ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 67 การหยั่งเชิงของหัวจิ้ง
ก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสมุมผ้าของจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องก็เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ทำให้หวังจิ้นฮวนคว้าได้เพียงแต่อากาศ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนตาไวมือไวจึงรีบกระโดดกอดเสาด้านข้างเขาอย่างรวดเร็วจึงไม่ได้ล้มลงกับพื้น
หวังจิ้นฮวนหันกลับไปมอง ดวงตารื้นน้ำตา ท่าทางโศรกเศร้าเหลือคณานับ "ทำไมเจ้าจึงโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้?"
แต่จิ้งอ๋องกลับเมินเขาและหันไปพูดกับคนด้านหลังว่า "ขออภัยใต้เท้าอู๋ ช่วงนี้คุณชายหวังสมองไม่ค่อยปกตินัก"
หวังจิ้นฮวนจึงเห็นว่าด้านหลังของจิ้งอ๋องมีชายวัยกลางคนสวมชุดทางการสีเขียวเข้ม รู้สึกว่าจะเป็นใต้เท้าอู๋จากสำนักบัณทิตฮั่นหลิน หวังจิ้นฮวนโอดครวญ แย่แล้ว คราวนี้ขายหน้ายิ่งนัก เขาหันศีรษะไปยิ้มแหะๆให้ใต้เท้าอู๋ จากนั้นก็เด้งตัวตรงและหายตัวไปพร้อมกับเสียงผิวปาก
บัณฑิตอู๋เบิกตากว้างและอ้าปากค้างอยู่นานกว่าจะกลับมารู้สึกตัว
จิ้งอ๋องยิ้มแย้มเล็กน้อยและพูดกับบัณทิตอู๋ว่า "เรื่องที่ใต้เท้าพูด ข้าจะเอาไปคิดให้ดี"
บัณฑิตอู๋พยักหน้าเล็กน้อยและยิ้มบางๆ "ทุกวันนี้ในราชสำนักมีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้ กระหม่อมไม่ต้องการให้แคว้นหนิงล่มสลายด้วยน้ำมือของพวกเขา ท่านอ๋องยังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ ดังนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ"
จิ้งอ๋องพยักหน้า "เช่นนั้นข้าส่งเพียงเท่านี้แล้วกัน"
บัณฑิตอู๋โค้งกายทำความเคารพต่อจิ้งอ๋องและจากไป เมื่อรอจนร่างของบัณฑิตอู๋ลับหายไปจากประตู จิ้งอ๋องก็หน้าบึ้งลงและพูดอย่างเย็นชาว่า "ออกมาได้แล้วและเลิกแสร้งทำเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองเสียที"
เงาร่างสีแดงถลาลงมาในลาน หวังจิ้นฮวนสีหน้าขมขื่น "ข้ามีเวมีกรรมอะไรกันนะ ก่อนหน้านี้ก็ถูกองค์หญิงฮุ่ยกั๋วอะไรนั่นเล่นงานเสียจนย่ำแย่ แล้วยังมาขายหน้าที่นี่อีก แล้วต่อไปข้าจะมีหน้าอยู่ต่อยังไง? ฮือๆๆ… "
"เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ? องค์หญิงน้อยจะเกิดเรื่องอะไร? แล้วเจ้าถูกเล่นงานได้อย่างไร?" จิ้งอ๋องเมินเฉยต่อเสียงโอดครวญของหวังจิ้นฮวน เขายกมือขึ้นจัดแขนเสื้อขึ้นและพูดอย่างเฉยเมย
หวังจิ้นฮวนรีบรายงานขึ้นมา "เจ้าไม่รู้หรอกว่าแผนการขององค์หญิงน้อยของเจ้าเลวร้ายแค่ไหน ข้าเดินเล่นอยู่ในเมืองบังเอิญพบนางเข้า นึกได้ว่าช่วงนี้เจ้าเอาแต่พูดถึงนาง ข้าจึงอยากรู้เลยตามนางไป บังเอิญพบนางถูกคนไล่ฆ่า จึ๊ๆ คนชุดดำกว่าสิบคนแน่ะ ข้ากะจะช่วยนางเสียหน่อย ปรากฏว่านางจัดการคนสิบกว่าคนนั่นเสียเรียบ ไม่มีโอกาสให้ข้าแสดงฝีมือเลย สุดท้ายนางพบข้าเข้าก็เลยโยนข้อกล่าวหาให้ข้า บอกว่าข้าเป็นคนฆ่านักฆ่าพวกนั้นและแสร้งเป็นลม"
"แล้วไงต่อ? นางได้รับบาดเจ็บหรือไม่?" จิ้งอ๋องยังคงดูสงบ
