ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 144 เป็นคุณนายตระกูลลี่โดยตรง
เพราะจู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ตนเองเป็นเหมือนกับซุ่ยซุ่ย ที่รอลี่เย่ถิงกลับบ้านอย่างดื้อรั้น ไม่ว่าแม่บ้านเฉินจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร เธอก็ยืนกรานที่จะรอเขากลับมาทานข้าวและกลับห้องพักผ่อนด้วยกัน
ลี่เย่ถิงเองก็งานยุ่งมากในเวลานั้น
หรือควรจะพูดว่าเขางานยุ่งเสมอมา
แต่ในตอนนั้นถึงแม้ลี่เย่ถิงจะพูดกับเธอเพียงคำหรือสองคำที่โต๊ะอาหารเย็นและกล่าวราตรีสวัสดิ์กับเธอก่อนนอน และบอกเธอว่าอย่าอ่านหนังสือจนดึกเกินไป เธอก็แอบมีความสุขไปอีกนาน
พอมาคิดดูแล้วถึงในตอนนี้ ก็เป็นการเก็บเศษแก้วที่ตกแตกขึ้นมาต่อให้เท่านั้น
สายลมเย็นพัดมาอย่างช้าๆ พร้อมกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกกุหลาบ
“ซุ่ยซุ่ย หนาวไหม ?” เธอถามซุ่ยซุ่ย
ซุ่ยซุ่ยลุกขึ้นจากพื้นทันที และวิ่งเข้าไปในอ้อนแขนของเฉียวเหวยอี มือเล็กๆ ของเขาเย็นยะเยือก
“เข้าไปด้านในกันเถอะ มีสับปะรดกับแอนโชวี่ด้วยนะ” เฉียวเหวยอีเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าบ้านด้วยความเต็มใจ
เป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว แต่ลี่เย่ถิงกับอู๋โยวก็ยังไม่ติดต่อกลับมา
เดิมทีแม่บ้านเฉินต้องการจะเซอร์ไพรส์พวกเขาเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตั้งใจโทรไปถาม แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่กลับมาภายในคืนนี้
“กินข้าวกันเถอะ มีคนหิวแล้ว” เฉียวเหวยอีเงียบอยู่นานและกระซิบบอกแม่บ้านเฉิน
“แต่ดิฉันเตรียมอาหารไว้มากมาย…” แม่บ้านเฉินลังเล
“พวกเราทานด้วยกันเถอะ มันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ” เฉียวเหวยอีไม่รอให้แม่บ้านเฉินพูดจบและพูดว่า “เขาคงงานยุ่งมาก ฉันจะไม่รอแล้วก็ไม่รบกวนเขาด้วย”
ซุ่ยซุ่ยดูไม่มีความสุขเล็กน้อย มันคงไม่สมบูรณ์ถ้าปะป๊ากับหม่ามี๊ไม่อยู่ทั้งคู่ แต่โชคดีที่วันเกิดปีนี้มีเฉียวเหวยอีอยู่กับเขา
หลังทานอาหารเย็นเสร็จสิ้นเฉียวเหวยอีจึงพาซุ่ยซุ่ยขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบน
ก่อนเข้านอน ซุ่ยซุ่ยยังคงพูดว่า "ปะป๊ากลับมาแล้วเหรอ ?"
“พรุ่งนี้เช้าถ้าซุ่ยซุ่ยตื่น เขาคงกลับมาแล้ว” เฉียวเหวยอีแค่กล่อมเบาๆ
ซูหรูเยียนลืมตาขึ้นและเห็นลี่เย่ถิงนั่งอยู่ที่ระเบียงด้านนอก ขมวดคิ้วและจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
ลี่เย่ถิงมีใบหน้าที่บูดบึ้งมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงชอบเขา ทั้ง ๆ ที่ซ่งเทียนเฉิงอ่อนโยนต่อเธอในทุก ๆ เรื่อง
แต่เรื่องความรู้สึก…ไม่มีใครถูกหรือผิด ชอบก็คือชอบ
เธอชอบลี่เย่ถิงตั้งแต่อายุห้าหรือหกขวบและฝันว่าวันหนึ่งเธอจะแต่งงานกับเขาและเป็นภรรยาของเขา
จนถึงตอนนี้เมื่ออายุยี่สิบแปด ความเชื่อนี้ไม่เคยเปลี่ยนไป และยังคงต้องการแต่งงานกับเขาเช่นเดิม
ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเฉียวเหวยอี บางทีตอนนี้เธออาจจะเป็นคุณนายตระกูลลี่โดยตรงไปแล้ว
เธอไม่มีวันลืมว่าวันที่เธอจบการศึกษาจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ ลี่เย่ถิงและซ่งเทียนเฉิงจะไปโรงเรียนเพื่อรับเธอและมอบการเฉลิมฉลองที่ยากจะลืมเลือนให้เธอ
แต่ในวันนั้นลี่เย่ถิงไม่ไป มีเพียงซ่งเทียนเฉิงเท่านั้น
เธอรีบไปที่คฤหาสน์ตระกูลลี่ และต้องการถามลี่เย่ถิงว่าทำไมเขาถึงผิดสัญญา แต่เธอกลับได้เห็นฉากที่ยากจะลืมเลือนในชีวิตของเธอ
“เจ็บไหม ?” ลี่เย่ถิงนั่งบนบันไดคฤหาสน์ของตระกูลลี่ และมีเฉียวเหวยอีนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เขาหยิบยาฆ่าเชื้อและผ้าพันแผลที่คนใช้ส่งมาให้ และช่วยเฉียวเหวยอีจัดการกับรอยถลอกที่ต้นขาและเข่าด้วยตนเอง
เฉียวเหวยอีอดไม่ได้ที่จะดึงขากลับ แต่ลี่เย่ถิงคว้ามันไว้และไม่ปล่อยให้เธอขยับ
เฉียวเหวยอีรู้สึกเจ็บปวดจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ และลี่เย่ถิงก็ก้มหน้าลงจุมพิตน้ำตาบนใบหน้าของเธอ และเกลี้ยกล่อม "แค่ใช้ยาฆ่าเชื้อก็เสร็จแล้ว เด็กดี"