม ผมก็ทุบรถคุณ คุณว่านี่ยุติธรรมไหม?”
คุณชายเว่ยใบหน้าซีดเผือด ภายใต้สายตาที่ข่มขู่ของผู้จัดการใหญ่ เขาจึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างแข็งทื่อ “ยุติ ……ยุติธรรมครับ”
“ในเมื่อยุติธรรมดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นรถของผมก็ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องชดใช้หรอก งั้นรถของคุณ ผมก็ไม่ต้องผมชดใช้แล้วใช่ไหม?”
คุณชายเว่ยเกือบจะด่าออกมาแล้ว ว่ารถของมึงมันโทรมอย่างกับอะไร รถของกูคันเดียวซื้อรถมึงได้เป็นสิบคัน จะพูดว่ามันเหมือนกันได้ยังไง? แต่ว่าเขากล้าปฏิเสธงั้นเหรอ? เขาไม่กล้า!
“ใช่ ……ไม่จำเป็นแล้ว”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วจับข้อมือของอวิ๋นเสว่เหยน “ไปกันเถอะ งานเลี้ยงมื้อค่ำกำลังจะเริ่มแล้ว!”
“คุณเซี่ยง ผมจะนำทางคุณไปเองครับ เชิญทางด้านนี้!”
มาจนถึงชั้นดาดฟ้าโรงแรมออนเซ็น ที่ประตูทางเข้าประชุมอันหรูหรา ขณะที่กำลังต่อแถวเข้างานทีละคนอวิ๋นเสว่เหยนก็จัดแต่งรูปร่างหน้าตาของตนเองนิดๆหน่อยๆแล้วเอาความคิดต่างๆโยนทิ้งไปจนหมด คืนนี้จะต้องใช้วิธีการใดเพื่อนำไปสู่การร่วมมือกับมาสเตอร์คาเรนต่างหากที่สำคัญที่สุด!
ในขณะที่เธอรอเข้าแถวอยู่นั้น จู่ๆเสียงที่ฟังแล้วไม่ลงรอยกันได้ดังขึ้น “ฉันไม่ได้ดูผิดหรอกนะ อวิ๋นเสว่เหยน เป็นเธอจริงๆด้วย?”
หันมองไปตามเสียง มีหญิงสาวที่แต่งหน้าจัดคนหนึ่งเดินควงแขนมากับผู้ชายอายุสี่สิบหรือห้าสิบปีคนหนึ่ง และมองมาที่อวิ๋นเสว่เหยนด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เธอคือ ……เจียวเจียว?”
อวิ๋นเสว่เหยนเองก็รู้สึกประหลาดใจ หลังจากนั้นสีหน้าก็เลวร้ายทันที คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่น แต่กลับเป็นสวีอีเจียวเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายที่ไม่ถูกกับตนเองตลอดสามปี
สวีอีเจียวมองดูชุดที่หรูหราของเธอ ในดวงตาที่ประหลาดใจมีประกายของความอิจฉาริษยาอยู่ด้วย จากนั้นก็มีใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ไม่ต้องพูดเลยนะ เกิดมาดีไม่สู้โตมาสวยจริงๆ ถึงแม้จะเป็นของมือสองเน่าๆก็เถอะ แค่แต่งตัวลวกๆ ก็ยังเป็นคนที่หาได้ยาก เสว่เหยนเอ่ย ฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆ!”
“สวีอีเจียว เธอกำลังพูดเหลวไหลเรื่องอะไร?!”
“ฉันพูดเหลวไหลงั้นเหรอ? ทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ใครไม่รู้บ้างว่า เธออวิ๋นเสว่เหยน ท้องก่อนแต่ง อายุยังไม่ถึงยี่สิบก็แบกท้องโตกลับมาจากเมืองนอกแล้ว ใครก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าเธอทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าอะไรบ้างตอนที่อยู่ข้างนอก!”
“วันนี้เป็นงานเลี้ยงแบบไหน? คนดังชั้นนำทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ มาร่วมงานด้วย! ถ้าเธอไม่พึ่งพาหน้าตาของเธอหลอกลวงเศรษฐีสักคน ด้วยสถานะของเธอจะมีสิทธิ์ปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไง?”
