ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - ตอนที่ 11 กลิ่นหอมของผู้หญิง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลี่เย่ถิงก้าวเข้าไปในประตูบ้านตระกูลเฉียวด้วยใบหน้านิ่งขรึม ซุ่ยซุ่ยที่อยู่ในสวนเห็นลี่เย่ถิงเดินเข้ามา ก็รีบก้าวขาอ้วนๆของเขาวิ่งไปทางลี่เย่ถิง
“ปะป๋าปะป๋าปะป๋า!”
“……”
ลี่เย่ถิงฟังเสียงที่ซุ่ยซุ่ยเรียกเขา ก็มีความรู้สึกเหมือนท้องผูก กลั้นความรู้สึกหงุดหงิดไว้ในใจไม่สามารถระบายออกมาได้
“ปะป๋าไม่กลับบ้าน คุณปู่ทวดบอกว่า ปะป๋า……ไปหาหม่าหมา”ซุ่ยซุ่ยพุ่งไปซุกอกของลี่เย่ถิงด้วยความรู้สึกน้อยใจ กอดขาข้างหนึ่งของลี่เย่ถิงไว้ ดวงตาที่มีขนตาหนาสองข้างคลอไปด้วยน้ำตา รีบอธิบายอย่างตะกุกตะกัก
ซุ่ยซุ่ยคิดถึงแม่
คุณปู่ทวดจึงพูดปัดๆว่า ลี่เย่ถิงไปหาแม่ของเขาแล้ว เขาจึงจำมันไว้ และรอ รอจนฟ้ามืด จนเขาง่วงแล้ว ลี่เย่ถิงก็ยังไม่กลับบ้าน
เขารอที่จะเจอกับแม่ไม่ไหว
เฉียวอีเหรินตามอยู่หลังซุ่ยซุ่ย เพราะกลัวเขาจะล้ม เดินไปหยุดอยู่หน้าลี่เย่ถิงอธิบายด้วยเสียงเบาๆว่า“เมื่อกี้สาวใช้เห็นซุ่ยซุ่ยมาเดินวนอยู่แถวกำแพงบ้านฉันคนเดียว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้ยังไง”
ลี่เย่ถิงลดสายตาลงไปมองเด็กดื้อไม่เชื่อฟังคนนี้
หนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุสามขวบ เยี่ยมจริงๆ
อย่างไรก็ตามได้ยินคำว่า“หม่าหมา”จากปากซุ่ยซุ่ยแล้ว เขาก็ยังคงไม่โกรธ เอนตัวไปอุ้มซุ่ยซุ่ยขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว
เฉียวอีเหรินมองไปยังลี่เย่ถิง เห็นเขาดูเหมือนว่ามีความต้องการจะไป จึงรีบพูดขึ้นมาเบาๆว่า“เมื่อกี้ซุ่ยซุ่ยก็หลับไปแล้ว หรือว่าคืนนี้คุณจะนอนที่นี่?”
ลี่เย่ถิงและเฉียวอีเหรินจ้องตากัน พูดด้วยสีหน้าเฉยๆว่า“ไม่ล่ะ เขาจำเตียงน่ะ”
ซุ่ยซุ่ยรีบพึมพำว่า“ซุ่ยๆง่วงแล้ว”
“ง่วงแล้วยังจะหนีออกจากบ้านอีก!”ลี่เย่ถิงตบแรงๆเข้าที่ก้นเล็กของเขา
“หนีออก……จากบ้าน?”สายตาของซุ่ยซุ่ยมีความสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจสิ่งที่ลี่เย่ถิงพูด
“……”
ลี่เย่ถิงคิดไม่ออก ไอคิวแค่นี้ของซุ่ยซุ่ย ตั้งสามขวบแล้วขนาดสำนวนยังฟังไม่รู้เรื่อง ทำยังไงถึงวิ่งมาที่บ้านตระกูลเฉียวซึ่งอยู่ห่างออกไปเป็นสิบกิโลได้ด้วยตัวคนเดียว
แต่จะถามไปก็เปล่าประโยชน์ ด้วยความที่คำศัพท์ในหัวของซุ่ยซุ่ยมีจำกัด อธิบายถึงพรุ่งนี้เช้าก็คงเหมือนไก่พูดกับเป็ด
“กลับบ้าน” เขาพูดเสียงต่ำด้วยใบหน้านิ่งขรึม ไม่มีแววว่าจะเจรจากันเลย
ซุ่ยซุ่ยหันไปมองเฉียวอีเหริน เมื่อกี้เฉียวอีเหรินบอกกับเขาว่าให้เขาช่วยรั้งไว้หน่อย ถ้าหากว่าได้ค้างที่นี่ เธอก็จะให้เขาดูรูปของหม่าหมา
