ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 83 งานเลี้ยง ณ วังจิ่นซิ่ว (หนึ่ง)
"องค์หญิงเจ้าคะ องค์หญิงอยากใส่ชุดสีอะไรไปร่วมงานเลี้ยงวันนี้เจ้าคะ?" ทันทีที่เฉี่ยนอินเข้ามาตำหนักใน นางก็พบว่าฉินยีกำลังรวบผมให้หยุนชางและถามพร้อมยิ้ม
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "วันนี้เป็นงานฉลองที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงตั้งครรภ์ ในเมื่อเป็นงานมงคล ข้าก็ต้องแต่งตัวให้ดูเป็นมงคล ในเสื้อผ้าที่สำนักพระภูษานำมา ข้าเห็นว่ามีตัวสีแดงอยู่ ใส่ชุดนั้นดีกว่า"
ฉินยี ยิ้มและม้วนผมขึ้น กระซิบว่า " วันนี้ข้างนอกฝนตกเล็กน้อย บ่าวหยิบเสื้อคลุมให้องค์หญิงนะเจ้าคะ หลายวันก่อนจิ้งอ๋องไปล่าสัตว์แล้วพบจิ้งจอกขาว ท่านจึงมอบหนังจิ้งจอกขาวนั้นให้ฮ่องเต้ไป ฮ่องเต้ทรงตรัสว่าคนที่เหมาะกับสีนี้มากที่สุดในวังนี้คือองค์หญิงเจ้าค่ะ ท่านจึงมอบให้องค์หญิง วันนั้นองค์หญิงกำลังตั้งใจอ่านหนังสือ บ่าวเห็นว่าองค์หญิงไม่ได้ฟังสิ่งที่กงกงท่านนั้นพูด บ่าวจึงเก็บมันไป บ่าวรู้สึกว่าสีนั้นเหมาะกับชุดสีแดงพอดีเลยเจ้าค่ะ เฉี่ยนอินเจ้าเอามาให้องค์หญิงทั้งสองตัวเลย"
"จิ้งอ๋อง? จิ้งจอกขาว?" หยุนชางตกตะลึง แต่คำถามที่นางถามนั้นไม่เกี่ยวกับเสื้อผ้าเลย "วันนี้จิ้งอ๋องจะมาร่วมงานด้วยหรือ?"
ฉินยียิ้มมุมปาก นางมองดูหยุนชางในกระจก แล้วพูดติดตลกว่า "เหมือนว่าช่วงนี้องค์หญิงจะสนใจจิ้งอ๋องเป็นพิเศษนะเจ้าคะ ท่านจะมาร่วมงานด้วยเจ้าค่ะ บ่าวได้สืบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ช่วงนี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือค่อนข้างวุ่นวาย อีกสองวันจิ้งอ๋องก็จะนำทัพไปที่ชายแดนแล้วเจ้าค่ะ ฮ่องเต้จึงได้ขอให้จิ้งอ๋องมาร่วมงานเลี้ยงด้วย ถือว่าเป็นการเลี้ยงส่งจิ้งอ๋องเจ้าค่ะ"
"อ๋อ" หยุนชางพยักหน้า ช่วงนี้เมื่อชาติที่แล้วดูเหมือนว่าจะมีสงครามทางตะวันตกเฉียงเหนือเช่นกัน ดูเหมือนว่าแคว้นเย้หลางจะนำกองทัพมาโจมตี และแทบจะรวบรวมชายแกร่งทั้งหมดในแคว้นไว้ ที่สร้างกองทัพที่มีคนเกือบสองแสนคน ชาติที่แล้วศึกนี้ใช้เวลารบไปหลายปี พระสวามีของหัวจิ้งก็พลีชีพที่สนามรบนี้แหละ
ชาตินี้ ตนได้ตัดเสบียงของทหารแนวหน้าไปก่อน และวางอุบายให้พระสวามีของนางติดอยู่ในเมืองว่างเปล่า และถือโอกาสใช้กลยุทธ์ลักขื่อเปลี่ยนเสา จับตัวพระสวามีของนางไป เพราะฉะนั้นในชาตินี้ จิ้งอ๋องที่เดิมทีจะต้องไปชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือในอีกสามปีข้างหน้า เขาไปก่อนเวลางั้นหรือ?"
