ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 70 หยุนชางติดกับ
หยุนชางตอบรับด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวล "ตกลง" ในใจนางคิดว่าเป็นไปตามคาด โม่จิ้งหรานยังคงรักการเอาชนะเสมอ แต่ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่อยู่ในศาลานั้น นางสามารถมองเห็นผู้คนในสายหมอกได้อย่างชัดเจน ในใจจึงกระตุกวาบ เมื่อครู่หากนางจำไม่ผิด หัวจิ้งอยู่คนเดียวในศาลานั้น
"องค์หญิง ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?" โม่จิ้งหรานเอนมาด้านหน้าพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า สายตาของเขามองมาที่หยุนชางอย่างอ่อนโยน ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่แล้วยิ่งดูอ่อนโยนขึ้นไปอีก
"ไม่มีอะไร แค่กำลังคิดว่าหอเฉี่ยงซินนี้ช่างพิเศษจริงๆ ในศาลาไม่มีหมอกเลยแต่พอเดินออกมาแล้วกลับมองเห็นไม่ชัดเลย" หยุนชางได้สติแล้วจึงยิ้มตอบ มือของนางแอบจับมือของเฉี่ยนอินไว้อย่างเงียบๆ
โม่จิ้งหรานไม่ได้สังเกตเห็น เขาเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า "องค์หญิงเดินมาทางนี้ เมื่อครู่หม่อมฉันมาจากทางนี้ ตอนที่มาเห็นว่าข้างทางมีภูเขาจำลองมีแผ่นหนังซ่อนอยู่ในนั้น"
หยุนชางเดินตามหลังโม่จิ้งหรานอย่างเงียบเชียบไปยังสถานที่ที่เขาพูดถึง เดินไปประมาณสิบห้านาที หยุนชางก็เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเพราะในหมอกมีกลิ่นแปลกๆอยู่จางๆ
"นี่ คุณชายโม่ ได้กลิ่นไหม? มีกลิ่นหอม…" หยุนชางเอ่ยปากถามอย่างไม่มั่นใจ
โม่จิ้งหรานได้ยินดังนั้นก็ชะงักฝีเท้าลง สูดหายใจเข้าอย่างแรงและพยักหน้า "ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นหอมอยู่บ้าง แต่ตอนที่มาหม่อมฉันเห็นดอกไม้ที่ไม่รู้จักบานอยู่หลายดอก คงจะเป็นกลิ่นของดอกไม้นั้น"
หยุนชางเห็นมือที่อยู่ด้านหลังของโม่จิ้งหรานสั่นเล็กน้อย ในชาติก่อนนางเป็นภรรยาของเขามาหลายปี ทำให้นางคุ้นเคยกับนิสัยบางอย่างของเขา นางรู้ดีว่าเมื่อโม่จิ้งหรานพูดโกหก มือของเขาจะสั่นเล็กน้อย เมื่อครู่หยุนชางเดินอยู่ด้านหน้าของโม่จิ้งหราน ดังนั้นนางจึงไม่เห็น เมื่อครู่นี้โม่จิ้งหรานได้ก้าวมาข้างหน้าเพื่อหยิบแผ่นหนัง แล้วบอกว่าจะพานางไปหาคำใบ้ ดังนั้นเขาจึงอยู่ด้านหน้าของนางตลอด นางจึงได้สังเกตเห็นเข้า
โม่จิ้งหรานกำลังโกหกนาง? เป็นไปได้ไหมที่กลิ่นหอมของดอกไม้นี้มีบางอย่างผิดปกติ? หยุนชางขมวดคิ้ว นางค่อนข้างคุ้นเคยกับพิษทั่วไป แต่นางไม่รู้จริงๆว่ากลิ่นหอมนี้มาจากยาอะไร ฝีเท้าของหยุนชางชะงักลงเล็กน้อย หรือว่ากลิ่นนี้เป็นแค่กลิ่นดอกไม้ชนิดหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่กลิ่นของดอกไม้นี้คงไม่ได้แค่หอมเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ รอบๆก็ดูเหมือนจะไม่มีใครอื่นนอกจากนางและโม่จิ้งหราน
ไม่มีใครเลยหรือ?
หยุนชางตะลึงและหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันศีรษะกลับไปมอง รอบด้านนอกจากนางและเขาแล้ว ไม่มีลมหายใจของบุคคลที่สามเลย แล้วฉิงยีและเฉี่ยนอินล่ะ? เห็นได้ชัดว่าเมือครู่เฉี่ยนอินยังอยู่ด้วยอยู่เลย
หยุนชางคิดในใจอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถหันหลังกลับได้ หัวจิ้งสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของนางอย่างชัดเจนได้จากในศาลา หากนางหันหลังกลับ หัวจิ้งก็จะรู้ว่านางพบบางอย่างแล้ว แต่ว่านางก็ไม่สามารถทำอะไรโม่จิ้งหรานได้ เพราะหัวจิ้งก็จะเห็นมันเช่นกัน
หยุนชางมองไปรอบๆ ดวงตาของนางเป็นประกาย ที่อยู่ไกลลิบๆนั้นมีภูเขาจำลองตามที่เขากล่าวไว้จริงๆ
หยุนชางชี้ไปที่นั่นและพูดว่า "คุณชายโม่ นี่คือภูเขาจำลองที่ท่านพูดถึงหรือเปล่า?" โม่จิ้งหรานมองตามมือของหยุนชางไปและพยักหน้าซ้ำๆ "ใช่แล้ว นี่คือภูเขาจำลองที่หม่อมฉันกล่าวถึง หม่อมฉันไม่ได้หลอกท่านใช่ไหมล่ะ มีปริศนาคำอยู่ด้านหลังเขานั่น หม่อมฉันจะไปเอามาให้องค์หญิงเดี๋ยวนี้" โม่จิ้งหรานกล่าวและรีบเดินไปที่ภูเขาหินนั้น
หยุนชางก็รีบตามไปเช่นกัน นางเดินไปรอบๆก้อนหิน แต่หยุนชางกลับเห็นว่าโม่จิ้งหรานนอนอยู่บนพื้น ราวกับเป็นลม หยุนชางรู้สึกว่ามีลมวูบหนึ่งพัดมาจากด้านหลัง หยุนชางจึงเบี่ยงตัวหลบและจับตัวคนข้างหลังไว้ มือข้างหนึ่งบีบคอเขาไว้และอีกมือหนึ่งก็ฟาดลงไปอย่างรวดเร็ว คนๆนั้นจึงหมดสติไป
หยุนชางขมวดคิ้วและมองไปยังคนสองคนบนพื้น รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของนาง ราวกับว่าความรู้สึกเสียวซ่านนั้นมาจากหัวใจของนาง หยุนชางมองไปรอบๆและเห็นว่ามีทางเดินอยู่ด้านหลัง นางจึงรีบไปซ่อนตัวอยู่ที่นั่น
ปากของหยุนชางแห้งผากลงเล็กน้อย ความรู้สึกเช่นนี้ หยุนชางหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น มันคือวสันตโอสถ แต่คงไม่ใช่ยาจริงๆ คงจะเป็นกลิ่นดอกไม้ที่มีผลเช่นเดียวกับยานั้นเท่านั้น
นางป้องกันตัวเองอย่างดี แต่สุดท้ายก็ตกหลุมพรางของหัวจิ้งจนได้ ก่อนหน้านี้นางเคยมาที่หอเฉี่ยงซินกับหัวจิ้งเพื่อช่วยหัวจิ้งจัดการเรื่องต่างๆ แต่ทุกครั้งที่นางมา ที่นี่ดูธรรมดามาก เมื่อครู่ที่นางมาถึงและเห็นภาพหมอกในหอเฉี่ยงซินแห่งนี้ ยังคิดว่ามันเป็นเพียงเพราะน้ำในทะเลสาบจับตัวเป็นน้ำแข็งจึงมีหมอกลอยขึ้นมา แต่นางไม่ได้คิดมากไปกว่านั้น ตอนนี้เมื่อมาคิดๆดูแล้วกลับรู้สึกว่าหมอกนี่ประหลาดจริงๆ
