ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 97 หัวจิ้งปลอมตัวเป็นองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว
เมื่อออกจากค่ายอีกครั้ง หยุนชางจึงได้มีเวลาดูภูมิประเทศโดยรอบ ทั้งสองข้างทางเป็นภูเขา กองทหารของจิ้งอ๋องและแคว้นเย้หลางต่างก็ยืนอยู่บนที่ราบระหว่างภูเขาทั้งสองจ้องมองกันและกัน
มีฝูงชนหนาแน่นอยู่ในระยะไกล เสียงดังสนั่นแว่วมาคงจะเป็นที่ที่กองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากันอยู่ หยุนชางขึ้นหลังม้าตามจิ้งอ๋องไป มุ่งไปยังทิศทางที่มีฝูงชนหนาแน่นนั้น
เมื่อเข้าไปใกล้ หยุนชางก็อดไม่ได้ที่จะหัวใจวูบไหว ชาติก่อนนางไม่เคยเห็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าในชาตินี้นางจะเรียนรู้ตำราพิชัยสงครามมาไม่น้อยจากตาของนาง แต่นั่นแค่เป็นเพียงการทหารที่อยู่บนกระดาษเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นกองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน ผู้คนนับหมื่นยืนอยู่บนพื้นราบ เสียงกลองในสนามรบเขย่าขวัญสะท้านสะเทือนนภา หัวใจของนางเต้นแรง
"ท่านอ๋องเสด็จแล้วๆ…" ทันทีที่จิ้งอ๋องเข้าไปใกล้ก็มีทหารคนหนึ่งเห็น เหล่าทหารรีบแหวกออกเป็นทางเดิน หยุนชางตามจิ้งอ๋องไปอยู่ด้านหน้าสุดของกองทัพ
ฝั่งตรงข้ามก็มีจำนวนแน่นหนาเช่นกัน ด้านหน้าสุดมีรถเทียมม้าศึกจอดอยู่คันหนึ่ง บนรถม้านั้นมีบุรุษสวมชุดเกราะสีดำยืนอยู่ หยุนชางมองเห็นรูปลักษณ์ของชายผู้นั้นไม่ชัดนักเพราะระยะทางไกลเกินไป ถัดจากชายคนนั้นมีหญิงสาวสวมชุดสีแดงสดและผ้าคลุมหน้าสีขาว
หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและดูออกอย่างรวดเร็วว่าหญิงสาวคนนั้นก็คือหัวจิ้ง
"ตามที่คาดไว้ไม่ผิด…" หยุนชางยิ้มบางๆ
จิ้งอ๋องกระตุกยิ้มมุมปากหันไปเหลือบมองหยุนชาง "องค์หญิงหัวจิ้งใช้ชื่อเจ้าทำให้ขายหน้าอยู่ เจ้าไม่สนใจหรือ?"
ทันทีที่สิ้นเสียง เสียงกลองฝั่งตรงข้ามก็หยุดลง มีเสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากระยะไกล "จิ้งอ๋อง องค์หญิงฮุ่ยกั๋วแห่งแคว้นหนิงของพวกเจ้าอยู่ในมือของข้า หากยังไม่รีบยอมแพ้โดยเร็วอีก ข้าจะสังหารนางเสีย"
จิ้งอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเสียงดัง เสียงของเขาใสกังวานแต่กลับเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง เขาตะโกนกลับไปว่า "แค่เอาหญิงสาวปิดหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ก็คิดว่าจะหลอกข้าได้? หากองค์ชายสามไม่อ่อนโยนต่อสตรี อยากจะฆ่าจะแกงก็ตามใจเถอะ แต่หากองค์ชายไม่กล้าลงมือ ข้าลงมือสังหารให้เสียเองก็ได้" เขาพูดพลางเหยียดแขนออก ผู้ติดตามด้านข้างก็ยื่นคันศรและลูกธนูให้เขาทันที จิ้งอ๋องง้างคันศรเล็งไปที่หญิงสาวบนรถม้า
"จิ้งอ๋อง เจ้าไม่กลัวว่าเสด็จพี่ของเจ้าจะลงโทษเจ้าหรือ?" องค์ชายสามเบิกตากว้าง
จิ้งอ๋องกระตุกยิ้มมุมปาก "เมื่อวานสายลับของข้าส่งนกพิราบมาบอกข่าวแล้ว องค์หญิงฮุ่ยกั๋วอยู่ในเมืองหลวงปลอดภัยดี ในเมื่อองค์ชายสามไม่อยากลงมือ เช่นนั้นข้าก็จะกำจัดองค์หญิงตัวปลอมนี้เสีย…" พูดจบเขาก็ปล่อยมือ ลูกธนูพุ่งเข้าหาหญิสาวบนรถม้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อลูกธนูอยู่ห่างจากหัวจิ้งประมาณหนึ่งเมตร องค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางก็โบกดาบใหญ่ในมือของเขากระแทกลูกศรนั้นออกไป
"จึ๊ๆๆ องค์ชายสามกังวลเช่นนี้เชียวหรือ? หรือว่าหญิงบนรถม้านั้นจะเป็นสหายขององค์ชายสาม?" จิ้งอ๋องหัวเราะเสียงดัง โยนคันธนูและลูกศรคืนผู้ติดตาม
ไม่มีการตอบสนองจากทางด้านนั้น หยุนชางองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางดูราวกับจะเชยหน้าของหัวจิ้งขึ้นดูและพูดอะไรบางอย่าง หยุนชางแย้มยิ้มบางๆ "ไม่รู้ว่าเหตุใดหัวจิ้งจึงปลอมเป็นข้า"
จิ้งอ๋องกระตุกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างเย็นชา "แน่นอนว่าหากนางก่อเรื่องอะไรขึ้นมา ถึงเวลาก็จะโยนภาระให้เจ้า ทำลายชื่อเสียงของเจ้าอย่างไรก็ดีกว่าทำลายชื่อเสียงของตนเอง"
หลังพูดจบเขาก็ขึ้นเสียงอีกครั้ง "เหล่าพี่น้องทุกท่าน หญิงคนนั้นปลอมเป็นองค์หญิงฮุ่ยกั๋วของเรา ควรจัดการอย่างไร?"