ชายแคว้นเย้หลางเรียนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ตัวสูงใหญ่ ถนัดในการสู้รบ สองแสนคนนั้นมองข้ามไม่ได้ แม้ว่าจิ้งอ๋องจะเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามของแคว้นหนิง แต่ก็ไม่ง่ายที่จะชนะการรบในครั้งนี้
"อีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ เจ้านายให้บ่าวส่งข่าวมาให้องค์หญิงเจ้าค่ะ ครั้งที่แล้วบ่าวลืมบอกองค์หญิงเจ้าค่ะ หัวจิ้งและท่านจ้าวฮูหยินไปที่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือแล้วเจ้าค่ะ โดยเฉพาะหัวจิ้ง นางพาองครักษ์เพียงสี่คน และนางกำนัลอีกสองคนไปเจ้าค่ะ นายกล่าวว่านี่เป็นโอกาสที่ดีเจ้าค่ะ " ฉินยีกล่าวอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็หันมา "หัวจิ้ง? นางบ้าไปแล้วหรือ?"
ฉินยียังคงพูดด้วยรอยยิ้มว่า "บ่าวเองก็รู้สึกว่ามันช่างเหลือเชื่อเหลือเกินเจ้าค่ะ แต่ฟังจากที่นายหญิงกล่าว ดูเหมือนว่าจะเป็นคำสั่งของฮองเฮานะเจ้าคะ……"
หยุนชางส่ายหน้าและกล่าวว่า " เป็นไปไม่ได้ ฮองเฮาเป็นคนระมัดระวัง เป็นไปไม่ได้ที่จะให้หัวจิ้งไปเสี่ยงชีวิตเช่นนี้ แต่… เมื่อพระสวามีเกิดอุบัติเหตุขึ้น ท่านจ้าวฮูหยินเรียกร้องจะไปที่ชายแดน ซึ่งไม่มีผลดีต่อหัวจิ้งอย่างแน่นอน เป็นไปได้ที่ฮองเฮาให้หัวจิ้งไปที่ชายแดน หากเป็นเช่นนี้ ข่าวลือช่วยนั้นของหัวจิ้งก็จะได้รับการแก้ไข ด้วยนิสัยของฮองเฮา นางคงเตรียมการอย่างดีแน่นอน ที่นางไม่ปล่อยให้หัวจิ้งไปตัวคนเดียวหรอก"
"เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นเพียงกับดัก ฮองเฮาจงใจทำให้หัวจิ้งพาคนไปน้อยๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจอย่างโจ่งแจ้ง แต่กลับส่งกำลังคนไปปกป้องหัวจิ้งอย่างเงียบๆ" เฉี่ยนอินเดินกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้า พูดพร้อมคลี่ผ้าออกให้หยุนชางดู "องค์หญิงเจ้าคะ ดูนี่สิ ชุดนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ สีแดงและก็เสื้อคลุมตัวนี้ องค์หญิงเจ้าคะเสื้อคลุมตัวนี้งดงามมาก บ่าวไม่เคยได้เห็นขนสุนัขจิ้งจอกที่ขาวสะอาดเช่นนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ" เฉี่ยนอินกางเสื้อคลุมออก แล้วเห็นเสื้อคลุมสีขาวผุดผ่อง มีขนขาวล้อมเป็นวงกลมที่ปกเสื้อ ซึ่งดูอุ่นมาก
หยุนชางพยักหน้า "สวยงามมาก ตัวนี้แหละ"
เฉี่ยนอินตอบรับ นางวางเสื้อผ้าไว้ข้างๆ แล้วยืนรอฉินยีจัดผมให้หยุนชางให้เรียบร้อย "แต่ว่า แม้ว่าจะมีคนคอยปกป้อง หากหัวจิ้งไปถึงชายแดน ชายแดนวุ่นวายเช่นนั้น หากคิดอยากจะฆ่าหัวจิ้งก็คงไม่ยากมาก องค์หญิง หรือว่าให้บ่าวบอกกับพี่สาวหนิงเชียน ให้นางไปดูสถานการณ์ว่ามีโอกาสลงมือไหม"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "นี่เป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ ข้าจะพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร แต่ว่า ข้าจะเป็นคนลงมือคร่าชีวิตนางเอง ในเมื่อตัวนางไปถึงชายแดนแล้ว เจ้าก็ส่งคำสั่งข้าไป ให้หนิงเชียนหาวิธีทำให้นางติดอยู่ที่ชายแดนให้ได้ เมื่อข้าจัดการเรื่องในวังเรียบร้อยแล้ว ข้าจะหาโอกาสไปที่นั่นเอง"
"ในวัง?" เฉี่ยนอินคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่คิดไม่ออกว่าในวังมีเรื่องอะไรอีก นางจึงถามว่า "องค์หญิงเจ้าคะ ในวังนี้มีเรื่องอะไรอีกหรือเจ้าคะ? หรือว่าองค์หญิงอยากจะรอให้จิ่นเฟยคลอดลูกอย่างปลอดภัยก่อน?"