"บาดเจ็บอะไรล่ะ? นักฆ่าพวกนั้นไม่ได้แตะต้องแม้แต่ชายกระโปรงของนางด้วยซ้ำ" หวังจิ้นฮวนยิ่งโมโหขึ้นไปอีก "ประเด็นก็คือ เพื่อช่วยนางโกหก ข้าต้องบอกหัวหน้าหวงเฉิงฝู่ไปว่าข้าหลงใหลในความงามของนาง จึงได้ตามนางไปจึงได้พบ"
จิ้งอ๋องเหลือบมองหวังจิ้นฮวนอย่างเย็นชา หวังจิ้นฮวนรู้สึกได้ว่ามีลมหนาวพัดมาจากที่ไหนสักแห่ง เขาตัวสั่นสะท้านทันที เมื่อมองไปรอบก็คิดว่าเขาคิดไปเอง "แต่ว่าตอนที่ข้าออกมาข้าได้ยินความลับมา พี่สาวขององค์หญิงน้อยนั่นราวกับไม่ใช่มนุษย์ นางคิดจะใช้โอกาสตอนงานเลี้ยงเพื่อทำร้ายนาง"
จิ้งอ๋องหันศีรษะไปมองหวังจิ้นฮวน "หือ? จะทำอะไรนางล่ะ?" หวังจิ้นฮวนส่ายหัว "ข้าก็ไม่รู้ องค์หญิงหัวจิ้งไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน ได้ยินเพียงคำว่างานเลี้ยงเท่านั้นและบอกให้คนใช้ของนางเตรียมตัวไว้อย่างดี อย่าให้เกิดข้อผิดพลาด"
"อ้อ" จิ้งอ๋องตอบอย่างเรียบเฉยและหมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง
หวังจิ้งฮวนตกตะลึงและรีบไล่ตามเขาไป "เฮ้ๆๆ เจ้าไม่กังวลหรือไง? ถ้าองค์หญิงหยุนชางคนสวยถูกพี่สาวนางเล่นงานจะทำยังไงล่ะ?"
"นางจัดการเองได้ ไม่ต้องให้ข้ากังวลหรอก" จิ้งอ๋องตอบอย่างไม่ใส่ใจ เขาหมุนตัวกลับมาปิดประตูกั้นหวังจิ้นฮวนไว้นอกห้อง
"นี่ๆๆ…" หวังจิ้นฮวนกินแกงหน้าประตูปิด* ดวงตารูปลูกท้อของเขาดับแสงลงในทันที "อย่างไรวันนี้ข้าก็ช่วยชีวิตองค์หญิงน้อยของเจ้าไว้ ไม่เห็นจำเป็นต้องไร้เยื่อใยขนาดนี้… ลั่วชิงเหยียน เปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้… "
หลังจากเคาะอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้ยินเสียงขยับเขยื้อนจากคนในห้อง หวังจิ้นฮวนจึงถอนหายใจและเกาะอยู่ที่ประตูนิ่งอยู่สักพัก ทันใดนั้นก็มีแสงวาบขึ้นในดวงตาของเขา "เอ๊ะ จริงสิ วันนี้ข้าว่าองค์หญิงตัวน้อยของเจ้าแต่เจ้ากลับไม่ตอบโต้เลยสักนิด แถมยังยอมรับอีก ในที่สุดก็ยอมรับแล้วใช่ไหม? เจ้ามันโรคจิต เจ้าชอบหลานสาวตัวเอง"
ทันทีที่สิ้นเสียง จู่ๆประตูก็เปิดออก หวังจิ้นฮวนไม่ได้ป้องกันตัวและเกาะอยู่ที่ประตูตลอด เมื่อประตูเปิด เขาจึงล้มลงกับพื้น เจ็บจนร้อง "โอ๊ย" ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมา จิ้งอ๋องก็คว้าเข็มขัดของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง บิดมันแล้วโยนเขาออกจากลานไป
ได้ยินแต่เสียงร้อง "อ๊า" ดังลั่นจากนั้นก็เงียบไป จิ้งอ๋องยืนอยู่ในลานและครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะเรียก "จิ้งอิ่ง"
ผู้หญิงในชุดรัดกุมสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นในลาน "นายท่าน"
จิ้งอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย "จากนี้ไป เจ้าไม่ต้องตามข้าแล้ว ไปอยู่ข้างกายองค์หญิงหยุนชางเพื่อปกป้องนางเถอะ เจ้าเป็นผู้หญิง ทำอะไรก็สะดวกกว่าเล็กน้อย"
จิ้งอิ่งเงียบอยู่นานก่อนจะตอบว่า "เจ้าค่ะ" แล้วนางก็หายไป
"หนิงหยุนชาง หนิงหยุนชาง…" จิ้งอ๋องยืนอยู่เพียงลำพังในลานบ้าน พลางพึมพำสามคำนี้ มือของเขากำแน่นและคลายออกอยู่นาน
"ฮัดชิ่ว…" หยุนชางจามและขมวดคิ้ว "หรือว่ามีใครนินทาข้า ทำไมวันนี้ข้าถึงได้จามตลอดเวลา?"
