ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 534 เผด็จการ
เมื่อลั่วชิงเหยียนได้เช่นนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ข้าเพียงพูดไปอย่างนั้นแหละ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกครั้งที่ข้าได้ยินว่าเจ้าตกอยู่ในอันตราย ในใจข้าเจ็บปวดเพียงใด วันนี้ข้าแทบทนบุกเข้าไปในตำหนักแล้วลากเจ้าออกมาตีสักหน่อยแทบไม่ไหว แต่เมื่อข้าเดินไปถึงประตู ข้ากลับใจอ่อน แต่ข้าก็ยังอยากดูว่าเจ้าปลอดภัยหรือไม่ ข้าจึงถามนางกำนัลอย่างละเอียดและ ดังนั้นข้าจึงรออยู่นอกห้องโถงจนกระทั่งเจ้าออกมา จึงได้ยกภูเขาออกจากอกได้”
จมูกของหยุนชางแสบร้อนเล็กน้อย นางยิ้มและเงยหน้าขึ้นจูบคางของลั่วชิงเหยียน “เสด็จอาวางใจเถอะ ข้ามีวิธีปกป้องตัวเองได้อย่างแน่นอน”
ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้วและก้มลงมองหยุนชาง “ทำไมจู่ๆ เจ้าจึงเรียกข้าว่าเสด็จอาอีก?”
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ “เพราะว่าจู่ๆ ข้าก็อยากเรียกท่านว่าเสด็จอา”
น้อยนักที่หยุนชางจะแสดงท่าทางเอาแต่ใจออกมา เมื่อลั่วชิงเหยียนเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็จนปัญญา จึงได้แต่ยิ้มตามนางไป
เมื่อกลับมาถึงจวนรุ่ยอ๋องแล้ว ทันทีที่ก้าวเข้าไปก็เห็นเฉี่ยนอินนำเฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “พระชายาเพิ่งออกมาจากคุกใต้ดินที่ไม่บริสุทธิ์ ไปอาบน้ำเสียก่อนเถอะเพคะ ชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไป”
หยุนชางเลิกคิ้วและมองไปที่เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋ว “พวกเจ้าบอกเฉี่ยนอินหรือ?”
เฉี่ยนอินรีบตอบว่า “อย่าโทษพวกเขาเลยเพคะ หม่อมฉันเป็นคนไปซักไซ้เองเพคะ”
นางพูดพลางก้มศีรษะลงและเดินกลับเข้าไปในห้อง นางไม่ได้ทักทายหยุนชางแม้แต่น้อย ยังไม่ทันที่หยุนชางจะแปลกใจก็ได้ยินเสียงแว่วมาจากด้านหลัง “เจอตัวลูกของทหารที่ชื่อหลินลิ่วนั่นแล้ว ปลอดภัยดี พวกเขาถูกส่งกลับมาแล้ว ข้าน้อยตามชายชุดดำไปกว่าสองชั่วยามและเห็นพวกเขาเข้าไปในจวนตากอากาศของสกุลซูพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางกลอกตา จากนั้นก็รู้ว่าทำไมจู่ๆ เฉี่ยนอินถึงได้อารมณ์เสีย “ลั่วอี้ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
ใบหน้าสีเข้มของลั่วอี้ปรากฏเลือดฝาดขึ้นมาอย่างไม่เป็นธรรมชาตินัก เขาพยักหน้าและพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ พระชายา ข้าน้อยกลับมาแล้ว”
หยุนชางหัวเราะอยู่นานก่อนจะนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งรายงานได้ “เป็นฝีมือจวนสกุลซูจริงๆ ด้วย ก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดาไว้แล้วว่าทหารองครักษ์ในวังนั้นไม่ใช่ว่าใครก็จะซื้อตัวไปได้ นอกจากสกุลซูแล้วเกรงว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่มีความสามารถเช่นนี้”
