ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 52 หัวจิ้งเข้าวัง
หลังจากเที่ยงวัน ฉิงยีมารายงานว่า "องค์หญิง องค์หญิงหัวจิ้งเข้าวังแล้วเพคะ เพิ่งทานอาหารกลางวันกับฮองเฮาและกำลังเสด็จมาที่นี่"
หยุนชางเลิกคิ้ว "ทำไมล่ะ? ไม่ต้องกักบริเวณแล้วหรือ?"
"ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นเพคะ แต่ว่า องค์หญิง ท่านทำให้นางอับอายในพิธีปักปิ่นขนาดนั้น ครั้งนี้นางจะมาก่อปัญหาหรือไม่เพคะ" ฉิงยีกังวลเล็กน้อย
หยุนชางส่ายหัว "ถ้านางเข้ามาในวังแล้วตรงมาที่ตำหนักชิงซินเลย ข้าก็ต้องระวังตัว แต่ในเมื่อนางไปที่พระราชวังชีอู๋ก่อน ฮองเฮาจะต้องบอกนางอย่างแน่นอนว่า อย่ามาหาเรื่องข้า ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องในวันนั้น ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่า ข้าเป็นคนทำ ถ้านางมาสร้างปัญหาที่ตำหนักชิงซิน หากเป็นเสด็จพ่อทราบเข้า เกรงว่าจะถูกกักบริเวณอีกหนึ่งเดือน"
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น เสียงขันทีดังมาจากด้านนอก "องค์หญิงหัวจิ้งเสด็จ"
หยุนชางรีบลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู ยิ้มให้หัวจิ้งที่เพิ่งก้าวเข้ามาในตำหนักชิงซิน "พี่หญิง"
หัวจิ้งก็ยิ้มเช่นกัน แต่รอยยิ้มยังไม่ถึงจุดสุดสายตา เมื่อเห็นหยุนชางยืนอยู่ที่ประตู นางก็ก้าวไปข้างหน้าและจับมือของหยุนชาง "ชางเอ๋อร์ทานข้าวกลางวันหรือยัง?"
หยุนชางพยักหน้า กล่าวว่า "ข้าทานแล้ว ข้าทานแมงกะพรุนหอมหมื่นลี้ ซุปไข่นกพิราบเมฆและขนมฝูหรง พี่หญิงมาตำหนักชิงซินหายากยิ่งนัก มธุระอัใดหรือไม่เพคะ?"
หัวจิ้งพยักหน้าและกล่าวว่า "อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิด 50ปีของแม่สามีข้า ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ได้พบปะกับเหล่ากุลบุตรในพระราชวังเลยตั้งแต่เจ้ากลับมาที่พระราชวัง พวกนางต่างชื่นชมน้องหญิงที่อ่อนโยนสวยงามและมีความสามารถของข้ามานานแล้ว เสด็จแม่ตรัสว่าให้ข้าพาเจ้าไปด้วย" หัวจิ้งพูด เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ นางก็โน้มตัวไปที่หูของหยุนชางและพูดว่า "ไม่ช้าก็เร็วชางเอ๋อร์ก็จะต้องแต่งงานกับใครสักคน ในฐานะองค์หญิง ถ้าในอนาคตเจ้ามีสามีจะต้องเป็นภรรยาเอก ถ้าภรรยาเอก เช่นนั้นก็ต้องเรียนรู้งานเลี้ยงเหล่านี้ด้วย ตอนข้าแต่งงานใหม่ๆ ข้าไม่รู้อะไรเลย ต้องเรียนรู้นานพอควร โชคดีที่ไม่ได้ตกเป็นขี้ปากคน หลายวันมานี้ข้าก็จะจัดงานเลี้ยงพอดี เจ้าไปที่จวนของข้าพักสักสองสามวัน ข้าจะได้สอนเจ้าให้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น"
