ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 57 ท่านฮูหยินจ้าว
บนรถม้า หัวจิ้งขมวดคิ้ว พิงรถม้าในความเงียบ นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
"องค์หญิง หม่อมฉันได้วางยาระบายแก่องค์หญิงฮุ้ยกั๋วยาค่อนข้างมีฤทธิ์มาก หม่อมฉันเห็นนางกินมันด้วยตาของหม่อมฉันเอง แต่ทำไมนางดูไม่เป็นอะไรเลยเพคะ เป็นไปได้ไหม ที่องค์หญิงฮุ้ยกั๋วมีการเตรียมการก่อนแล้ว?" สาวใชด้านข้างพูดเสียงเบา
หัวจิ้งได้ยิน ก็ส่ายหัว "มันไม่เหมือนเลย เดิมนางรู้สึกปวดท้องอย่างเห็นได้ชัด ข้าดูนางสีหน้านางก็ไม่ค่อยดีนัก แต่ทำไมหลังจากนั้นนางก็ไม่เป็นไรไปได้" ทันใดนั้นก็พูดว่า "ข้ารู้สึกว่า มีอะไรบางอย่างฝั่งจิ้งอ๋อง เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้อง จิ้งอ๋องคือแสร้งจงใจมุ่งมาที่ข้าอย่างเห็นชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น หยุนชางบอกว่า นางกับจิ้งอ๋องไม่คุ้นเคยกัน แต่วันนี้ดูปกติมาก พยายามหยุดนางไว้ เมื่อกี้ตอนที่ข้าออกมา ได้สังเกตเป็นพิเศษว่า ห้องของจิ้งอ๋องและห้องของพี่ไป๋เอ้อร์ ถูกกั้นด้วยกำแพงเดียวเท่านั้น ข้ากังวลว่า เรื่องธุระที่เราคุยกับพี่ไป๋เอ้อร์ ถูกจิ้งอ๋องรู้เข้าแล้ว เพียงแต่ว่า…"
เพียงแค่ว่าหัวจิ้งยังคิดไม่ออกเรื่องบางอย่าง เมื่อกี้หยุนชางพูดอย่างชัดเจนว่า นางกลับมาจากปลดทุกข์ เพิ่วเห็นจิ้งอ๋องเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว ดังนั้นนางจึงไปถวายพระพร ถ้าจิ้งอ๋องเพิ่งมาในเวลานั้น คงจะไม่สามารถได้ยินอย่างแน่นอน
"เพียงแต่ว่าอะไรเพคะ? องค์หญิง ถ้าจิ้งอ๋องรู้จริงๆ จะเป็นเรื่องใหญ่นะเพคะ จิ้งอ๋องจะต้องบอกฝ่าบาทแน่นอน" สาวใช้พูดอย่างกังวล สีหน้าของนางตื่นตระหนกเล็กน้อย
"ลนลานอะไรกัน เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้นเอง ถ้าเขาได้ยินจริงๆทำไมไม่ไปที่ห้องถัดไปและจับกุมพวกพี่ไป๋เอ้อร์ นั่นไม่ใช่พยานทั้งหมดหรือ อีกเดี๋ยว เจ้าไปที่หอยวี่หมั่นอีกครั้ง และถามเถ้าแก่ร้านว่าจิ้งอ๋องไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนหรือหลังเรา เขามาที่นั่นนานแค่ไหนแล้ว" หลังจากที่หัวจิ้งสั่งการเสร็จ ในใจนางก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย และพูดอีกครั้งว่า " และไปถามพี่ไป๋เอ้อร์อีกครั้งว่า วันนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมจับผิดคน เจ้าควรบอกเขาว่าหยุนชางใส่เสื้อผ้าอย่างไรแล้วนิ…"
