ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 92 ฮองเฮาไม่ได้ตั้งครรภ์
จักรพรรดิหนิงไม่ได้พูดอะไร เขายืนขึ้นและเดินไปมาในตำหนัก "หมอหลวงอยู่ที่ไหน? ทำไมยังไม่มาอีก?"
ขันทีเจิ้งรีบไปเร่ง ผ่านไปสักพักจึงพาชายชราผมขาวหนวดขาวเข้ามา "ฝ่าบาท หมอหลวง หมอหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ฮองเฮาเงยหน้าขึ้น แต่ดวงตาของนางก็ต้องเบิกกว้าง นางรีบสอดส่ายสายตาหาซิ่วซินในฝูงชน แต่นางกลับเห็นซิ่วซินอยู่ที่มุมห้อง สีหน้าของนางกังวลและส่ายหัวให้นาง
ฮองเฮารีบตรัสว่า "ไม่ ไม่ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ให้หมอหลวงตรวจ ลูกของหม่อมฉันสบายดี หม่อมฉันเองก็สบายดี"
เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินดังนั้นก็หันมาพูดเสียงเฉียบขาด "เจ้าเป็นบ้าอะไรอีก ยังไม่รีบให้หมอหลวงดูอีก?"
ฮองเฮาส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ก่อนหน้านี้หม่อมฉันรักษากับหมอหลวงเฉินมาตลอด เขารู้สถานการณ์ของหม่อมฉันดีที่สุด หม่อมฉันต้องการให้เขาเป็นคนตรวจ"
จักรพรรดิหนิงคิ้วขมวดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเห็นท่าทางผิดปกติของฮองเฮาในวันนี้ก็รู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย เขาหันไปหาบ่าวคนสนิทที่อยู่ข้างหลังเขาและพูดว่า "จับนางไว้และให้หมอหลวงตรวจดู"
บ่าวทั้งสองรีบก้าวไปจับตังฮองเฮาไว้ เมื่อหมอหลวงเห็นเช่นนั้นก็เดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาวางมือลงบนมือนาง ผ่านไปสักพักก็มีสีหน้าลังเล ผ่านไปอีกสักพักเขาจึงหันกลับมาคุกเข่าลงกับพื้น "ฝ่าบาท หม่อมฉันโง่เขลานัก ดูจากชีพจรแล้ว ฮองเฮาไม่ได้ตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ… "
ใบหน้าของฮองเฮาซีดลงทันทีราวกับว่าถูกคนพรากวิญญาญไป นางล้มลงบนเตียงนอน จักรพรรดิหนิงยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง "อะไรนะ เจ้าหมายความว่าเด็กไม่มีแล้ว"
หมอชราส่ายหัว "ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ ชีพจรของฮองเฮาแสดงว่านางไม่ได้ท้องเลยตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าเพิ่งแท้งลูกเลยสักนิด"
จักรพรรดิหนิงเพิ่งเข้าใจความหมายของหมอชรา "เจ้าหมายความว่าฮองเฮาไม่ได้ตั้งครรภ์งั้นเหรอ?"
ก่อนที่หมอหลวงจะตอบ เขาก็ได้ยินเสียงเย็นชาของฮองเฮา "เหลวไหล หมอเฉินบอกชัดเจนว่าข้ากำลังตั้งครรภ์และช่วงนี้ข้าก็ยังชอบกินของเปรี้ยว ต้องเป็นพระโอรสแน่ แต่เจ้ากลับบอกว่าข้าไม่ได้ท้อง? ข้ารู้แล้วต้องเป็นซู่เฟยมีผลประโยชน์บางอย่างให้แก่เจ้า ให้เจ้ามาใส่ร้ายข้า ทหาร มาจับตัวชายแก่ที่พูดจาเหลวไหลนี่ออกไปโบยเสียให้ตาย"