“จวนซู…” ลั่วชิงเหยียนพึมพำเบาๆ รังสีอาฆาตฉายชัดขึ้นในดวงตา
หยุนชางรีบคว้ามือของเขาแล้วกล่าวว่า “ทางจวนสกุลซูคงเคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราว วันนี้ฝ่าบาททรงกล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว สกุลซูนับได้ว่ารับราชการมาหลายรุ่น มีรากฐานมั่นคงแข็งแรงและไม่อาจกำจัดได้ง่ายนัก ตอนนี้ยังไม่อาจมั่นใจได้ เกรงว่าฝ่าบาทจะไม่เสี่ยงแน่”
ลั่วชิงเหยียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ว่าจะแตะต้องจวนซูไม่ได้ แต่เป็นฮองเฮากับซูฉีต่างหากที่ไปแตะต้องไม่ได้ชั่วคราว ข้าจะเริ่มกำจัดจากคนที่มีอิทธิพลค่อนข้างน้อยในจวน จากนั้นก็ค่อยๆ สลายทำลายกำลังของสกุลซูไปทีละน้อยและกำจัดพวกเขาอย่างสมบูรณ์ในที่สุด”
หยุนชางยิ้มรับคำเบาๆ แต่กลับถูกลั่วชิงเหยียนดันเบาๆ “ไปอาบน้ำก่อนเถอะ เจ้ายังไม่ได้กินอาหารเลย ข้าจะให้คนเตรียมสิ่งที่เจ้าชอบกินเอาไว้ให้ เจ้าอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยมากินเถอะ”
หยุนชางส่งเสียง
หลังจากชำระร่างกายเสร็จแล้ว หยุนชางก็กินอะไรเล็กน้อย จากนั้นเอนกายลงบนเบาะนุ่มๆ และเล่าเรื่องในวันนี้ให้ลั่วชิงเหยียนฟังอย่างละเอียด “โชคดีที่ก่อนหน้านี้ข้าทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนตัวแม่นมของท่านชายน้อย มิฉะนั้น สิ่งต่างๆ ในวันนี้จะไม่ราบรื่นเช่นนี้ เกรงว่าหลังจากที่ฮองเฮากลับไปแล้ว นางคงต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่ แต่นางจะไม่สงสัยไปถึงแม่นมแน่”
ลั่วชิงเหยียนรับคำเบาๆ หยุนชางก็พูดต่อ “ข้ากล่าวถึงหลินโยวหรานต่อฝ่าบาทไปแล้ว นางคือสาวงามที่ข้าตั้งใจสนับสนุน นางเฉลียวฉลาดและรู้ว่าต้องทำอย่างไร แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่ได้ตอบข้าโดยตรง แต่ก็คงไม่มีเรื่องน่าประหลาดใจมากนัก ข้าคิดว่าหลังจากที่หลินโยวหรานเข้าวังไปแล้วนางต้องได้รับความโปรดปรานอย่างมากแน่”
เมื่อได้ยินหยุนชางเอ่ยถึงเรื่องนี้ ลั่วชิงเหยียนจึงหันไปมองหยุนชาง “จริงสิ ข้าได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับนางแล้ว นางเป็นคนเฉาโจว บิดาของนางเป็นข้าหลวงประจำเฉาโจว ก็ดูมีภูมิหลังที่ขาวสะอาดนัก การคัดเลือกสตรีเพื่อเข้าวังจะเริ่มขึ้นในสิบวันให้หลัง นางมาถึงเมืองจิ่นหรือยัง?”
หยุนชางพยักหน้าและพูดว่า “ถึงแล้ว ข้าให้คนหาจวนไว้ในเมืองจิ่นแล้ว ข้าซื้อมันภายใต้ชื่อของพ่อของนาง ตอนนี้นางพำนักอยู่ที่นั่น ข้ากำลังคิดว่าฮองเฮาจะสนใจนางเป็นพิเศษ ไม่สู้ใช้เวลานี้ใช้ประโยชน์จากมันเรียกนางออกมาพบอย่างเงียบๆ เพื่อแนะนำนาง”
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ “เจ้าจัดการได้ก็ดี เพียงแต่จำคำที่ข้าพูดไว้ให้ดี หากไม่พาสายลับสี่สิบคนไปคุ้มครองเจ้า ก็อย่าได้คิดออกจากจวนไปเลย”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหยุนชาง นางรับคำและหาวขึ้น “ลั่วอี้กลับมาแล้ว เรื่องของเขาและเฉี่ยนอินก็ต้องจัดการบ้างแล้ว เมื่อการคัดเลือกสตรีเพื่อเข้าวังเริ่มขึ้น เมืองจิ่นก็คงจะวุ่นวายไปสักพัก เป็นเวลาที่ดีที่จะฉวยโอกาสช่วงชุลมุนนี้”
