ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 527 หนีจากความตาย(๑)
หยุนชางจ้องดูเป็นเวลานาน และนั่งลงอย่างระมัดระวัง วางมือบนผ้าห่ม แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ มีเสียงฝีเท้าดังมา ราวกับว่ากำลังเดินตรงมาที่หยุนชาง หยุนชางตกตะลึง และแยกแยะได้ว่ามันไม่ใช่ฝีเท้าของลั่วชิงเหยียน หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางก็นั่งลงและปิดตาลงอีกครั้ง แสร้งทำเป็นว่ากำลังหลับ แต่หลังของนางห่างจากผ้าห่มเล็กน้อย ถ้ามองจากนอกประตูห้องขัง ดูเหมือนว่ากำลังพิงผ้าห่มอยู่
ฝีเท้าใกล้เข้ามา และเบาลงด้วย หูของหยุนชางนั้นรับรู้ได้ไว และฟังได้ชัดเจนมาก เสียงฝีเท้าหยุดลงข้างห้องขังของหยุนชาง และอยู่ห่างจากห้องขังของหยุนชางประมาณสองถึงสามก้าวเท่านั้น
หยุนชางคิดอย่างละเอียด ตอนมาถึงที่นี่นางได้เห็นแล้วว่า ไม่มีผู้คนในห้องขังข้างๆนาง อีกทั้งเมื่อครู่ลั่วชิงเหยียนก็เดินเข้ามาแบบนั้น ถ้ามีคน เขาคงไม่พูดคำเหล่านั้นเป็นแน่
ขณะที่หยุนชางกำลังคิด ก็ได้ยินกลิ่นดอกท้อจางๆ หยุนชางกลั้นหายใจอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงฟังการเคลื่อนไหวรอบๆ หยุนชางได้ยินว่าคนผู้นั้นดูเหมือนจะขยับสองก้าวมายังห้องขังของนาง หลังจากนั้นไม่นานก็เดินจากไป
หลังจากที่คนๆนั้นจากไป หยุนชางก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว หยิบขวดเล็กๆออกมาจากเอวของนาง เทยาออกมากิน แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆสองครั้ง อากาศยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของดอกท้อ หยุนชางเดินไปที่รั้วกรงเหล็กของห้องขัง และมองไปด้านข้าง และเห็นธูปหลายดอกอยู่บนพื้นข้างๆนาง และมีควันสีเขียวขดตัวขึ้น
ดูเหมือนว่าความกังวลของลั่วชิงเหยียนจะไม่ใช่ตีตนไปก่อนไข้ มีใครบางคนต้องการจะฆ่านางในขณะที่นางยังอยู่ในคุกหลวงจริง
หยุนชางยืนขึ้น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสะบัดผ้าห่มออก ฉีกผ้าห่มออกอย่างแรง เอามือเข้าไปข้างในคว้าสำลี แต่ร่างกายของนางต้องชะงัก และถอยกลับไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว
หนอนสีเทาเขียวขนาดเล็กถูกเจาะออกมาจากสำลีหนา แต่แค่โผล่ออกมาและก็ถอยกลับ หยุนชางรู้สึกขยะแขยง ขมวดคิ้ว และคร่ำครวญเป็นเวลานาน ทันใดนั้นเอง เขาก็ยกมือขึ้นเอานิ้วเข้าปาก กัดอย่างแรงจนมีเลือดไหลออกมา หยุนชางรีบหยดเลือดลงบนผ้าห่มห้าหกหยดติดต่อกัน
หลังจากหยุนชางทำสิ่งนี้แล้ว นางก็รีบก้าวถอยหลัง และจ้องไปที่ผ้าห่มอย่างเขม้น หลังจากนั้นไม่นาน หยุนชางก็เห็นตัวหนอนตัวยาวสีเทาเขียวหลายตัวที่มีขนาดตัวเท่านิ้วหัวแม่มือ คลานออกมาจากที่เปื้อนเลือดบนผ้าห่มวนเวียนอยู่รอบๆคราบเลือด ในช่วงเวลาสั้นๆ ตัวหนอนเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆและครอบคลุมผ้าห่มประมาณสามสิบหรือสี่สิบตัว
หยุนชางก้าวถอยหลังอีกสองก้าว และรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
นางรู้จักตัวหนอนตัวนี้ มันถูกเรียกว่าปลิง และมักพบในทะเลสาบและสระน้ำ แม้ว่ามันจะดูเล็กและไม่น่าแปลกใจ แต่มันก็ดุร้ายมากและสามารถดูดเลือดมนุษย์ได้ เมื่อดูดเลือดจะเข้าสู่ร่างกายของคนๆนั้น และเคลื่อนตัวไปมาในร่างกายทำให้ยากต่อการกำจัดออกมา
หากเพียงหนึ่งหรือสองตัว มันจะไม่ทำร้ายถึงแก่ชีวิต แต่ถ้ามีมากมายเหมือนบนผ้าห่มนี้ หากพวกมันทั้งหมดคลานเข้าไปในร่างของหยุนชาง เกรงว่านางจะเสียเลือดและตายในไม่ช้า
ในคุกหลวงไม่มีอะไรนอกจากผ้าห่ม หยุนชางทำได้แค่พักผ่อน เครื่องหอมที่คนเมื่อครู่มาจุดคือยาสลบ ถ้านางสูดดมเครื่องหอม นางก็จะผล็อยหลับไปทันที ตัวหนอนพวกนี้จะคืบคลานเข้าไปในร่างของนางอย่างเงียบๆ ตอนนางหลับ ถ้านางไม่ทันระวังตัว เกรงว่านางคงจะไม่ฟื้นแล้ว
