ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 46 ยังไม่ยอมรับว่าอยู่ด้วยกันอีกเหรอ?
ซุ่ยซุ่ยฟังแล้วกลับรู้สึกสบายใจ ยิ้มจนตาหยีพลางเดินเข้าโรงเรียนอนุบาลอย่างมีความสุข
ทันทีที่เฉียวเหวยอีขึ้นรถ หยวนเป่าก็โทรมาและขอให้เธอไปที่บริษัท
ผู้จัดการส่วนตัวหนึ่งคนสามารถมีศิลปินมากกว่าหนึ่งคนในมือได้ เดิมทีหยวนเป่ามีศิลปินที่เก่งกาจในการร้องเพลงและเล่นภาพยนตร์ อาจเป็นเพราะคำสั่งของถังอี้ที่ทำให้หยวนเป่าและศิลปินคนนั้นยุติสัญญา ปัจจุบันจึงดูแลเพียงเฉียวเหวยอีแค่คนเดียว
เฉียวเหวยอีไปที่บริษัท บังเอิญว่าศิลปินส่วนใหญ่ต่างก็รวมตัวอยู่ที่นั่น และหยวนเป่าก็พาเธอไปแนะนำทีละคน
ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างเฉียวเหวยอีกับถังอี้แพร่กระจายไปทั่วบริษัท ราวกับหน้าตามีหู ประตูมีช่อง ดังนั้นทุกคนจึงเห็นแก่หน้าของถังอี้ และปฏิบัติกับเฉียวเหวยอีเป็นอย่างดี
เมื่อเดินไปถึงประตูห้องสุดท้าย คนด้านในก็ทำเป็นไม่สนใจเฉียวเหวยอีและหยวนเป่า
หยวนเป่าเข้ามาและเจรจาอย่างนอบน้อม เฉียวเหวยอีที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้ยินเสียงหยวนเป่าเรียกอีกฝ่ายว่า "พี่หรูเยียน"
เฉียวเหวยอีตกตะลึง มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง?
"ช่างเถอะ เมื่อก่อนเธอเคยเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉัน หล่อนก็นับว่าเป็นรุ่นน้อง ให้เข้ามาสิ"
เฉียวเหวยอีได้ยินอีกฝ่ายตอบเช่นนี้
หยวนเป่าเปิดประตูและขอให้เฉียวเหวยอีเข้าไป เพียงแค่เห็นเงาของซูหรูเยียน เฉียวเหวยอีก็จำได้ในทันที
อดีตที่ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นสึนามิพุ่งเข้าเฉียวเหวยอีจนแทบจะทำให้เธอหายใจไม่ออก
ซูหรูเยียนหันหน้ามาและจ้องมองเธอ ดวงตาของเธอสงบและคงจะรู้ตั้งนานแล้วว่าคนที่แย่งผู้จัดการส่วนตัวของเธอมาคือเฉียวเหวยอี
ตระกูลซูและตระกูลลี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาโดยตลอด และถือว่าเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว เมื่อก่อนตอนที่เฉียวเหวยอีอยู่ในตระกูลลี่ได้พบซูหรูเยียนเพียงไม่กี่ครั้ง
"เจอกันอีกแล้วนะ น้องเหวยอี" ซูหรูเยียนยิ้มให้เธอก่อนและทักทายเธออย่างกระตือรือร้น
เฉียวเหวยอีเงียบอยู่เป็นเวลานาน สักพักเธอก็กระซิบกลับไป "สวัสดีค่ะ พี่หรูเยียน พบกันครั้งแรก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ "
……
เที่ยงวันรุ่งขึ้น ณ ห้างใกล้บริษัท
หยวนเป่าเลือกเสื้อผ้าให้กับเฉียวเหวยอีและกล่าวว่า "ชุดพวกนี้เธอต้องพกไปที่กองถ่ายนะ ใส่เป็นชุดไปรเวทในขณะที่อยู่กองถ่าย เพราะที่นั่นจะมีปาปารัสซี่มากมายที่คอยแอบถ่ายรูปเธออยู่ โดยเฉพาะศิลปินหน้าใหม่อย่างเธอ พวกเราจะเสียคะแนนไปไม่ได้เด็ดขาด "
เฉียวเหวยอีเดินตามหยวนเป่าไปและพยักหน้า "คุณมีประสบการณ์ คุณว่ายังไงฉันก็ว่าแบบนั้นค่ะ"
ทันทีที่พูดจบ มุมตาของเธอก็เหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคยทั้งสองในร้านตรงข้าม
ผู้ชายในชุดสูทมีรูปร่างสูงโปร่ง ในขณะที่ผู้หญิงนั้นดูอ่อนโยนและดูสมบูรณ์แบบ
ลี่เย่ถิงกลับมาแล้ว
หยวนเป่าพูดไปคำสองคำเมื่อเห็นว่าเฉียวเหวยอีไม่ตอบสนอง จึงมองตามเธอไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเห็นว่านั่นคือลี่เย่ถิงและซูหรูเยียน จากนั้นเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
"เส้นนี้ดูเหมาะกับคุณนะคะ" ซูหรูเยียนวางเนกไทที่คอเสื้อของลี่เย่ถิงและพูดอย่างแผ่วเบา
“ตามใจเธอแล้วกัน” ลี่เย่ถิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เขากลับมองไปทางอื่นในขณะที่พูด
ด้วยความบังเอิญ สายตามองไปเห็นร่างที่คุ้นเคย
เขาขมวดคิ้วและจ้องมองไปในทิศทางนั้น ราวกับว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวมือทองของบริษัท…หยวนเป่าเหรอ?
ในขณะที่เขากำลังจะตามไป ซูหรูเยียนก็คว้าเสื้อคลุมของเขาและพูดว่า "คุณจะไปไหนเราจะมีงานแถลงข่าวแล้วนะคะ ฉันเกรงว่าเราอาจจะไปไม่ทันเวลา"
หลังจากพูดจบ เขากระซิบเบา ๆ "หรือว่าจะให้ฉันลองใส่ให้คุณดู และรีบซื้อกลับไปดีคะ"
“ไม่จำเป็น ใส่ถุงมาทั้งหมดนั่นแหละ” ลี่เย่ถิงมองไปยังทิศทางที่หยวนเป่าหายไปพลางด้วยน้ำเสียงรำคาญ
ทันทีที่สิ้นเสียง จู่ๆ ก็ได้กลิ่นน้ำหอมในระยะใกล้
ซูหรูเยียนยืนเขย่งเท้าพลางโน้มตัวเข้าใกล้และใส่เนกไทให้เขา
“ลองใส่ดูดีกว่าค่ะ” เธอยิ้มให้เขาแล้วถอยหลังออกไปโดยรักษาระยะห่างอย่างสุภาพ และช่วยผูกเนกไทของเขาต่อไป
ณ มุมหนึ่ง ไม่ไกล
“แบบนี้ยังไม่ยอมรับว่าอยู่ด้วยกันอีกเหรอ?” หยวนเป่ามองอย่างดูถูก