ลั่วชิงเหยียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาของเขาทอดมองบนเท้าของหยุนชางที่อยู่บนเบาะ นางไม่สวมถุงเท้าใดๆ เพราะเพิ่งอาบน้ำ เท้าที่ขาวราวกับหยกของนางจึงวางอยู่บนเบาะนุ่มด้วยท่าทางสบายๆ จนทำให้เขาคิดดีไม่ได้เลย
หยุนชางยกมือขึ้นมาปิดปากหาวอีกครั้ง ก่อนที่หาวจะเสร็จนางก็ถูกเขาอุ้มขึ้นจากเบาะไปยังเตียงและม่านเตียงก็ปิดลง…
เมื่อหยุนชางตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ทันทีที่นางลืมตาก็เห็นเฉี่ยนอินยืนอยู่ในห้องจ้องมองนางด้วยสายตาแผดเผา หยุนชางตกตะลึงและประหลาดใจเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เฉี่ยนอินปิดปากและหัวเราะ “ตั้งแต่ที่มาถึงแคว้นเซี่ย พระชายาก็ไม่ค่อยตื่นในเวลานี้อีก ดูเหมือนว่า…” เฉี่ยนอินพูดด้วยแววตาหยอกล้อ “ท่านอ๋องนี่จริงๆ เลย ช่างไม่รู้จักควบคุมตัวเองเสียบ้าง”
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงระเรื่อ เมื่อคืนนี้ลั่วชิงเหยียนทรมานนางนานกว่าปกติเล็กน้อย เกรงว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อวาน หยุนชางมองค้อนเฉี่ยนอินและลุกขึ้นนั่ง
เฉี่ยนอินรีบให้เฉี่ยนหลิ่วนำน้ำร้อนเข้ามาในห้องสรง หยุนชางสวมรองเท้าและเข้าไปชำระร่างกายในห้องสรง เฉี่ยนอินยื่นชุดกระโปรงให้เฉี่ยนจั๋วและให้นางแต่งตัวให้หยุนชาง เฉี่ยนอินมองจากด้านข้างและกระซิบว่า “จะถึงเวลารับประทานอาหารกลางวันแล้ว ท่านอ๋องอยู่ที่ศาลากำลังคุยธุระกับคุณชายหลิ่วอยู่เพคะ ท่านอ๋องสั่งไว้ว่าอาหารกลางวันให้จัดที่ศาลา หากพระชายาตื่นแล้วก็ให้ไปที่นั่น”
หยุนชางนิ่งงันไปเล็กน้อยแล้วหันไปมองเฉี่ยนอิน “เจ้าว่าใครนะ? ท่านอ๋องคุยธุระอยู่กับใคร?”
“คุณชายหลิ่วหยินเฟิงไงเพคะ” เฉี่ยนอินกล่าวแล้วปิดปากหัวเราะขึ้น “พระชายาก็รู้สึกแปลกใจใช่ไหมเพคะ วันนี้ข้ารับใช้แจ้งว่าคุณชายหลิ่วมาเยี่ยม หม่อมฉันนึกว่าเขามาหาพระชายาเสียอีก แต่ปรากฏว่าเขามาหาท่านอ๋อง หม่อมฉันตกใจแทบแย่ หม่อมฉันรู้สึกมาเสมอว่าท่านอ๋องไม่ชอบคุณชายหลิ่วนัก แต่ข้าไม่เห็นท่านอ๋องมีสีหน้าผิดปกติเลยเพคะ”
หยุนชางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งในใจก็พอเดาได้ “ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะทรงมอบการจัดการงานคัดเลือกสตรีเข้าวังให้ท่านอ๋องและคุณชายหลิ่วดูแลร่วมกัน เกรงว่าคงจะมาด้วยเรื่องนี้”
เฉี่ยนจั๋วสวมเสื้อผ้าให้หยุนชางและหยุนชางก็ไปนั่งลงที่ด้านหน้าคันฉ่องโดยมีเฉี่ยนจั๋วหวีผมให้นาง
“ชุดของพระชายาวันนี้เป็นกระโปรงยาวสีเขียวอ่อน หม่อมฉันว่าเหมาะเกล้าผมเป็นมวยชิดเมฆา พระชายาว่าอย่างไรเพคะ?” เฉี่ยนจั๋วถามเบาๆ
หยุนชางพยักหน้า “เช่นนั้นก็มวยชิดเมฆาเถอะ ประดับด้วยปิ่นมุกเตี่ยนชุ่ย*ก็แล้วกัน” (*การใช้ขนนกกระเต็นสีฟ้าสดตัดเป็นชิ้นๆ ประดับลงบนโครงโลหะ)