ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 142 เหมือนเฉียวเหวยอีมากกว่า
หากได้มายืนแปรงฟันพร้อมกับกับพี่สาวทุกเช้าก็คงจะดีนะ !
เฉียวเหวยอีบ้วนปาก และซุ่ยซุ่ยก็ทำตาม จากนั้นยื่นใบหน้าอ้วน ๆ ของของเขาไว้ข้างหน้าเฉียวเหวยอีและขอให้เธอเช็ดใบหน้าของเขา
เฉียวเหวยอีมองดูใบหน้าอวบอ้วนของเขา จู่ ๆ ก็นึกขึ้นถึงตอนที่เห็นซุ่ยซุ่ยครั้งแรก ซุ่ยซุ่ยพูดตะกุกตะกักแทบไม่เป็นภาษา
“ซุ่ยซุ่ยฉลาดขึ้นแล้ว” เฉียวเหวยอียิ้มและชมเชย
แม่บ้านเฉินช่วยเฉียวเหวยอีนำเสื้อผ้ามาให้ และเธอก็บังเอิญได้ยินในห้องลองเสื้อข้างๆ “นายน้อยพูดเก่งกว่าเมื่อก่อนมากเลยค่ะ เด็กก็แบบนี้แหละ ชอบพูดตาม”
“ซุ่ยซุ่ยไม่ชอบคุยกับพวกเขา และพวกเขาไม่ชอบคุยกับซุ่ยซุ่ยด้วยเหมือนกัน” เขาตอบทันที
พวกเขาในที่นี้คงจะหมายถึงสมาชิกของตระกูลลี่สินะ ?
เฉียวเหวยอีเคยอ่านในหนังสือจิตวิทยา เด็กที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ขาดความรักจะมีความสามารถในการแสดงออกได้ช้ากว่าเด็กทั่วไปมาก ในกรณีที่ไม่รุนแรงเด็กจะพูดช้า และในกรณีที่รุนแรงเด็กอาจจะเป็นออทิสติกได้
ดูเหมือนว่าซุ่ยซุ่ยจะขาดความรักจากซูหรูเยียน
แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซุ่ยซุ่ยอารมณ์ดี พูดต่อหน้าเธอมากขึ้นเรื่อยๆ และปากเล็กๆ ของเขาก็ยืดยาวขึ้นเรื่อยๆ
เฉียวเหวยอีรู้แล้วว่าซุ่ยซุ่ยอยากจะพูดอะไร
เธอหยุดและยังคงช่วยซุ่ยซุ่ยเช็ดหน้าด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า "จากนี้ไปจะไม่มีเด็กในโรงเรียนอนุบาลพูดว่าซุ่ยซุ่ยของเราเป็นเด็กโง่แล้วนะ"
“ใช่น่ะสิคะ เมื่อก่อนแม้แต่คุณชายเองก็ยังร้อนใจ ยังเคยพูดว่านายน้อยโง่ ราวกับเป้นเด็กใบ้ นายน้อยของเราก็แค่พูดช้าไปนิดหน่อยเอง ในด้านอื่น ๆ นั้นฉลาดเป็นอย่างมาก…” แม่บ้านเฉินพูดอยู่ด้านข้าง
ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่ เสียงของเธอก็เบาลง
แม่บ้านเฉินไม่พูดอะไร และเสียงของเฉียวเหวยอีก็เงียบไป
เธอสวมเสื้อผ้าและเดินออกไปจูงมือของซุ่ยซุ่ยออกมา แม่บ้านเฉินยืนอยู่ที่ประตูด้วยท่าทางเขินอาย
“ไม่เป็นไรหรอก” เฉียวเหวยอียิ้มให้แม่บ้านเฉิน
บางครั้งแม่บ้านเฉินมักจะเปรียบเทียบซุ่ยซุ่ยกับวัยเด็กของเฉียวเหวยอีโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งตัวลี่เย่ถิงด้วย
แม้ว่าเด็กคนนี้จะดูเหมือนลี่เย่ถิงแทบทุกประการ แต่ในแง่ของบุคลิก เขากลับเหมือนเฉียวเหวยอีมากกว่า
ยีนเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก ซุ่ยซุ่ยถูกเลี้ยงมาโดยลี่เย่ถิงและแม่บ้านเฉิน ดังนั้นเขาควรจะมีนิสัยแบบเดียวกับลี่เย่ถิงถึงจะถูก
แม้ในบางครั้ง ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเฉียวเหวยอี แค่เฝ้าดูทุกย่างก้าว ทุกคำพูดและการกระทำของซุ่ยซุ่ย ก็เป็นการย้ำเตือนพวกเขาตลอดเวลาว่าใครเป็นผู้ให้กำเนิดเด็กคนนี้
บางครั้งแม่บ้านเฉินเห็นว่าลี่เย่ถิงจ้องมองที่ซุ่ยซุ่ยเป็นเวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมง
เธอรู้สึกว่าบางครั้งสิ่งที่คนเห็น ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างที่เขาเห็นด้วยตาเสมอไป
เธอรู้สึกว่าเมื่อลี่เย่ถิงจ้องมองที่ซุ่ยซุ่ยเหมือนกับเขากำลังมองไปที่เฉียวเหวยอี
เฉียวเหวยอีไม่รู้ถึงสิ่งที่แม่บ้านเฉินกำลังคิดอยู่ในขณะนี้ เธอคิดว่าแม่บ้านเฉินทำให้เธอขุ่นเคืองเพราะเธอพูดถึงคำว่า "เด็กใบ้"
“เอ่อ คืนนี้คุณชายคงจะกลับมาทานมื้อเย็นด้วยค่ะ อู๋โยวบอกไว้ พวกเขาบินไปประชุมประเทศเพื่อนบ้าน ไม่นานก็กลับค่ะ” แม่บ้านเฉินเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อชดเชยความอับอายของเธอ
“พอดีเลย นายน้อยไม่ได้ไปโรงเรียน วันเกิดครั้งก่อนล้มเหลว คืนนี้เรามาจัดการอีกรอบดีไหมคะ คุณหนูคิดยังไงคะ ?” แม่บ้านเฉินถามอย่างระมัดระวัง
เฉียวเหวยอีละแม่บ้านเฉินมองตากัน จากนั้นมองไปที่ซุ่ยซุ่ยในอ้อมแขนของเธอและถามว่า "ซุ่ยซุ่ยคิดว่ายังไงล่ะ ?"
“ซุ่ยซุ่ยอยากกินเค้กเนย” ซุ่ยซุ่ยพยักหน้าและตอบอย่างจริงใจ