หยุนชางหัวเราะอย่างเย็นชา มีคนต้องการชีวิตของตน แต่นางไม่สามารถทำในสิ่งที่นางต้องการได้ แต่ไม่รู้ว่า คนที่อยากจะกำจัดตนได้เห็นตนยืนอยู่ตรงหน้าในภายหลัง และไม่รู้ว่าจะมีท่าทียังไง
หยุนชางมองดูปลิงที่ยังคงอยู่รอบๆคราบเลือด นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็หยิบขวดเล็กสีขาวออกมาจากเอว มีผงแป้งอยู่ในขวดสีขาวเล็กๆ หยุนชางเดินไปช้าๆ และเทผงแป้งสีขาวทั้งหมดลงบนผ้าห่ม และปกคลุมไปทั่วตัวตัวหนอนตัวเล็กๆเหล่านั้นพวกมันดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หยุดเคลื่อนไหว
หยุนชางจับมุมผ้าห่ม เขย่าผ้าห่ม และเขย่าซากของตัวหนอนเหล่านั้นลงกับพื้น ตรวจสอบอย่างละเอียด และแน่ใจว่าพวกมันไม่มีชีวิตแล้ว จากนั้นก็พับผ้าห่มอีกครั้งและวางมันไว้ที่เดิม
หยุนชางจ้องที่ผ้าห่มอยู่นาน ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้ดี จากนั้นค่อยๆนั่งลง หลับตาและหลับใหลในท่าเดิมเหมือนเมื่อครู่
หลังจากนั้นประมาณชั่วยามครึ่ง หยุนชางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไม่ชัดเจนดังมา มันมากกว่าหนึ่งคน หยุนชางเกี่ยวริมฝีปากของนาง และดูเหมือนว่าถึงเวลาต้องพานางไปเผชิญหน้ากับนางแล้ว
เสียงฝีเท้าหยุดอยู่นอกประตูห้องขังของหยุนชาง หยุนชางได้ยินเสียงประตูคุกถูกเปิดออก แล้วมีคนกระซิบว่า “พระชายารุ่ย พระชายารุ่ย?”
หยุนชางไม่ตอบ และบริเวณโดยรอบก็เงียบไปครู่หนึ่ง ใครบางคน หยุนชางผลักแขน “พระชายารุ่ย ลุกขึ้นเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางยังคงไม่ลืมตา ดูเหมือนมีใครบางคนเอ่ยปาก “ขอข้าดูหน่อย”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นราวกับกำลังเปลี่ยนตำแหน่ง หยุนชางรู้สึกว่ามีคนเอามือมาใกล้จมูกของหยุนชาง และหยุนชางก็กลั้นหายใจอย่างรวดเร็ว หลังจากนิ้วหยุดเป็นเวลานาน หยุนชางก็ได้ยินเสียงที่ดูเหมือนจะตื่นตระหนกในห้องขัง “แย่แล้ว ดูเหมือนพระชายารุ่ยจะไม่หายใจแล้ว”
หยุนชางลืมตาขึ้นตอนที่ชายคนนั้นพูดแย่แล้ว และมองดูชายคนนั้น ชายคนนั้นแต่งตัวเป็นทหารรักษาการณ์ในวัง อายุยี่สิยห้าหรือหก ไว้หนวดเล็กน้อย ดูจากด้านข้าง ดูเหมือนคนธรรมดาไม่โดดเด่นอะไร
“พูดเหลวไหลอะไร!” คนที่อยู่ตรงข้ามเขาเห็นหยุนชางตื่นขึ้นแล้ว และตะโกนอย่างเคร่งขรึม
ชายมีหนวดที่หันหลังให้หยุนชางยังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คนตรงข้ามได้เดินไปหาหยุนชางแล้วคำนับ กล่าวว่า “พระชายาทรงตื่นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยเป็นทหารรักษการณ์ในวัง ฝ่าบาทมีรับสั่งว่า ให้ข้าน้อยพาพระชายาไปตำหนักหารือพ่ะย่ะค่ะ”
ตำหนักหารือ ดูเหมือนว่าจะเอิกเกริกไม่น้อย หยุนชางคิดในใจ สายตาของนางจ้องมองไปที่ชายมีหนวดที่รีบหันศีรษะกลับมา และเห็นเขาจ้องมองที่หยุนชางอย่างเขม้นด้วยสีหน้าแปลกใจ และสีหน้าของเขาก็ค่อยๆซีดลง
หยุนชางยิ้มเยาะเย้ย ฮองเฮาช่างมีวิธีจริงๆ แม้แต่ทหารรักษาการณ์ในวังก็ถูกดึงตัวเข้ามาได้ ไม่แปลกใจเลย เดิมทีนางยังแปลกใจเล็กน้อย ทำไมฮองเฮายังยืนกรานที่จะส่งนางเข้าคุก ก็แค่นำตัวเข้ามาในคุกหลวงครู่เดียว แต่ทหารรักษาการณ์ก็ยังมาเปลี่ยนผ้าห่มใหม่ให้นาง
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างแผ่วเบา “ดี ไปกันเถอะ”
เมื่อเดินออกจากคุกหลวง หยุนชางก็ได้ยินเสียงกระซิบจากข้างหลัง ดูเหมือนว่าชายมีหนวดกำลังพูด หยุนชางตั้งใจฟัง และได้ยินเสียงของเขาพูดอย่างเร่งรีบเล็กน้อย “หัวหน้า ข้าไม่รู้ว่าจะกินอะไรผิดสำแดง ท้องไส้ปั่นป่วน ขอตัวไปทำธุระก่อน ท่านช่วยพาพระชายาไปตำหนักหารือก่อนเถิด”
หยุนชางเผยรอยยิ้มบนมุมปาก เกรงว่าเขาคงงุนงงในใจมาก อยากกลับไปคุกหลวงเพื่อหาคำตอบ