ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 58 จัดการเอง
“ไม่ได้!ฉันต้องหาอันหนิงให้เจอแล้วคุยกับเธอให้รู้เรื่อง อย่างน้อยก็ต้องเอาเพลงของเธอออก ”ผู้จัดการโมโห แล้วรีบไปหาวิธีติดต่ออันหนิงทันที
“เธอกล้ามากจริงๆ หมายเลขอีเมลก็คือเบอร์มือถือของเธอ!”
ผู้จัดการพูดอย่างโมโหไปด้วย กดโทรออกไปด้วย
สองวินาทีต่อมา มือถือของเฉียวเหวยอีที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งสั่นขึ้น
ซูหรูเยียนมองไปที่มือถือของเฉียวเหวยอี แต่เพราะแสงไฟจากกระจกโต๊ะเครื่องแป้งมันสะท้อนแสง ดูไม่ออกว่าใครเป็นคนโทรมา
“ขอโทษค่ะ ”เฉียวเหวยอีรีบยิ้มให้เธอ หยิบมือถือ กดปุ่มปิดเสียงอย่างเงียบๆ เก็บมือถือเข้าไปไว้ในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง
ผู้จัดการของซูหรูเยียนรอจนกระทั่งได้ยินข้อความจากโทรศัพท์ว่าไม่มีคนรับสาย ถึงได้วางสายด้วยความโกรธ
“ฉันจะลองโทรอีกสักหน่อย”คิดพักหนึ่ง ก็กดโทรออกอีกครั้ง
มือถือของเฉียวเหวยอีก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง
เธอสอดมือเข้าไปในกระเป๋า แล้วรีบกดปิดเสียง
ซูหรูเยียนคิดว่านี่เป็นข้อความแจ้งเตือนของเฉียวเหวยอี มองไปทางเธอแล้วพูดว่า“เธอดูยุ่งนะ”
“ที่บ้านเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ก็ยุ่งหน่อย”เฉียวเหวยอียิ้มให้ซูหรูเยียน ตอบกลับแบบไม่แสดงสีหน้าอะไร
พูดจบ หยิบมือถือออกมา แล้วเปิดโหมดมือถือเป็นโหมดเงียบ
ซูหรูเยียนนิ่งไปหลายวิ ตอบกลับเสียงเบา“ใช่สิ บ้านเธอเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่มาหาเธอหรอ?”
เขาของซูหรูเยียน ต้องหมายถึงลี่เย่ถิงอยู่แล้ว
“เรื่องของพวกเขาไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันย้ายออกมาตั้งนานแล้ว ”เฉียวเหวยอีตอบกลับไปแบบสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
แน่นอนว่าลี่เย่ถิงต้องไม่มาหาเธออยู่แล้ว เพราะวันนี้ที่ตระกูลเฉียวเกิดเรื่อง ก็เป็นคำสั่งของลี่เย่ถิง
แต่ซูหรูเยียนกลับคิดว่า ลี่เย่ถิงตั้งใจไม่ช่วยพวกเขา ก็หันไปมองเฉียวเหวยอีอีกครั้ง พูดว่า“ไม่อย่างนั้น ให้ฉันช่วยเธอขอร้องเขาไหม?”
“ไม่ต้องหรอก เรื่องของพวกเขา ให้พวกเขาจัดการเอง”เฉียวเหวยอีตอบกลับอย่างไม่แยแส
ซูหรูเยียนโดนปฏิเสธหลายครั้ง ปั้นหน้าต่อไม่ไหว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
อีกด้านผู้จัดการที่โทรหาอันหนิงไม่ติด ก็ยิ่งไม่พอใจ เปิดเพลงที่ซูหรูเยียนและอันหนิงร้องขึ้นมา โดยใช้มือถือเปิดลำโพง
อันดับแรกก็เปิดเพลงต้นฉบับของซูหรูเยียนที่ร้องในรายการ พูดไปด้วยว่า“พวกเธอฟังดูซิว่าใครร้องเพราะกว่ากัน? ในความคิดเห็นบอกว่าพี่เยียนร้องไม่ดีเท่านักร้องออนไลน์คนนี้ พูดเหลวไหลจริงๆ!”
เฉียวเหวยอีคิดไม่ถึงว่าเธอจะเปิดเพลงตรงๆ เธอเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
เธออยากพูดอะไรขึ้นมาห้าม เพื่อไม่ให้เกิดการพลิกผันทีหลัง ทุกคนจะได้ไม่อับอาย
“มืออาชีพอย่างเราจะตามมือสมัครเล่นไม่ทันเลยหรือไง? ขนาดผู้จัดการอันหนิงยังไม่มีเลย และไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัท ก็แค่คนโคฟเวอร์ไร้นาม!”
แต่ผู้จัดการของซูหรูเยียนก็ยังด่าอยู่อย่างโมโห ซูหรูเยียนก็ทำหน้าหยิ่ง ไม่มีแววว่าจะห้ามปราม
เฉียวเหวยอีแอบคิดพักหนึ่ง ก็ช่างมันเถอะ ยังไงซะคนที่ขายหน้าก็ไม่ใช่เธอ
ผู้จัดการเปิดของซูหรูเยียนจบ ก็รีบเปิดของอันหนิง และเพราะไม่มีความอดทน ก็เลยเร่งข้ามไปยังท่อนฮุก
“……จากนี้ไปในหัวใจของฉันมีคนคนหนึ่งอาศัยอยู่
เมื่อครั้งที่พวกเรายังเด็ก
ตอนนั้นเธอขยับเก้าอี้ไม้ตัวเล็ก ๆ
เพื่อเล่นกับฉัน และฉันก็เล่นกับเธอ
ฉันกำลังตามหาคนในนิทานคนนั้น
เธอคือส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้
เธองีบหลับอยู่ใต้ต้นไม้
ฉันตัวเล็ก ๆ กำลังรอคอยอย่างโง่เขลา……”
เนื้อเพลงก็เหมือนกับนิทานเรื่องหนึ่ง ถูกอันหนิงใช้วิธีของตัวเองร้องออกมาอย่างช้าๆ เสียงไม่ได้น่าทึ่งขนาดนั้น แต่กลับทำให้คนฟังปวดใจ แต่เพราะเร่งมาเล่นที่ท่อนฮุก เพลงก็ยิ่งมีความรู้สึกมากกว่าฉบับของซูหรูเยียน
เทียบกันแล้ว แม้ว่าซูหรูเยียนจะมีทักษะ แต่ก็ธรรมดามาก
ภายในห้องแต่งตัวเริ่มมีความกดดัน อึดอัดจนไม่มีใครพูด