"เจิ้นยังอยู่ที่นี่ ยังไม่คราวเจ้าออกความเห็น ทหาร ไปเชิญหมอหลวงทั้งหมดมาที่นี่" จักรพรรดิหนิงพูดอย่างเย็นชา
สีหน้าฮองเฮาซีดเผือด เมื่อนางได้ยินที่จักรพรรดิหนิงพูด นางจึงรีบเสริมขึ้นอีกประโยคว่า "ต้องเชิญหมอเฉินมาด้วยล่ะ เขาเป็นคนที่บอกว่าข้าตั้งครรภ์ ให้เขามาอธิบายว่าใครกันแน่ที่พูดเหลวไหล"
บ่าวใช้รีบออกจากตำหนักไปด้านใน ฮองเฮาหลับตาลง ในสมองของนางว่างเปล่า
ไม่นานก็มีเสียงฝีทุ่นวายดังมาจากข้างนอก ม่านถูกแหวกออก หมอหลวงจำนวนมากเดินเข้ามา ข้ารับใช้เข้าไปรายงานต่อจักรพรรดิหนิงว่า "ฝ่าบาท หมองหลวงจากสำนักหมอหลวงมากันทั้งหมดแล้วาพ่ะย่ะค่ะ ทว่ามีเพียงแค่หมอเฉินที่ฮองเฮาเอ่ยถึง หม่อมฉันไม่เห็นเลยจริงๆ"
"เป็นไปได้อย่างไร?" ฮองเฮาดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่านางจะตกลงไปในกับดักที่คนอื่นวางไว้ คนวางแผนนั้นช่างชาญฉลาดนัก สามารถคำนวณทุกอย่างเกี่ยวกับนางได้หมด
"มาจับชีพจรของฮองเฮาทีละคน" จักรพรรดิหนิงเพิกเฉยต่อคำพูดของนางและสั่งเสียงเย็น
เหล่าหมอหลวงมองหน้ากันไปมาและเดินไปที่เตียงทีละคนเพื่อรับชีพจรของฮองเฮา จากนั้นก็ไปยืนเงียบๆอยู่ด้านข้าง เมื่อผ่านไปประมาณสิบห้านาทีหมอหลวงทุกคนก็จับชีพจรเสร็จ
"เป็นอย่างไร?" จักรพรรดิหนิงถาม
เหล่าหมอหลวงต่างสบตากันแล้วพูดว่า "ฝ่าบาท พวกหม่อมฉันความรู้น้อยนิด ไม่สามารถตรวจพบว่าฮองเฮาทรงพระครรภ์และมีอาการแท้งบุตร ฮองเฮาไม่ได้ทรงครรภ์พ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องเหลือเชื่อ ผ่านไปอยู่นานเขาจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่แล้วจู่ๆก็หยุดลงกะทันหันและพูดเสียงเย็น "ดูเหมือนว่าข้าจะเพิกเฉยต่อเรื่องในวังหลังนี้นานเกินไปแล้ว ที่นี่วุ่นวายมากเสียจริง แม้แต่ข้าที่เป็นผู้ปกครองใต้หล้ากลับถูกหลอกเล่นไปมาราวกับลิง" หลังจากพูดจบ เขาเหลือบมองฮองเฮาที่ยังคงอึ้งค้างอยู่ แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปจากตำหนักใน
หยุนชางตามหลังของจักรพรรดิหนิงมาตลอด ตอนนี้ละครก็ดูจบแล้ว นางจึงลุกขึ้นเดินตามจักรพรรดิหนิงออกไปยังตำหนักใหญ่ เมื่อถึงตำหนักใหญ่ก็พบสนมจิ่นที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
จักรพรรดิหนิงชะงักฝีเท้าหยุดและยืนรอให้สนมจิ่นเดินมาถึง บางทีวันนี้อาจเป็นเพราะเขาได้ประสบกับเรื่องไม่ดีมากมาย สีหน้าเขาจึงไม่ค่อยดีนัก "เจ้ามาได้อย่างไร?"
