ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 13 คุ้นตา
“คุณถังอี้เป็นคนพาคุณมาครับ ยาในร่างกายคุณถูกถอนออกหมดแล้ว แล้วก็ก่อนหน้านี้ที่คุณวานเรื่องยาของผู้อาวุโสเฉียวก็เตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน สามารถนำไปได้ทุกเมื่อ” คนรับใช้ตอบอย่างเคารพ
“อืม”เฉียวเหวยอีตอบกลับ ก่อนที่จะสลบไปเธอได้โทรหาคิง ดังนั้นคิงคงเป็นคนติดต่อให้ถังอี้ส่งเธอมา
เธอนิ่งสักพัก เลิกผ้าห่มออกลงจากเตียง นวดหน้าผากไปพลางๆพร้อมกับพูดว่า“อาจารย์ล่ะ?”
“วันนี้มั่วเจ่อไม่อยู่นี่สุ่ยหัน”คนรับใช้ตอบ
เฉียวเหวยอีพยักหน้า เบาะแสของอาจารย์มักจะลึกลับเสมอ เธอก็ไม่ได้ถามต่อ
รับยาที่คนรับใช้นำมาแล้วถามว่า“ค่ายาของอาจารย์เท่าไหร่?”
“มั่วเจ่อบอกว่าไม่คิดเงินครับ”
เฉียวเหวยอียิ้ม พูดว่า“อย่าเหมารวมกันเลย นี่คือยาสำหรับคนตระกูลเฉียว ไม่ใช่สำหรับฉัน”
จากนั้นเธอก็หยิบบัตรต่างประเทศจากกระเป๋าออกมาหนึ่งใบ พูดกับคนใช้ว่า“ไปเถอะ ควรจ่ายเท่าไหร่ก็รูดเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจะอธิบายกับอาจารย์เอง”
ขณะที่กำลังเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ทันใดนั้นก็มีคำขอวิดีโอคอลส่งมาทางโทรศัพท์
เฉียวเหวยอีชำเลืองมอง เป็นคิงที่โทรมา
ปกติคิงจะไม่วิดีโอคอลกับเธอโดยตรง เว้นแต่จะเป็นหนิงหนิง
พอนึกถึงท่าทางที่น่ารักของหนิงหนิง สีหน้าของเธอก็อ่อนลงหลายระดับ กดรับสาย
"เสี่ยวเหวย——”พอรับสายก็ได้ยินเสียงลากยาวในวิดีโอจากเด็กน้อยน่ารักที่มัดจุกสองข้าง เอาใบหน้าเข้าใกล้จอ ในตาเต็มไปด้วยความกังวล ถามอย่างอ่อนโยนว่า“ดีขึ้นรึยัง?”
ลักษณะใบหน้าที่ใกล้เข้ามา เหมือนแกะมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเฉียวเหวยอี
“ไม่รู้จักกาลเทศะ”เฉียวเหวยอียู่ปาก สายตาที่มองหนิงหนิงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ฉันไม่เป็นไร ฝากเธอบอกกับพี่คิงว่าขอบคุณที่ให้ถังอี้ช่วย”
“แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่?”หนิงหนิงถามต่อ น้ำเสียงที่นุ่มนวลนั้นแฝงความน้อยใจเล็กน้อย“ฉันคิดถึงเธอจัง”
“เด็กดี ทำธุระที่นี่เสร็จก็กลับแล้ว เธออยู่บ้านต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่คิงนะ”ขณะที่เฉียวเหวยอีกำลังพูด ก็เหลือบมองเวลาประเทศbทางหนิงหนิง สามทุ่มกว่าแล้ว
“ควรนอนได้แล้วนะ ห้ามเล่นมือถืออีก”เธอพูดเตือนเสียงอ่อน หนิงหนิงถึงยอมวางสายแบบไม่เต็มใจนัก
คนรับใช้เดินเข้ามาพอดี นำบัตรคืนให้เฉียวเหวยอีกับมือ
เฉียวเหวยอีเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ หยิบยาของผู้อาวุโสเฉียวแล้วเดินฝ่าฝูงชนที่เสียงดัง
ตีห้า นี่สุ่ยหันยังเต็มไปด้วยผู้คนที่แออัด มีคนเข้าออกอยู่เรื่อยๆ ภายใต้แสงไฟสลัวนี้ บนเวทีก็กำลังมีการประมูลพิเศษอยู่
เฉียวเหวยอีมองไปทางเวทีแบบผ่านๆ ในขณะที่กำลังจะละสายตา ก็พอดีกับที่ไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในห้องโถง ผู้ชายคนนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน เป็นคนที่โดดเด่นมีออร่า
เธอตกใจมาก รีบละสายตาจากเขา
ทำไมลี่เย่ถิงถึงได้มาอยู่ที่นี่สุ่ยหัน?
ตอนนี้ลี่เย่ถิงอยู่ในที่สว่าง ส่วนเธออยู่ในที่มืด เฉี่ยวเหวยอีก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ไปหลบในที่ที่ไม่มีแสงสว่าง แล้วมองไปที่เขาอีกครั้ง
เห็นลี่เย่ถิงเดินไปนั่งลงข้างๆที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ ดูเหมือนเขาจะมองไม่เห็นเธอ
เฉียวเหวยอียังไม่กล้าโล่งใจ กำลังจะออกไปโดยใช้เส้นทางอื่น คิดไม่ถึงว่าจะเดินไปชนกับคนใกล้ๆ
“เดินยังไงไม่ดูทาง?”ชายคนนั้นอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง
“ขอโทษค่ะ!”เฉียวเหวยอีรีบก้มหัวขอโทษอีกฝ่ายทันที
“ช่างมันเถอะ”ผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆพูดเสียงต่ำ “เย่ถิงกำลังรออยู่ อย่าเสียเวลาเลย”
เฉียวเหวยอีได้ยินชื่อลี่เย่ถิง ก็ยิ่งถ่อมตัวมากขึ้น เอาแต่ก้มหน้าขอโทษอีกฝ่าย
“ซวยจริงๆ!”รอจนอีกฝ่ายพูดแบบไม่สบอารมณ์ แล้วเดินไป เฉียวเหวยอีถึงได้โล่งใจ
ลี่เย่ถิงสังเกตเห็นเหตุการณ์นั้นอยู่ไม่ไกล เงยหน้าขึ้นไปมองทางนั้นอยู่พักหนึ่ง
ชายสองคนนั้นเป็นคนที่เขานัดมา เขามองแวบแรกก็จำได้แล้ว
สายตาเขาก็ตกไปมองที่ผู้หญิงตัวสูงที่กำลังขอโทษอยู่ข้างๆ ถึงแม้จะใส่เพียงเสื้อกันหนาวเรียบๆกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ ก็ยังคงสะดุดตา
ลี่เย่ถิงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ รูปร่างแบบนี้ ดูคุ้นตามากๆ