หยุนชางส่ายหน้า "ข้ามั่นใจว่าลูกของเสด็จแม่จะเกิดอย่างปลอดภัย และข้าจะไม่รอนานขนาดนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในวังในตอนนี้แน่นอนว่าต้องเป็นท้องของฮองเฮา……ข้าเห็นแล้วไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่นัก "
ทันใดนั้น ก็มีเสียงแปลก ๆ ดังมาจากตำหนักด้านนอก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเสียงสะดุดเก้าอี้ หยุนชางหรี่ตาลงเล็กน้อย ฉินยีหายตัวไปในพริบตา ไม่นาน เข้าไปในห้องโถงด้านในด้วยแสงแฟลชและหลังจากนั้นไม่นาน ฉินยีก็พานางกำนัลเข้ามาพร้อมปิดปากนางไว้ "องค์หญิงเจ้าคะ หย่าจือสาวใช้ที่ทำความสะอาดตำหนักข้างเจ้าค่ะ"
"ทำความสะอาดตำหนักข้างงั้นหรือ? แล้วมาที่ตำหนักหลักได้อย่างไร?" หยุนชางมองผ่านกระจกทองแดง เห็นว่าหญิงสาวผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาธรรมดา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางถูกเฉี่ยนอินรัดตัวไว้ แต่นางก็ยังคงส่ายหน้าไม่หยุด แต่ก็พูดได้แค่ " อือๆๆ " เท่านั้น
"ปล่อยให้นางพูด" หยุนชางหันกลับมาและพูดกับเฉี่ยนอิน
เฉี่ยนอินจึงปล่อยมือที่ปิดปากนางไว้ออก แล้วสาวใช้ก็รีบพูดว่า "องค์หญิงเจ้าคะ บ่าวมิได้ทำอะไรเลยเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้มีสาวใช้คนหนึ่งให้บ่าวนำน้ำชามาให้องค์หญิงเจ้าค่ะ องค์หญิงเจ้าคะสาวใช้ ไม่ได้ยินอะไรเลยนะเจ้าคะ"
หยุนชางยิ้มมุมปาขึ้นมา "ให้นางหุบปาก" เฉี่ยนอินรีบปิดปากของหญิงสาวอีกครั้ง หยุนชางกล่าวอีกครั้งว่า " จัดการนางเสีย แล้วบอกว่านางขโมยเครื่องประดับของข้า แล้วถูกจับตัวได้ ในระหว่างที่หนีนั้นไปชนกำแพงแล้วเสียชีวิต"
เฉี่ยนอินพยักหน้าและดึงหญิงสาวที่ดิ้นรนออกไป หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความสนุก "มันทำให้ข้าสนใจงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้แล้วเสียจริง นี่ยังไม่เริ่มเลยก็ทนรอมิได้แล้ว อีกสักพักไม่รู้จะสนุกแค่ไหนเชียว"
ฉินยีช่วยหยุนชางใส่ปิ่นปักผมหยกแมกโนเลียที่สง่างามสองอันบนผมของนาง แล้วหยิบเสื้อผ้าและช่วยหยุนชางสวมทีละตัว แล้วกล่าวว่า "ทางฉินเมิ่งเองก็เตรียมพร้อมแล้ว เมื่อวานบ่าวไปสอดส่องมาแล้ว นางฝึกฝนอย่างจริงจังมาก"
"นางจะไม่จริงจังได้อย่างไร ในเมื่อทำเพื่อที่จะสามารถปีนขึ้นไปที่สูงได้"