สนมจิ่นจับท้องที่นูนออกมา มองเข้าไปในตำหนักด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อยแล้วกระซิบเบาๆว่า "เมื่อครู่ตอนที่หม่อมฉันกลับมาจากหอสักการะก็รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยจึงให้คนเตรียมเกี้ยวกลับมาก่อน เมื่อครู่ข้าได้ยินว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับฮองเฮา บอกว่าเห็นหมอหลวงจำนวนมากมาที่นี่ หม่อมฉันกังวลเล็กน้อยจึงมาดูเพคะ"
จักรพรรดิหนิงนิ่งไป เขายกมือขึ้นสัมผัสท้องที่ยื่นออกมาของนางและบอกว่า "ไม่เป็นไร ตอนนี้เจ้าไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ไม่ควรสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆแล้วก็ออกมาแบบนี้ เป็นหวัดไปจะไม่ดี ชางเอ๋อร์ พาแม่ของเจ้ากลับวังเถอะ"
หยุนชางตกตะลึงและรีบก้าวออกมาประคองสนมจิ่นและพูดอย่างนอบน้อม "เสด็จแม่ ลูกจะไปส่งที่วังเพคะ"
สนมจิ่นพยักหน้าและหันหลังกลับไปอย่างลังเล แต่หันกลับมามองจักรพรรดิหนิงครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากนั้นไม่นานก็ตามหยุนชางกลับไปที่ตำหนักข้าง นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนชางมาที่ตำหนักข้างของสนมจิ่นในวังชีอู๋ แม้เทียบกับตำหนักใหญ่แล้วตำหนักข้างจะขาดความหรูหราไปบ้าง แต่ทุกสิ่งก็ยังปราณีตมาก รู้ได้ว่าจักรพรรดิหนิงคงออกแรงไปไม่น้อย
หยุนชางประคองให้นางนั่งลงบนเก้าอี้แล้วจึงมองไปรอบด้านและนั่งลงตรงข้ามกับสนมจิ่น
"เรื่องวันนี้เป็นฝีมือเจ้าหรือไม่?" สนมจิ่นยิ้มบางๆพลางกระซิบถาม
หยุนชางรู้ดีว่าในเมื่อสนมจิ่นกล้าพูดถึงเรื่องนี้ที่นี่ก็หมายความว่าที่นี่นั้นปลอดภัย นางจึงผ่อนคลายลงและพูดด้วยรอยยิ้ม "เสด็จแม่ฉลาดเสมอ ไม่ผิดเลย เป็นฝีมือของชางเอ๋อร์เอง"
"ฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?" สนมจิ่นก้มศีรษะลง เท้าสะเอวแล้วยิ้มเล็กน้อย
หยุนชางเม้มปาก "แน่นอนว่าร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่เกรงว่านางคงจะสูญเสียความไว้วางใจจากเสด็จพ่อไปตลอดกาลเสียแล้ว"
สนมจิ่นยิ้มบางๆ "นางเป็นคนยอมเสี่ยงเมื่อต้องเข้าตาจนมาโดยตลอด แต่คราวนี้นางกลับถูกจัดการเสียเรียบร้อยในมือของจิ้งจอกน้อยอย่างเจ้า แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องเก็บกวาดให้ดี อย่าปล่อยให้นางหาอะไรพบ ตอนนี้นางกำลังโกรธจึงได้คิดว่าเป็นฝีมือของซู่เฟย เมื่อนางสงบลงและคิดอย่างละเอียดแล้วก็คงจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ปกตินัก"
หยุนชางกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม รอยยิ้มของนางเหมือนแมวที่ไปก่อเรื่องมาแล้วถูกจับได้ "เสด็จแม่วางใจเถอะ ลูกจัดการเรียบร้อยแล้วเพคะ"
สนมจิ่นพยักหน้าและไม่พูดอะไร
หยุนชางยืนขึ้นเดินเข้าไปหาสนมจิ่นเฟย คุกเข่าลงด้านหน้านางและยกมือขึ้นแตะท้องนางพลางยิ้มแล้วพูดว่า "เสด็จแม่ ท่านว่า นี่เป็นน้องสาวหรือน้องชายเพคะ?"