ฉิงยียิ้มและสวมเสื้อคลุมให้หยุนชาง "เดี๋ยวจะป่วยเจ้าค่ะ"
เฉี่ยนอินเดินผ่านม่านเข้ามา "องค์หญิง ข้าแอบไปสืบมาว่าใครเป็นคนบงการชายชุดดำ แต่ข้ารู้สึกว่าเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นองค์หญิงหัวจิ้ง"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "หากเป็นนางก็คงจัดการง่าย แต่หากไม่ใช่นาง พวกเราก็ยิ่งต้องระวัง ศัตรูที่แข็งแกร่งไม่ได้น่ากลัว ที่น่ากลัวคือศัตรูลงมือแล้ว แต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูอยู่ที่ไหน"
เฉี่ยนอินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วก็นึกถึงชายชุดแดงขึ้นได้ จึงเดินไปนั่งยองๆข้างกายหยุนชาง "องค์หญิง คุณชายหวังก่อนหน้านี้เป็นใครกันเพคะ ข้าเห็นว่าท่านและเขาก็ไม่เคยพบกันมาก่อน ทำไมท่านถึงกล้าจับเขาเป็นแพะรับบาป? ข้าคิดว่าถ้าเขาเปิดโปงเราจะไม่แย่เหรอ?"
หยุนชางนึกถึงการสีหน้าเหยเกของหวังจิ้นฮวนก็ยิ้มขึ้น "เขาน่ะหรือ เขามีความสัมพันธ์อันดีกับจิ้งอ๋องมาโดยตลอด เป็นหนึ่งในคนสนิทไม่กี่คนของจิ้งอ๋อง ในเมื่อจิ้งอ๋องและข้าตกลงร่วมมือกันแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หวังจิ้นฮวนจะอยู่ข้างข้า เขาไม่มีทางทำร้ายข้าแน่ ใช้เป็นเกราะป้องกันสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก"
ฉิงยีจ้องมองหยุนชางครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มและกล่าวว่า "ข้าพบว่าองค์หญิงเชื่อใจจิ้งอ๋องมาก หายากนักที่องค์หญิงจะไว้ใจใครเช่นนี้ แม้แต่คนรอบข้างของเขาก็เชื่อไปด้วย"
หยุนชางได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง นางขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงๆ นางไม่เคยเชื่อใจคนอื่นเลยแม้แต่น้อย แต่วันนี้นางกลับผลักหวังจิ้นฮวนออกไปโดยตรง หากในตอนนั้นเขาพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เป็นผลดีสำหรับนาง นางจะต้องลำบากแน่นอน แต่ตอนนั้นนางกลับไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
หยุนชางครางอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลังเลและพูดว่า "แม้ว่าจิ้งอ๋องจะดูท่าทางไม่แยแส แต่ข้าคิดว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่จะแทงข้างหลังข้า และถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ฝ่ายตรงข้าม เขาก็คงทำอย่างซึ่งๆหน้า"
ไม่มีใครตอบนาง หยุนชางรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย เมื่อนางหันหน้าไปก็เห็นว่าสาวใช้สองคนด้านหลังปิดปากหัวเราะคิกคัก หยุนชางจึงรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงหยิบเสื้อคลุมปาไปที่ฉิงยีและเฉี่ยนอิน
และเสียงหัวเราะก็ดังไปทั่วห้อง
ขณะที่หัวเราะ หัวจิ้งก็เดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "มีเรื่องอะไรกันถึงได้อารมณ์เช่นนี้?"
หยุนชางหรี่ตาลงและพูดอย่างนุ่มนวล "เสด็จพี่ เมื่อครู่ข้ากำลังคุยกับสาวใช้เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนบ่าย กำลังพูดเรื่องที่ข้าเห็นเลือดแล้วเป็นลมไป ข้ารู้สึกขายหน้ามาก"
หัวจิ้งยิ้มบางๆแล้วนั่งลงบนเตียง "นี่จะเป็นอะไรไป เจ้าเป็นเพียงแค่หญิงสาวที่อ่อนแอคนหนึ่ง เจอเรื่องแบบนี้ก็ต้องกลัวมากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ร่างกายดีขึ้นแล้วหรือยัง?"
"ไม่เป็นไรแล้วเพคะ ไม่ใช่ว่าข้ายังมีแรงเดินเล่นอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หยุนชางก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า "วันนี้มีเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ เสด็จพ่อต้องได้รับข่าวแล้วอย่างแน่นอน ข้ากลัวว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่จะเป็นห่วง พรุ่งนี้ข้าอยากเข้าวังสักหน่อย ไปทักทายเสด็จพ่อ เสด็จพี่ว่าอย่างไรเพคะ?"
หัวจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย "ควรจะไปทักทายเสียหน่อย พรุ่งนี้ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ เช่นนั้นข้าจะไม่เข้าวังไปกับเจ้าก็แล้วกัน ข้าจะส่งคนสองสามคนติดตามเจ้าไปด้วย วันนี้เจ้าออกไปโดยไม่พาใครไปด้วยจึงได้เกิดเรื่องขึ้น ทำให้ข้าตกใจแทบแย่ ข้าไม่อยากตกใจเช่นนี้อีกแล้ว"
"อืม" หยุนชางพยักหน้าอย่างแรง "ชางเอ๋อร์เข้าใจแล้ว"
"จริงสิ" หัวจิ้งพูดขึ้นราวไม่ได้ตั้งใจ "ผู้ที่ลอบสังหารเจ้าในวันนี้บอกหรือเปล่าว่าใครเป็นคนบงการ?"
หยุนชางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว "ทันทีที่พวกมันปรากฏตัว มีดก็พุ่งเข้ามาหาเรา ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากตุณชายหวังฆ่าชายชุดดำหมดแล้วก็จับชายชุดเทาจากกำแพงข้างหลังฉัน ชายคนนั้นไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้า แต่ข้าไม่มีเวลามองว่าเขา หน้าตาเป็นอย่างไร"
"ชายชุดเทา?" หัวจิ้งครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามว่า "ชายชุดเทาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ยุยงให้ฆ่าเจ้า คุณชายหวังพบอะไรบนตัวเขาหรือไม่?"
"น่าจะไม่พบอะไร ข้าก็ไม่แน่ใจนัก ข้าจำได้เพียงว่าคุณชายหวังกระโดดขึ้นไปบนหลังคาและไปจับชายชุดเทานั่น แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไนก็โดนเขาหักคอไปสียก่อน จากนั้นข้าก็จำอะไรไม่ได้แล้ว" หยุนชางแลบลิ้น ดูไร้เดียงสา
หัวจิ้งหันศีรษะไปมองสาวใช้ทั้งสอง เฉี่ยนอินรีบพูด "แน่นอนว่าองค์หญิงคงจำไม่ได้แล้ว องค์หญิงกรีดร้องด้วยความตกใจแล้วก็เป็นลมไป จากนั้นชาวบ้านก็วิ่งเข้ามา คุณชายหวังจึงขอให้พวกเขาช่วยแจ้งความ พวกเรากลัวว่าองค์หญิงจะเป็นอะไรไปจึงรีบพาองค์หญิงกลับมาที่จวนเพคะ"
"จริงหรือ?" หัวจิ้งมองไปที่นายบ่าวทั้งสามครู่หนึ่งก่อนจะยืนขึ้นและพูดว่า "ชางเอ๋อร์คงเหนื่อยมามากแล้ว เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ" พูดจบแล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องชั้นใน
เฉี่ยนอินยืนเขย่งปลายเท้าและมองไปที่ประตู เมื่อไม่เห็นร่างของหัวจิ้งแล้วนางก็หันไปหาหยุนชางและกล่าวว่า "องค์หญิงพักผ่อนเถอะเพคะ ข้าจะไปเอาน้ำมาให้องค์หญิง" นางพูดจบแล้วก็ออกไป
ฉิงยีเดินไปที่ขอบเตียง ช่วยหยุนชางถอดเสื้อผ้าออกและกระซิบว่า "องค์หญิงหัวจิ้งจะเล่นละครอะไรกันแน่?"
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ชายชุดสีเทาคนนั้นต้องเป็นคนของหัวจิ้งแน่ เพียงแต่ผู้ที่ลอบสังหารข้ามีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้น หนึ่งคือนักฆ่าเหล่านั้นไม่ใช่คนของหัวจิ้ง ดังนั้นนางจึงมาหาข้อมูล อีกอย่างหนึ่งคือนักฆ่านั้นเป็นคนของหัวจิ้ง นางมาเพื่อหยั่งเชิงดูว่าข้าสืบพบอะไรไหม"
"แต่ว่านักฆ่าเหล่านั้นไม่ทิ้งอะไรไว้เลย เราควรเริ่มสืบจากตรงไหนดี?" ฉิงยีขมวดคิ้วมองหยุนชางด้วยความกังวล
หยุนชางหลับตาลง จิตใจก็แจ่มใส "ไม่เป็นไร จิ้งจอกมักจะโผล่หางออกมา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ในเมื่อต้องการจะฆ่าข้า ครั้งนี้ไม่สำเร็จก็ย่อมมีครั้งต่อไป ข้าไม่เชื่อว่าจะจับเขาไม่ได้"