“โอ๊ะโอ ฉันลืมไปว่าแม่ของเธอก็ทำสิ่งนี้ด้วย ลูกสาวสืบต่อธุรกิจของแม่ มันช่างเข้าขาได้กันดีมากเลยนะเนี่ย!”
“พอรู้ว่าคนดังระดับชั้นนำของเมืองจะมารวมตัวกันในงานนี้เลยพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะแทรกตัวเข้ามาที่นี่ให้ได้ แล้วก็ใช้ความงามอีกนิดๆหน่อยๆมาล่อหลอกผู้ชาย”
“แต่ยังไงก็ตาม ในฐานะของเพื่อนร่วมชั้น ฉันก็อยากแนะนำเธอนะว่า การเป็นสาวสังคมมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ผู้ชายยิ่งรวยยิ่งมีลูกเล่นแพรวพราว ถ้าอยากจะเอาใจให้พวกเขาเบิกบานใจ ไม่ใช่แค่หน้าสวยๆก็พอหรอกนะ!”
“แต่ดูจากการที่เธอที่ประสบการณ์โชกโชนตั้งแต่อายุยี่สิบแล้ว จะสามหรือสี่คน ฉันคิดว่าก็ไม่น่าจะปัญหาสินะ ฮ่าๆ ……”
ชายที่อยู่ข้างๆสวีอีเจียว มองไปทางอวิ๋นเสว่เหยนด้วยใบหน้าที่ตะกละตะกลามและเอ่ยว่า “คุณหนูอวิ๋น ที่แท้คุณทำแบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นหลังจากงานเลี้ยงแล้ว ผมมีหุ้นส่วนที่ใช้ได้อยู่สองสามคน ลองเทียบแล้วก็นับว่าดี สามารถแลกเปลี่ยนเพื่อเชื่อมสัมพันธ์เชิงลึกกับคุณหนูอวิ๋นได้นะครับ!”
“แน่นอนว่าคุณหนูอวิ๋นจะต้องพอใจกับราคา!”
“สวีอีเจียว! เธอใส่ร้ายฉัน!”
ตอนอยู่มัธยมปลายปีสาม ปากของสวีอีเจียวก็ขึ้นชื่อในเรื่องความชั่วร้าย อวิ๋นเสว่เหยนย่อมสู้เธอไม่ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะคำพูดต่ำทรามขนาดนั้น เธอโกรธจนตัวสั่น ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันมาที่นี่เพราะได้รับคำเชิญอย่างเป็นทางการ มีบัตรเชิญอยู่ในมือ ไม่ได้สกปรกอย่างที่เธอคิด!”
“บัตรเชิญ? แล้วเธอคู่ควรเหรอ?”
ใบหน้าของสวีอีเจียวเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
“ไม่เชื่อ! เธอก็ดูสิ!”
พูดพร้อมกับพลิกหาในกระเป๋า ทันใดนั้น ใบหน้าที่โกรธจัดได้เปลี่ยนไปในทันใด การเคลื่อนไหวของมือก็สับสนวุ่นวายเช่นกัน
“บัตรเชิญล่ะ? ทำไมถึงหาไม่เจอ? เห็นอยู่ชัดๆว่าฉันเอาใส่ไว้ในกระเป๋านี่นา!”
“โอ๊ะโอ ความแตกแล้วสินะ? ไหนจะบัตรเชิญอีก? จะดีร้ายยังไงนี่ก็เป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำของเหล่าคนดังระดับสูงนะ สาวสังคมที่ขึ้นเตียงมาเป็นร้อยเหมาะสมที่จะได้บัตรเชิญด้วยงั้นเหรอ?”
พูดพร้อมกับหยิบบัตรเชิญออกมาจากกระเป๋าแล้วอวดต่อหน้าเธอ “ดูสิดู นี่สิถึงจะเป็นบัตรเชิญ!”
“เธอ! ……”
ในเวลานี้เองเซี่ยงเส้าหลงมาขวางหน้าเธอเอาไว้แล้วน้ำเสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น “มันเหมือนกับว่ามีแต่คนชั้นต่ำอย่างพวกคุณจะต้องใช้บัตรเชิญ ถ้าพวกเราต้องการจะเข้าไป เราไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเชิญใดๆทั้งสิ้น!”
MANGA DISCUSSION