ทันทีที่สิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงโห่ร้องลั่นสะเทือนแผ่นดิน "ฆ่า ฆ่า ฆ่า!"
"แคว้นเย้หลางทำให้องค์หญิงของเราต้องชื่อเสียงด่างพร้อย เราควรทำอย่างไร?"
"รบ! รบ! รบ!"
ทหารฝั่งตรงข้ามมีความโกลาหลเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานจึงได้ยินเสียงของหัวจิ้งดังแว่วมา เป็นเพราะพวกเขาอยู่ห่างไกล แม้หัวจิ้งจะตะโกนจนสุดเสียง แต่ก็กลับได้ยินเพียงเสียงเบาๆเท่านั้น "เสด็จอา เสด็จอา นี่ข้าเอง เสด็จอา ช่วยข้าด้วย…"
จิ้งอ๋องพูดอย่างเย็นชา "แม้แต่เสียงขององค์หญิงฮุ่ยกั๋วก็ไม่เหมือน องค์ชายสาม หากเจ้าจะหาตัวปลอม ก็ควรหาคนที่หน้าตาคล้ายกันเสียหน่อย ทหาร จัดกระบวนทัพ!"
ฝุ่นลอยคละคลุ้งพร้อมเสียงฝีเท้า ในเวลาไม่นานกระบวนทัพก็ถูดจัดสำเร็จ มีจิ้งอ๋องเป็นจุดกึ่งกลาง ทหารทั้งสองปีกโอบล้อมด้านข้าง
"ดูก็ได้ดูแล้ว เจ้ากลับไปที่ค่ายก่อนเถอะ" จิ้งอ๋องหันศีรษะไปพูดกับหยุนชาง "ที่นี่มีคนมากเกินไป ข้าเกรงว่าหากมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น ข้าจะไม่อาจสนใจเจ้าได้"
หยุนชางรู้ว่านางไม่สามารถฆ่าศัตรูได้มากนักในสนามรบและอาจเบี่ยงเบนสมาธิของจิ้งอ๋อง นางจึงพยักหน้าแล้วมุ่งหน้ากลับไปที่ค่าย
เฉี่ยนอินยืนอยู่ที่หน้าประตูค่ายและเดินไปเดินมาเพื่อรอหยุนชาง เมื่อเห็นหยุนชางกลับมาจึงรีบเข้าไปหาทันที "องค์หญิง ท่านกลับมาเสียที เสียงตะโกนเมื่อครู่ทำให้หม่อมฉันตกใจแทบแย่ นึกว่าจะรบกันขึ้นมาเสียแล้ว"
ยุนช้างยิ้ม "ดูแล้วพวกเรายังคงอ่อนแอเกินไป เพียงเห็นฉากยิ่งใหญ่เบื้องหน้าก็ขาอ่อนเสียแล้ว"
เมื่อกลับมาที่กระโจมแล้ว หยุนชางจึงมีเวลาว่างประเมินกระโจมแห่งนี้ ตั้งค่ายอยู่ด้านนอก บรรดาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆล้วนเรียบง่าย ใจกลางห้องคงเป็นพื้นที่สำหรับปรึกษาหารือ ตรงกลางนั้นมีเก้าอี้หนึ่งตัว โต๊ะหนึ่งตัวและแผนที่แผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งสองด้านมีเก้าอี้อีกหกตัว ด้านข้างมีฉากกั้นอยู่ ด้านหลังเป็นเตียงและอ่างอาบน้ำ
ยังมีเสียงกลองและเสียงตะโกนโห่ร้องดังมาจากข้างนอก เพียงแต่นางเร่งรีบเดินทางอยู่บนถนนมากว่าสิบวันจึงไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เลย พอผ่อนคลายก็รู้สึกเหนื่อยมาก หยุนชางคิดว่าพวกเขาเผชิญหน้ากันเช่นนี้ อาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับมา นางจึงถอดรองเท้าและนอนลงบนเตียงเพื่อพักผ่อน
จิ้งอ๋องกลับมาที่กระโจมและไม่เห็นหยุนชางจึงออกไปสอบถามทหารยาม ทหารบอกว่าตั้งแต่เข้าไปชายหนุ่มก็ไม่ได้ออกมาอีก แต่ดูเหมือนข้ารับใช้ของเขาจะไปตักน้ำ
จิ้งอ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงหันกลับเข้ากระโจมไป เมื่อเดินไปที่หลังฉากก็เห็นหยุนชางนอนอยู่บนเตียง ผมดำยาวสยาย แพขนตายาวของนางสั่นไหวเล็กน้อย จิ้งอ๋องมองหยุนชางอยู่นานก่อนจะหันหลังออกจากกระโจมไป
ทันทีที่ออกมาจากกระโจมก็เห็นเหล่านายพลสองสามคนกำลังเดินเข้ามา คนหนึ่งตะโกนเสียงดังว่า "ท่านอ๋อง เมื่อไหร่เราจะได้สู้กับแคว้นเย้หลางอย่างเต็มที่เสียที ทุกครั้งต่างเพียงตะโกนร้อง ไม่สนุกเอาเสียเลย"
จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว "ไปกันเถอะ พวกเราไปหารือกันที่กระโจมรองแม่ทัพหยางกันเถอะ" เขาพูดพลางออกเดินนำไปด้านหน้า