ตอนนี้เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็ดูจะสายเกินไปแล้ว ฉิงยีและเฉี่ยนอินหายไปอย่างไร้ร่องรอย และตราบใดที่นางก้าวเท้าออกไปจากภูเขาจำลองนี้ก็จะถูกหัวจิ้งมองเห็นอย่างแน่นอน
"อืม…" มีเสียงหนึ่งดังแว่วมา หยุนชางพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างยากลำบากและมองไปด้านหลังหินนั้น แต่กลับเห็นโม่จิ้งหรานซึ่งเพิ่งหมดสติไปนั้นฟื้นขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้สติดี มือของเขาขยับเล็กน้อย เอื้อมมือออกไปสัมผัสทุกสิ่งอย่างสะเปะสะปะและสัมผัสถูกมือของคนที่ทำร้ายเขาจนล้มลงได้ เขารีบคว้ามือของคนผู้นั้น สัมผัสใบหน้าและเอนตัวเข้าไปหาอย่างควบคุมไม่ได้
หยุนชางกัดฟันและมองดูโม่จิ้งหรานที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว โม่จิ้งหรานดูเหมือนจะรู้สึกว่าไม่เพียงพอ เขาเอื้อมมือถอดเสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างกายของเขาและถอดเสื้อผ้าของคนที่อยู่ใต้ร่างของเขาออก ทาบทับร่างลงไป…
หยุนชางหันหลังกลับมาและพิงราวกั้นทางเดิน นางรู้สึกเพียงว่าไฟในใจราวกับกำลังลุกไหม้
"ลั่วชิงเหยียนๆ มีภูเขาจำลองอยู่ตรงนั้น มีอาหารอยู่บนนั้นด้วย" มีเสียงหนึ่งดังแว่วมา หยุนชางกัดฟันเล็กน้อย สมองปลอดโปร่งขึ้นมาและได้สติกลับมาทันที หัวจิ้งสามารถมองเห็นภาพจากในศาลา แต่ก็ไม่ได้ยินเสียง ในเมื่อเป็นเช่นนี้…
หยุนฉางกัดฟันและขึ้นเสียงเล็กน้อย "เสด็จอา ช่วยข้าด้วย…"
หยุนชางได้ยินเสียงของคนสองคนดังแว่วมาแต่ไกล แต่จู่ๆก็หยุดลง จิ้งอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เมื่อกี้เจ้าได้ยินอะไรไหม?"
"ได้ยินอะไร? ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย? ทำไมเหรอ?" หวังจิ้นฮวนดูเหมือนจะกินอะไรบางอย่างอยู่ เสียงของเขาอู้อี้ไม่ชัดเจน หยุนชางกัดฟัน นางกลัวที่จะไปดึงดูดความสนใจของผู้อื่น ดังนั้นนางจึงไม่กล้าเสียงดังอีกต่อไป เพียงแต่พูดซ้ำ "เสด็จอา ช่วยข้าด้วย ข้าอยู่หลังภูเขาจำลอง…"
คราวนี้แม้แต่หวังจิ้นฮวนก็ได้ยินเสียงของนาง หลังสิ้นเสียงของนาง หยุนชางก็ได้ยินเสียงไม่แน่ใจของจิ้งอ๋อง "หยุนชาง?"
