ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 75 ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา
เธอฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดของเธอ เธอได้ยินเสียงของทารกน้อยที่แผ่วเบา
"อีกไม่นานก็จะได้ลงจากเครื่องแล้วนะ เด็กดี … " ไม่ไกล…มีผู้โดยสารคนหนึ่งกำลังปลอบโยนลูกที่กำลังร้องไห้
เฉียวเหวยอีมองไปที่นั่นและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง เธอไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างความจริงและความฝันได้แล้วเหรอเนี่ย
เครื่องบินกำลังลงจอด เฉียวเหวยอีหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู เวลานั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ในประเทศซึ่งทันเวลาการผ่าตัดของคิง
พ่อบ้านเทียนรอเธออยู่แล้ว ทั้งสองพบกันและทักทายกันเท่านั้น ไม่มีใครพูดอะไรอีกและรีบไปตรงไปยังโรงพยาบาล
ทันทีที่มาถึงประตูห้องผ่าตัด ก็เห็นคนคนหนึ่งเดินผ่านทางเดินพร้อมกับไม้เท้าและบอดี้การ์ด ดวงตานั้นดุร้ายเล็กน้อยและเขากำลังกระซิบกับลูกน้องของเขา
เฉียวเหวยอีผงะ ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจและดีใจ "คิง ?! "
ชายคนนั้นหยุดและมองกลับไปในทิศทางของเธอ
เฉียวเหวยอีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงรีบวิ่งเข้าหาและกอดเขาไว้ "ดีจังเลยที่คุณไม่เป็นอะไร ! "
คิงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้ด้วยความยินดี เขาก็หัวเราะอย่างเงียบ ๆ และมือที่ไม่มีไม้ค้ำกอดเอวของเธอเบา ๆ
"คุณทำให้ฉันตกใจแทบตาย … " เฉียวเหวยอีบ่นพึมพำในอ้อมแขนของเขาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวเหวยอีร้องไห้ต่อหน้าเขา และเป็นครั้งแรกที่กอดเขา เดิมทีเขาคิดว่าเขาไม่สามารถครอบครองหัวใจของเธอได้
"ไม่เป็นไรแล้ว" เขาก้มศีรษะลงและจูบที่หน้าผากของเฉียวเหวยอี
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาและลุงเทียนที่อยู่ด้านข้างก็หลบหลีกไป ปล่อยให้พวกเขาได้อยู่กันตามลำพัง
ทำไมคนรอบตัวคิงจะไม่รู้ว่าเฉียวเหวยอีเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดของเขาล่ะ? ในช่วงสามปีที่เฉียวเหวยอีอยู่เคียงข้างเขา อารมณ์ของคิงก็ดีขึ้นมากและเขาก็ไม่เย็นชาอีกต่อไป
ความรู้สึกที่คิงมีต่อเฉียวเหวยอีนั้น ทุกคนต่างก็ดูออก เว้นแต่เฉียวเหวยอีคนเดียวเพียงเท่านั้นที่ไม่รู้อะไร
เฉียวเหวยอีเอาแต่ร้องไห้ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
หลังจากสงบลง ในที่สุดเธอก็ปล่อยคิงและถามอย่างงง ๆ ว่า "ไหนบอกว่าจะผ่านตัดในตอนเช้าไง? "
“เมื่อคืนฉันรู้สึกตัวนิดหน่อย ก็เลยฟื้นก่อนหนึ่งชั่วโมงน่ะ” คิงยกมือขวาขึ้นเช็ดน้ำตาที่แก้มเธอเบา ๆ และอธิบายด้วยเสียงต่ำ
“เพิ่งฟื้นแล้วลุกขึ้นมาทำไม” เฉียวเหวยอีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
"ฉันกำลังจะไปตรวจร่างกาย รู้สึกไม่อยากนั่งรถเข็นน่ะก็เลยจะเดินไปด้วยตัวเอง" คิงตอบอย่างช่วยไม่ได้
เฉียวเหวยอีเห็นว่าใบหน้าของเขายังคงซีดเผือดจึงถามเขาอย่างไม่พอใจ "เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วบาดเจ็บได้ยังไง? "
"ไว้ค่อยอธิบายรายละเอียดทีหลังนะ" คิงเห็นหมอรออยู่ตรงทางเข้าห้องตรวจข้างๆ จึงกระซิบกลับ
ตอนที่เฉียวเหวยอีเข้าสู่ truth หลังจากสามเดือนของการฝึกฝนอย่างเข้มข้นเธอก็เข้าใจหลักการแพทย์มากยิ่งขึ้น
เธอได้รับแผ่นฟิล์มของคิง เธอมองดูอย่างระมัดระวังและตรวจสอบให้แน่ใจว่าจุดเลือดออกในสมองของเขาจะไม่มีปัญหาร้ายแรงอีกต่อไป เธอจึงรู้สึกโล่งใจ
อากาศข้างนอกดีมาก เธอเข็นรถเข็นของคิงและพาเขาออกไปอาบแดด
“เพราะงั้นคุณกำลังสงสัยว่ามีคนหักหลังคุณสินะ” เฉียวเหวยอีพูดเบา ๆ เมื่อได้ยินคิงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจน
กลไกการจัดการของ truth นั้นแตกต่างกับบริษัทภายนอกอย่างสิ้นเชิง โดยทั่วไปจะยึดคิงเป็นแกนหลัก มีผู้จัดการทั้งหมดแปดคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ซึ่งทั้งแปดคนนี้เทียบเท่ากับหัวหน้าและผู้จัดการ
เมื่อใดก็ตามที่ผู้มาใหม่ได้รับการว่าจ้างให้เข้าสู่ truth จะมีเพียงคิงเท่านั้นที่คัดเลือกผู้มาใหม่ จากนั้นลุงเทียนจะหารือกับหัวหน้าแผนกต่างๆ จัดหาและมอบหมายงานที่เหมาะสมให้กับพวกเขา