สาวใช้พยักหน้าซ้ำๆ "สักครู่ฉันจะไปถามเพคะ"
"ถ้าจิ้งอ๋องรู้เข้าจริงๆ… " หัวจิ้งถอนหายใจและไม่พูดส่วนที่เหลือ ถ้าจิ้งอ๋องรู้เข้าจริงๆ จะเกิดปัญหาใหญ่แน่ ถ้ามีเรื่องเช่นนั้น จะปล่อยจิ้งอ๋องไปไม่ได้ ไม่ว่าจะกำจัดเขายากแค่ไหนก็ต้องกำจัดทิ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงความกังวลในอนาคต ถ้าหากได้ยั่วยุจิ้งอ๋องจริงๆ ก็ทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากท่านตา รถม้าหยุด หัวจิ้งก็พูดกับสาวใช้ว่า "เจ้าไม่ต้องลงมาแล้ว เดี๋ยวให้คนขับรถม้าส่งเจ้าไปที่หอยวี่หมั่นอีกครั้ง"
"ขอบพระทัยองค์หญิงเพคะ" สาวใช้พูดทันที
หัวจิ้งยกม่านรถม้า และลงไปด้วยตัวเอง เห็นหยุนชางยืนอยู่ข้างนอกแล้ว หัวจิ้งยิ้มและพูดว่า "ถึงแล้ว เข้าไปกันเถอะ"
หยุนชางพยักหน้าหันหน้าไปมองรถม้าอย่างงงงวย "เอ๊ะ พี่หญิง สาวใช้ของไปไหนแล้วเพคะ เมื่อกี้จ้าเห็นนางขึ้นรถม้ากับท่าน ทำไมจู่ๆ หายไปแล้วเพคะ"
ฮั่วจิ้งยิ้ม "ไม่ได้หายไป อยู่ในรถม้า เมื่อกี้เพราะเจ้าก่อเรื่องไว้ และยังไม่ได้จ่ายเงินให้เถ้าแก่ของร้าน พี่หญิงคิดว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เถ้าแก่จะหาเงินได้ ดังนั้นข้าจึงให้สาวใช้เอาไปให้"
"โอ้ เป็นเช่นนั้นเอง พี่หญิงช่างเห็นใจหัวอกราษฎรจริงๆ " หยุนชางยิ้มและเดินตามหลังหัวจิ้ง
"เข้าไปในจวนเถอะ ข้างนอกมันหนาว อีกทั้งเจ้าควรไปคารวะท่านแม่ก่อน เพียงแต่ชั่วโมงนี้ ท่านแม่คงจะนอนพักผ่อนอยู่ ไม่ไปรบกวนเป็นดีแล้ว อีกเดี๋ยวทานอาหารเย็นค่อยแนะนำให้เจ้าทีหลัง" หัวจิ้งเดินนำหน้า เดินไปด้วยพูดไปด้วย
หยุนชางพยักหน้า "ได้ยินมานานแล้วว่าท่านแม่ของราชบุตรเขตก็เป็นหญิงแกร่งเช่นกัน ถ้าวันนี้ได้พบแล้ว ชางเอ๋อร์จะต้องคุยกับท่านฮูหยินให้ได้เพคะ"
หัวจิ้งส่ายหัว "ไม่ได้เกินจริงขนาดนั้น ในปีแรกๆ เดิมท่านฮูหยินเป็นหญิงแกร่งอารมณ์ร้อน แต่หลังจากที่นายท่านเสียชีวิตในสนามรบ ท่านก็รู้สึกหดหู่เช่นกัน ตอนนี้พระราชบุตรเขยอยู่ในสนามรบ ท่านก็กินเจไหว้พระทุกวัน อธิษฐานขอพรให้ราชบุตรเขย"
"น่าเห็นใจความรักของพ่อแม่ในใต้หล้า" หยุนชางถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เดินตามหัวจิ้งเข้าไปในจวนองค์หญิง
