ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 17 กำไลที่เป็นมรดกตกทอด
เฉียวเหวยอีมองไปยังเบอร์ที่โทรเข้ามา ลุกขึ้นแล้วล็อกประตู
“ร่างกายไม่เป็นไรแล้วหรอ?”เสียงในโทรศัพท์ น้ำเสียงของชายคนนี้แฝงไปด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไร”เฉียวเหวยอีเก็บเสื้อผ้าเข้าไปในกระเป๋า พูดแบบเฉยๆว่า“ครั้งนี้ฉันสะเพร่าเอง แล้วสืบได้หรือยังว่าฉันไปอยู่ที่โรงแรมได้ยังไง?”
“เรื่องนั้นยัง อีกฝ่ายไม่เหลือร่องรอยไว้เลย”ถังอี้พูดอย่างหงุดหงิด เหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นได้ รีบถามเธอ“ตอนนี้เธออยู่ไหน? อย่าบอกนะว่ากลับไปที่ตระกูลนั้นอีก?”
“อืม”
เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับเบาๆของเธอ ถังอี้ก็กังวลขึ้นมาทันที“อย่าหาว่าฉันอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ แต่แบบนั้นมันเป็นเรื่องที่คนเป็นพ่อเขาจะทำกันหรอ? ให้ท้ายไอ้คนนามสกุลเซียวนั่น!เธอทนอยู่ไปได้ยังไง? รีบย้ายออกมาเถอะ มาอยู่ที่บ้านฉัน”
“ไม่ดีกว่า ชายหญิงแตกต่างกัน อีกอย่างคุณก็มีชื่อเสียง”เฉียวเหวยอีเบะปาก พูดว่า“แต่ฉันก็จะย้ายออกไปจริงๆ คุณช่วยฉันติดต่อหน่วยงานหน่อย ดูว่าจะมีห้องชุดเล็กๆสักที่ไหม ฉันจะเช่าห้องหนึ่ง”
“เธอแน่ใจหรอว่าจะเช่า ไม่ใช่ซื้อ?”ถังอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เฉียวเหวยอีกำลังจะตอบ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นที่นอกห้อง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“แค่นี้ก่อนนะ”เธอรีบวางสาย ลุกขึ้น เปิดประตูแล้วมองออกไปข้างนอก มองไปยังเฉียวอีเหรินที่มีสีหน้าตกใจ ในมือถือกล่องอยู่ตรงข้ามประตู
“วันนี้นอกจากคนทำความสะอาด ก็ไม่มีใครเข้าห้องของคุณหนูนะคะ!”แม่บ้านหวังมองของที่แตกอยู่ในกล่อง ก็ตกใจจนหน้าซีด
เฉียวอีเหรินตาแดงก่ำ เม้มปากร้องไห้ท่าเดียว ส่งกล่องที่อยู่ในมือให้กับซ่งชิงหรูที่รีบมา
ซ่งชิงหรูรับไปดู สีหน้าก็เปลี่ยนไป“นี่คือกำไลหยกที่ตระกูลลี่ให้มา คุณผู้ชายตระกูลลี่บอกว่าเป็นของที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น!”
“แม่บ้านหวัง วันนี้ยังมีใครขึ้นมาที่ชั้นสามอีก?”
“ตอนเช้าก็มีสาวใช้ทำความสะอาดขึ้นมาพร้อมกับดิฉัน อีกอย่างของสิ่งนี้ก็อยู่ในลิ้นชักของคุณหนู พวกเราไม่มีทางไปยุ่งกับลิ้นชักคุณหนูอยู่แล้ว!”แม่บ้านหวังรีบอธิบาย
เฉียวเหวยอีพิงขอบประตู มองดูความยุ่งเหยิงของตระกูลเฉียวตรงหน้า
เฉียวเจิ้งกั๋วได้ยินแม่บ้านหวังพูดแบบนี้ คิดพักหนึ่ง ก็หันไปมองเฉียวเหวยอี ชั้นสามก็มีแต่เฉียวอีเหรินกับเฉียวเหวยอีพักอยู่แค่สองคน
เฉียวเหวยอีรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนมาตกอยู่ที่ตนเอง อดไม่ได้ต้องเลิกคิ้ว พูดว่า“ขอโทษนะ คือฉันเพิ่งขึ้นมาได้แค่ห้านาที”
“แต่นอกจากเธอก็ไม่มีใครขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร?”เฉียวอีเหรินกังวลจนหน้าแดงก่ำ “พี่ ฉันรู้ว่าเธอเกียจฉันที่ฉันแย่งลี่เย่ถิงไป แต่ลี่เย่ถิงไม่ชอบเธอมันก็ไม่ใช่ความผิดของฉันนิ!”
“กำไรหยกนี้มีค่ามหาศาล ถ้าตระกูลลี่เอาเรื่องขึ้นมาจะทำยังไง? พวกเราจะเอาอะไรไปรับผิดชอบ?”
คำพูดแค่ไม่กี่คำ ก็โยนความรับผิดชอบเรื่องกำไลแตกมาไว้ที่เฉียวเหวยอีคนเดียว
เฉียวเหวยอีอดขมวดคิ้วไม่ได้
“ทำไมเธอถึงได้เลวทรามขนาดนี้!”ซ่งชิงหรูเดินเข้าไปใกล้เฉียวเหวยอี ชี้หน้าด่าว่า“เธอไม่ได้ลี่เย่ถิง ก็จะทำลายทั้งตระกูลเฉียวไปด้วยเลยใช่ไหม?!
เฉียวเหวยอี เธอก็เหมือนกับแม่เธอนั่นแหละ นังจิ้งจอก นังตัวทำลาย!”
ฟังคำด่าของซ่งชิงหรู สีหน้าของเฉียวเหวยอีก็ค่อยๆนิ่งลง
จริงอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนดี ห่วงแต่จะให้ตัวเองมีชีวิตที่ดี ขนาดลูกสาวตัวเองยังทิ้งได้ลง ข้อนี้เฉียวเหวยอีไม่เถียง
เธอนิ่งไปพักหนึ่ง เงยหน้าไปมองเฉียวเจิ้งกั๋ว พูดเสียงต่ำว่า“ฉันบอกแล้ว ไม่ใช่ฝีมือฉัน”
“ฉันเพิ่งขึ้นมาได้แค่ห้านาที เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จ กำไลอาจจะแตกนานแล้วก็ได้”
“ก่อนนอนเมื่อคืนฉันเพิ่งเอาออกมาเช็คดู!เมื่อคืนยังดีดีอยู่เลย!”เฉียวอีเหรินรีบพูดขึ้น
เฉียวเหวยอีหันไปมองเฉียวอีเหริน ไม่พูดอะไร
ภายนอกเฉียวอีเหรินดูเป็นคนใจดี ว่านอนสอนง่าย แต่เฉียวเหวยอีรู้ตั้งแต่เด็กแล้วว่า ที่จริงเธอไม่ใช่แบบนั้น