ซุ่ยซุ่ยใช้สมองอันน้อยนิดนั้นคิด ตั้งใจคิดสักพัก ก็เกี่ยวคอของลี่เย่ถิงไว้พูดว่า“ปะป๋า ซุ่ยซุ่ยไม่จำเตียง”
“คุณน้าตัวหอม ซุ่ยซุ่ยจะนอนกับคุณน้า”
“……”
ลี่เย่ถิงขมวดคิ้วจนเป็นปม แค่สามขวบก็รู้จักกลิ่มหอมของผู้หญิงแล้ว เยี่ยมจริงๆ
เฉียวอีเหรินในใจรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ ได้ยินซุ่ยซุ่ยพูดแบบนี้แล้ว ก็รีบพูดเสียงเบาว่า“ไม่เป็นไรค่ะ พรุ่งนี้ที่โรงเรียนฉันไม่มีเรียน แล้วก็พอดีช่วงนี้ไม่มีถ่ายละครถ่ายโฆษณาด้วย”
ลี่เย่ถิงเงยหน้าขึ้นมองเธอ แต่กลับได้ยินความหมายอื่นในคำพูดของเธอ
เฉียวอีเหรินมีความทะเยอทะยานมาก เขาเข้าใจ
คุณพ่อช่วยให้เธอได้ละครใหญ่สองเรื่องในหนึ่งปี มองทั้งวงการบันเทิง นอกจากเธอ ไม่มีดาราหญิงอายุยี่สิบปีคนไหนที่ทำให้ดาราชายแถวหน้ายอมเป็นเหมือนใบไม้ที่คอยประดับให้เธอ แต่เธอก็ยังไม่รู้จักพอ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำตัวว่านอนสอนง่ายในเรื่องอื่นๆ ลี่เย่ถิงไม่มีทางปล่อยเธอไว้แน่
เขานิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง พูดเสียงต่ำว่า“ปัญหาทางการเงินของตระกูลเฉียวไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณพ่อท่านจะจัดการเอง”
เฉียวอีเหรินได้ยินเขาพูดแบบนี้ เข้าใจว่าตระกูลลี่กำลังช่วยจัดการเรื่องอื้อฉาวทางการเงินของตระกูลเฉียว ก็เบาใจไปชั่วหนึ่ง
บริษัทบันเทิงของตระกูลเฉียวก็พึ่งเธอเป็นหน้าม้าคนเดียว ตอนนี้คนใหม่ก็ยังไม่สามารถใช้การได้ ในช่วงเวลานี้จะมีอะไรผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด เธอเองก็กดดันมาก
เพิ่งจะโล่งใจ ก็เห็นลี่เย่ถิงหันหลังเดินออกไป เห็นได้ชัดว่าไม่มีความตั้งใจที่จะค้างที่นี่
ทันใดนั้นเฉียวอีเหรินก็นึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง รีบตามออกไป เรียกเขา“เย่ถิง ดึกขนาดนี้แล้ว……”
เกือบจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับซุ่ยๆ จากเดิมที่ในใจของลี่เย่ถิงมีความไม่พอใจอยู่แล้ว คืนนี้เฉียวอีเหรินยังตามติดแบบไม่คิดจะเลิกลา ทำให้เขายิ่งหงุดหงิด
เขาหันกลับไป มองไปยังเธอ หยิบกล่องผ้าเล็กๆที่สวยงามออกมาจากกระเป๋าเสื้อ โยนลวกๆใส่แขนเฉียวอีเหริน“ลืม ที่จริงคืนนี้จะให้คุณ”
พูดจบ ก็อุ้มซุ่ยซุ่ยออกจากบ้านตระกูลเฉียวแบบไม่หันกลับไปมอง
เฉียวอีเหรินเกือบจะรับไม่ได้แล้ว รอจนคว้ากล่องผ้าได้ ลี่เย่ถิงก็ได้ขึ้นรถจากไปแล้ว
“ให้อะไรเธอน่ะ?”ข้างหลังคือซ่งชิงหรูที่เดินออกมา เขารีบหยิบกล่องผ้าในมือของเธอมาเปิดออกทันที
“พระเจ้า……”ซ่งชิงหรูอุทาน