"เสด็จอา… " หยุนชางรู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดของนางกำลังจะถูกพรากไป จึงได้เพียงแต่ตอบเบาๆ จากนั้นนางก็เห็นเงาร่างสีม่วงนั้นดูเหมือนจะเดินมาทางภูเขาจำลอง
หยุนชางนึกเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมาได้จึงรีบกล่าวว่า "ในหมอกมีพิษ กลั้นหายใจ หัวจิ้งสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของท่านได้จากในศาลา อย่าเข้ามา พวกท่านเดินไปข้างหน้า กลั้นหายใจแล้วเดินไปข้างหน้า… "
ทั้งสองที่อยู่ด้านนอกรีบชะงักฝีเท้าลง กลั้นหายใจและเดินไปข้างหน้าตามจังหวะฝีเท้าเมื่อครู่ หยุนชางยกแขนขึ้นมากัดและใช้ราวกั้นทางเดินพยุงตัวเดินไปข้างหน้าให้ไกลที่สุดจนเมื่อนางไม่สามารถได้กลิ่นดอกไม้แปลกๆแล้ว หยุนชางก็หยุดลงและซ่อนตำแหน่งของนางอีกครั้งเพื่อให้ร่างของนางยังคงถูกภูเขาจำลองบดบังแล้วจึงล้มตัวลงกับพื้นและเฝ้ามองจิ้งอ๋องเดินมาทางนี้
จิ้งอ๋องมองปราดเดียวก็พบร่างหยุนชางที่ดูอ่อนแอมาก เขารีบสาวเท้ามาข้างหน้า จับหยุนชางไว้ในอ้อมแขนของเขา "เกิดอะไรขึ้น? แล้วสาวใช้ของเจ้าล่ะ? เมื่อครู่เจ้าไม่ได้อยู่กับโม่จิ้งหรานอะไรนั่นหรือ? เขาล่ะ?"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย รู้สึกว่าเหงื่อไหลย้อยออกมาจากหน้าผากของนาง ผ่านไปสักพักจึงเริ่มหาเสียงของตนเองเจอ "หมอกใกล้ภูเขาจำลองมีกลิ่นแปลกๆ มันคือวสันตโอสถ สาวใช้ของข้าหายไปได้อย่างไรไม่รู้ โม่จิ้งหรานถูกตีจนสลบอยู่ด้านหลังภูเขานั่น
จิ้งอ๋องได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว อุ้มหยุนชางขึ้นมาเตรียมตัวจะไป หยุนชางดึงมุมเสื้อของเขาและกล่าวว่า "เสด็จอาพกยาแก้พิษมาหรือไม่"
จิ้งอ๋องครุ่นคิดครู่หนึ่ง หยิบยาเม็ดจากเอวของเขาออกมาเม็ดหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของหยุนชาง "นี่เป็นเพียงยาต้านสำหรับวสันตโอสถชนิดธรรมดาเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าเจ้าโดนวางยาอะไรลงและไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ผลหรือเปล่า ลองดูก่อนก็แล้วกัน"
หยุนชางพยักหน้าและพูดว่า "พวกท่านหายมาที่นี่นานมากแล้ว จะทำให้หัวจิ้งสงสัย รบกวนคุณชายหวังออกไปหาวิธีดึงดูดความสนใจของนางที ข้าต้องหาวิธีให้ฟื้นสติขึ้น วันนี้ละครยังไม่จบ ข้าจะออกจากฉากไปเสียก่อนได้อย่างไร"
หยุนชางพูดจบก็เงยศีรษะขึ้นมองจิ้งอ๋องอีกครั้ง "ก่อนหน้านี้ข้าเคยมาที่นี่ ข้ารู้ว่ามีน้ำพุเล็กๆอยู่ตรงนั้น รบกวนเสด็จอาโปรดพาข้าไปที"
หวังจิ้นฮวนมองคนทั้งสองแล้วถอนหายใจเดินออกไป เขามองไปรอบๆแล้วถอดเสื้อคลุมออก เขามองไปทั่วพลางปลดกระดุมกางเกง ยืนอยู่ในท่าที่จะถ่ายเบา หยุนชางตกตะลึงละสายตาไปทันที จิ้งอ๋องจึงถือโอกาสอุ้มหยุนชางไปยังทิศที่นางบอกอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่ามีตาน้ำพุอยู่ที่นั่น ตอนนี้เป็นฤดูหนาว พื้นที่โดยรอบกลายเป็นน้ำแข็ง เหลือน้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหยุนชางรีบไปข้างหน้าวักน้ำขึ้นมารดลงบนหน้าของนาง ความร้อนรุ่มของร่างกายจึงลดลงเล็กน้อย หยุนชางหยิบก้อนน้ำแข็งและโยนมันเข้าไปในเสื้อผ้าของนาง นางรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาจากด้านหลัง หยุนชางตัวสั่นชั่วครู่ จากนั้นก็ได้สติมากขึ้น
"เจ้าจะทำอะไร? ข้าจะช่วยเจ้า…" เสียงของจิ้งอ๋องดังมาจากด้านหลังหยุนชาง นางกำลังหักก้อนน้ำแข็งแล้วใส่เข้าไปในเสื้อผ้าของนาง จากนั้นจึงหันศีรษะกลับไปมองจิ้งอ๋อง สีหน้าไร้อารมณ์ "บัญชีนี้ข้าต้องชำระอย่างช้าๆ"