ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 135 หนีไม่พ้น
ลี่เย่ถิงบีบคางของเธอ ค่อยๆเพิ่มแรงมากขึ้น“ฉันจะบอกเธอให้…”
“ถ้าหากไม่ใช่ฉันลี่เย่ถิงเพิ่มเงินรับซื้อ โกลบอลจะถูกซื้อและนำออกไปก่อนสิ้นปีนี้ ดัดแปลงเป็นอาคารสำนักงาน!ถ้าไม่ใช่ฉันลี่เย่ถิงลงทุนติดต่อกันหมื่นกว่าล้าน โกลบอลเอนเตอร์เทนเมนต์ จะไม่มีการหมุนเวียนเงินทุนส่วนเกิน จะไม่กลายเป็นบริษัทบันเทิงในประเทศที่ใหญ่ที่สุด”
“ฉัน เป็นคนให้กำเนิดตระกูลถังอีกครั้ง ฟังเข้าใจไหม?”
“ถ้าหากว่าเธออยากจะแต่งงานกับถังเซียวหรือว่าถังอี้ ฉันแนะนำให้เธอปัดเป่าความคิดนี้โดยเร็วที่สุด เพราะฉันมีสิทธิ์ ยกเลิกสัญญาร่วมมือกับโกลบอลได้ทุกเวลา เก็บเงินทุนกลับ”
อาจเป็นเพราะลมในตอนกลางคืนเย็นเกินไป เฉียวเหวยอีได้ยินคำพูดที่ลี่เย่ถิงพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ ท่วมตัวก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขนพอง
ก่อนหน้านี้ที่เธอกลับประเทศก็ไม่รู้ว่า ลี่เย่ถิงเป็นนักลงทุนหลักของโกลบอล แต่เธอเข้าใจมาโดยตลอดว่า โกลบอลแข็งแกร่งมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะว่ามีเงินทุนหมุนเวียน มีการสนับสนุนห่วงโซ่เงินทุนที่แข็งแกร่ง
นี่หมื่นกว่าล้าน ในเมื่อโกลบอลยิ่งเติบโต ผลที่ตามมาก็จะน่ากลัวมาก!
เธอไม่สามารถพัวพันกับตระกูลถัง
“ฉันเคยพูดกับเธอแล้ว เฉียวเหวยอี ในหนึ่งปีนี้ เรื่องของเธอ ฉันเป็นคนคิด”
ลี่เย่ถิงก้มหน้าลง จูบริมฝีปากที่เย็นของเธอ“ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?”
“เข้าใจแล้ว”เฉียวเหวยอีเงียบไม่พูดจาสักพัก ก็พูดตอบเสียงเบา
เธอเข้าใจ เขาต้องการคือ แค่คำตอบที่ยอมจำนนจากเธอ แบบนั้นก็จะสามารถปล่อยตระกูลถังไป
เขาค่อยๆยกมือซ้ายขึ้น จิตใต้สำนึกเธอต้องการจะหลีกเลี่ยง แต่เพียงแค่วินาทีเดียว ตัวเองก็หยุดการต่อต้านที่ไม่ต้องการให้เขาสัมผัส
เธอทำได้เพียงเชื่อฟังเขา
ลี่เย่ถิงลูบมือของเธอ อุณหภูมิเหมือนก้อนน้ำแข็ง
เขาเงยหน้ามองเธอ ถอดเสื้อสูทของตัวเองออก พาดบนไหล่ของเธอ
เฉียวเหวยอีนิ่งเงียบ ไม่ได้ดิ้นรนต่อสู้ ถูกเขาดึง เดินไปทางรถของเขาที่จอดอยู่
เฉียวเหวยอีก็ไม่รู้ว่าเขาจะพาตัวเองไปที่ไหน ลี่เย่ถิงท่าทางดูเหมือนไม่อยากจะพูด เธอปิดปากแน่น
ระหว่างทาง รถขับเร็วมาก ทั้งสองคนไม่ได้พูดจา
หลังจากครึ่งชั่วโมง รถก็จอดหน้าประตูตี้หวงอีเฮ่าแล้ว
เฉียวเหวยอีมองไปทางอาคารสไตล์ยุโรปหลังเล็กนอกหน้าต่างรถ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
นี่เป็นสถานที่ซูหรูเยียนอยู่ ทำไมเขาพาเธอมาที่นี่?
ลี่เย่ถิงปลดเข็มขัดนิรภัย เห็นเธอนั่งไม่ขยับ หันหน้ากลับมามองเธอ พูดเสียงเย็นชา“ถ้าหากเธออยากจะอยู่บนรถ ฉันก็ไม่ถือสา”
เฉียวเหวยอีท่วมตัวสะดุ้งตกใจ หลังจากนั้นก็ลงจากรถ
ทั้งสองคนเดินตามกันเข้าไปในประตูใหญ่ คนในบ้านหลับกันหมดแล้ว เหลือแค่โคมไฟทางเดินเพียงดวงเดียว
เฉียวเหวยอีไม่รู้ว่าเปิดไฟตรงไหน ก็มองเห็นทางไม่ชัด เวลาที่มืดสลัว ถูกของอะไรที่อยู่บนพื้นทำให้สะดุด
เธอควบคุมไม่ได้ที่จะโซเซ ช่วงเวลาที่จะล้ม จู่ๆก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาข้างหน้า คว้าไหล่เธอไว้อย่างมั่นคง
“ขอบคุณ”เฉียวเหวยอีถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดขอบคุณลี่เย่ถิงเสียงเบา
เพิ่งจะพูดจบ รู้ว่าไม่เหมาะสม
เป็นไปอย่างที่คิด ลี่เย่ถิงไม่พูดจา ท่ามกลางความมืดสลัว เธอมองเห็นแต่ดวงตาของเขา ที่มองเธอด้วยความหนาวเหน็บ
เฉียวเหวยอีอ้าปากค้าง แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดแก้ไขยังไง
“ฉัน…”เธออดกลั้น เพิ่งจะพูดออกไปหนึ่งคำ ทันใดนั้นก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา วินาทีต่อมา ก็ล้มลงบนโซฟา
หลังเธอไม่รู้ชนเข้ากับอะไรบางอย่างบนโซฟา พอดีที่ชนกระดูกสันหลัง ความเจ็บปวดทำให้เธอร้องออกมาเสียงเบาโดยไม่รู้ตัว ถูกลี่เย่ถิงจับมือทั้งสองข้างไว้
บาดแผลบนร่างกายของเฉียวเหวยอียังไม่หายดี แต่เธอรู้ว่าคืนนี้หนีไม่พ้นแน่นอน