สนมจิ่นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา "ตอนนี้จะรู้ได้อย่างไรเล่า แต่ว่าข้าเองก็หวังว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย เด็กผู้ชายจะสามารถปกป้องเจ้าได้ เจ้าลำบากเกินไปแล้ว"
หยุนชางส่ายหัว "ชางเอ๋อร์ไม่ลำบากเลยสักนิด"
หยุนชางก้มศีรษะลง ซุกหน้าลงไปที่ท้องของสนมจิ่นและฟังอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของนางชื้นเล็กน้อย ในชาติก่อนนางไม่เคยมีความรู้สึกเหล่านี้เลย แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกได้ว่ามีคนห่วงใยตนเอง ช่างดีเหลือเกิน
ไม่นานนัก หยุนชางก็ยืนขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เรื่องของฮองเฮาเหลือเพียงขั้นสุดท้าย ลูกรู้ว่าด้วยอำนาจของตระกูลหลี่ เสด็จพ่อจะไม่ปลดนางออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน หรืออย่างน้อยก็ในตอนนี้ แต่ว่าในช่วงสั้นๆนี้ นางคงไม่เป็นภัยคุกคามต่อเสด็จแม่นัก ลูกยังส่งคนมาปกป้องอยู่ข้างกายเสด็จแม่ เสด็จแม่โปรดวางใจเถิด หัวจิ้งไปที่ชายแดน นี่เป็นโอกาสดีที่ข้าไม่อยากปล่อยไป อีกไม่กี่วันข้าจะคิดวิธีออกจากวังไปยังชายแดน ลูกจะกลับมาก่อนเสด็จแม่คลอดอย่างแน่นอน เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลในตัวชางเอ๋อร์"
สนมจิ่นตกตะลึงเล็กน้อย นางก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงพยักหน้า "เจ้าเป็นคนมีความคิดเสมอ ดู้เจ้าทำการในช่วงนี้แล้วข้าก็วางใจ เพียงแต่ชางเอ๋อร์ แม่ไม่อาจเห็นเจ้าถูกความเกลียดชังบังตา แม่หวังว่าเจ้าจะพบผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถมอบความสุขให้กับเจ้าได้"
หยุนชางได้ยินคำพูดนั้นก็ชะงักไปแล้วตอบว่า "เพคะ ชางเอ๋อร์จะพยายาม"
หลังจากที่ทั้งสองสนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง หยุนชางก็กลับไปที่ตำหนักชิงซิน ก่อนหน้านี้ฉิงยีและเฉี่ยนอินไม่ได้ตามนางไปที่สังชีอู๋ ดังนั้นพวกนางจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่เรื่องที่ประตูอุทยานเป็นที่รู้กันไปทั่วอยู่แล้ว ทั้งสองคนต่างก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เมื่อเห็นหยุนชางกลับมาแล้ว พวกนางจึงรีบเข้ามาหา "องค์หญิงๆ เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นหรือเพคะ? ฝ่าบาทรู้หรือไม่ว่าฮองเฮาแสร้งตั้งครรภ์"
หยุนชางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทั้งสองฟัง ทั้งสองจึงโล่งใจอย่างมาก
แต่เฉียนอินกลับไม่เข้าใจเล็กน้อย "องค์หญิง คนที่เราส่งไปกว่าจะลงมือกับชุดพิธีการได้ก็ลำบากแทบแย่ ทำไมองค์หญิงไม่วางยาพิษบนเสื้อคลุมและปล่อยให้ฮองเฮาถูกพิษตายไปเสียเลย แต่กลับใช้วิธีการอ้อมค้อมเช่นนี้"
หยุนชางยิ้มพร้อมกับครุ่นคิดเล็กน้อย ใช่ ทำไมกันนะ เห็นได้ชัดว่านางสามารถเอาชีวิตของผู้หญิงคนนั้นได้โดยตรง การไว้ชีวิตนางนั้น หนึ่งเป็นเพราะนางต้องการเห็นฮองเฮาค่อยๆตกต่ำลงเรื่อยๆ มองนางสูญเสียสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของนาง หากให้นางตายอย่างง่ายดายก็ออกจะน่าเสียดายไปสักนิด อีกประการหนึ่งเป็นเพราะหากฮองเฮาสิ้นพระชนม์อย่างไม่ชัดเจน ย่อมต้องมีปัญหากับตระกูลหลี่อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแคว้นหนิงจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ นอกจากนี้ในอีกครึ่งปีต่อมาตระกูลหลี่ยังคงมีประโยชน์อย่างยิ่ง
เพียงแต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนางเคยได้ประสบพบเจอมาในภพก่อน แต่นางไม่สามารถอธิบายให้ฉิงยีและเฉี่ยนอินฟังได้ เมื่อเห็นท่าทางผิดปกติเล็กน้อยของนาง ฉิงยีก็รีบพูดด้วยรอยยิ้มว่า "หากให้ฮองเฮาตายไปเสียอย่างนี้ มันจะง่ายไปหน่อยหรือเปล่า?"
เฉี่ยนอินคิดอยู่ครู่หนึ่งและยิ้มออก "จริงด้วย ง่ายเกินไปจริงๆ วันนี้ข้ามีความสุขมาก ไม่รู้ว่าซู่เฟยเป็นอย่างไรบ้างแล้ว แต่หม่อมฉันคิดว่า ซู่เฟยและฮองเฮามีเรื่องกันเช่นนี้ วังหลังต้องวุ่นวายแน่"