ท่านฮูหยินท่านนี้ ในภพที่แล้วเคยพบหลายครั้ง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ ท่านฮูหยินไม่ได้เป็นมิตรกับตนมากนัก และนางมักจะพูดจาเหน็บแนม แต่ในภพนี้ที่ตนมาเกิดใหม่ หลังจากที่ฮั่วจิ้งแต่งงานเมื่อไม่กี่ปีก่อน ได้ส่งคนมาสอบถามเรื่องนี้ ก็ได้ยินเรื่องราวมาบ้าง ท่านเป็นคนที่น่าชื่นชมเช่นกัน เมื่อท่านยังเด็กสาวได้ติดตามสามีของท่านในสนามรบ และสังหารศัตรูนับไม่ถ้วนในสนามรบ เพียงแค่ว่าได้สูญเสียสามีเร็วเกินไป และหลังจากนั้นก็กลับจวนเพื่อเลี้ยงดูลูกชายของนางด้วยจิตใจที่แน่วแน่ หลังจากที่หัวจิ้งแต่งเข้ามา ท่านก็ไม่ได้ให้เกียรติกับองค์หญิงผู้เอาแต่ใจผู้นี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้หญิงสองคนที่ต้องการเป็นนายในตระกูล ได้ยินมาว่า หัวจิ้งกับนางมีบางอย่างที่ไม่ลงลอยกัน
หยุนชางหรี่ตา คราวนี้ ในเมื่อหัวจิ้งส่งมาถึงหน้าประตู แน่นอนว่าตนจะต้องการฝ่าฟันอุปสรรคจากท่านฮูหยินให้ได้
"จวนองค์หญิงแห่งนี้ไม่งดงามเหมือนพระราชวัง เกรงว่าจะลำบากเจ้าหน่อยแล้ว" หัวจิ้งยิ้มและพาหยุนชางไปที่ลานเล็กๆ ที่เตรียมไว้ให้นาง
หยุนชางยิ้ม "พี่หญิงก็พูดเกินไป ชางเอ๋อร์ก็อยู่ที่วิหารแคว้นหนิงมาหลายปีแล้วไม่ได้หรือ"
แม้ว่าจวนองค์หญิงหัวจิ้งจะเทียบไม่ได้กับวัง แต่ก็ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในพระราชวัง อย่างน้อย ก็ดีกว่าจวนจิ้งอ๋อง หัวจิ้งพาหยุนชางเดินผ่านศาลา แล้วเดินไปที่ลานแห่งหนึ่ง "ลานนี้อยู่ใกล้กับสวนด้านหลัง สวนด้านหลังมีทะเลสาบและป่าต้นบ้วย อากาศเริ่มหนาวเย็นลง ดอกบ๊วยก็กำลังบานด้วย ถ้าเบ่งบานแล้วมันสวยงามมาก คิดว่าเจ้าจะชอบมัน ก็เลยให้คนมาเตรียมเพื่อเจ้า"
หัวจิ้งกำลังจะเปิดประตู แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้น เสียงนั่นความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย "มีแขกมาเยือน องค์หญิงก็ไม่บอกหม่อมฉันสักคำเลยนะเพคะ ถ้าหม่อมฉันไม่ได้ยินเหล่าคนใช้พูดถึง ก็ไม่รู้ว่าองค์หญิงฮุ้ยกั๋วมาที่จวน และถ้าองค์หญิงฮุ้ยกั๋วตำหนิขึ้นมา หม่อมฉันจะอธิบายอย่างไร"
ฟังน้ำเสียงนี้ คงจะเป็นท่านแม่ของราชบุตรเขย หยุนชางหันกลับมา ก็เห็นหญิงชราสวมกระโปรงสีแดงเข้ม คิ้วขมวดจ้องมองไปที่หัวจิ้งและหยุนชางเขม่น
เมื่อเห็นหยุนชางหันกลับมา หญิงชราคนนั้นก็รีบทำความเคารพ "หม่อมฉันถวายพระพรองค์หญิงฮุ้ยกั๋ว ขอองค์หญิงมีพลานามัยที่แข็งแรง"
เมื่อเห็นเช่นนี้ หยุนชางก็ก้าวเข้าช่วยพยุงหญิงชราคนนั้นขึ้น พร้อมกับความตื่นตระหนกเล็กน้อยบนใบหน้าของนาง "ท่านฮูหยิน นี่ท่านทำอะไร ท่านเป็นท่านแม่ของราชบุตรเขย ถือได้ว่าเป็นผู้อาวุโสของชางเอ๋อร์ ไม่มีเหตุผลที่ผู้อาวุโสจะคำนับผู้ที่อายุน้อยกว่า"