หยุนชางได้ยิน จึงพูดด้วยความแปลกใจ "พี่หญิงเต็มใจที่จะสอนชางเอ๋อร์จริงๆหรือเพคะ ชางเอ๋อร์โง่มากเลยนะเพคะ"
"เจ้ากำลังพูดอะไร เจ้าเป็นน้องสาวของข้านะ ถ้าข้าไม่สอนเจ้าข่าจะไปสอนใครล่ะ" หัวจิ้งดุ แสร้งทำเป็นโกรธ
หยุนชางพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า "อือๆ ชางเอ๋อร์เต็มใจ พี่หญิงรอชางเอ๋อร์เก็บของก่อนนะเพคะ" หลังจากพูดนางก็หยุดชั่วคราว ราวกับคิดอะไรบางอย่างและตะโกน "แย่จริง ในวันนี้ชุดโปรดของชางเอ๋อร์ถูกส่งไปยังแผนกซักรีด ข้าต้องการนำชุดนั้นไปด้วยเพคะ"
หัวจิ้งไม่ได้แสดงท่าทีโกรธ แต่เพียงแค่ยิ้มและพูดว่า "ไม่ต้องรีบ พรุ่งนี้พี่หญิงค่อยมารับเจ้าก็แล้วกัน"
ทันทีที่หัวจิ้งจากไป ฉิงยีก็รีบเข้ามาใกล้และพูดว่า "องค์หญิง องค์หญิงหัวจิ้ง คือต้องการจะ"
"ผู้มาเยือนไม่หวังดี" หยุนชางหลับตาและไตร่ตรองสักครู่ ในภพที่แล้วหลังจากพิธีปักปิ่นก็เคยไปพักที่จวนองค์หญิงหัวจิ้งสักพัก ตอนนั้นหัวจิ้งบอกว่านางอยู่จวนน่าเบื่อ จึงชวนนางมาเป็นเพื่อน หลังจากที่นางไป หัวจิ้งก็จัดงานเลี้ยงบ่อยๆ และให้นางค่อยๆคุ้นเคยกับโม้จิ้งหราน และค่อยๆเชื่อในตัวชายคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากกลับมาที่วัง ก็ขอให้ฮองเฮาประทานอภิเษกสมรสแก่นาง
นี่คือชีวิตนี้ ทั้งๆที่นางได้รวมเข้ากับโม่จิ้งหรานและหัวจิ้งด้วยกัน อีกอย่าง เสด็จพ่อไม่ใช่ตำหนิหัวจิ้งที่ชอบจัดงานเลี้ยงแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมนางยังถึงทำอีก?
"อีกไม่นานก็จะถึงวันเหมายัน ไม่รู้ว่าทำไมหัวจิ้งถึงพาข้าออกวังในเวลานี้ ช่างเถอะ เป็นสุนัขจิ้งจอกมักจะโชว์หางของมัน เมื่อนางแสดงหางออกมา ข้าก็จับหางและบิดมันอย่างแรง เมื่อพูดถึงหัวจิ้ง หยุนชางจำได้ว่า ปีนี้ ดูเหมือนว่าราชบุตรเขยของหัวจิ้งใกล้ตายจากการออกศึกแล้ว หยุนชางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภพก่อน "ไปเรียกเฉี่ยงอินมา"
เฉี่ยงอินรีบมา หยุนชางจึงกล่าวว่า "จะมีการเปลี่ยนแปลงในชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ เจ้าส่งคนไปซื้อเมล็ดพืชที่นั่นไว้ และขนส่งไปยังเมือง 30ลี้จากชายแดน โดยไม่คำนึงถึงทหารในทางตะวันตกเฉียงเหนือจะเป็นเช่นไร ก็ไม่ให้เมล็ดพืชแม้แต่น้อย"
"แต่ว่า องค์หญิงเพคะ ทหารที่ชายแดนไม่มีเมล็ดพืชก็ต้องพ่ายแพ้ต่อสงครามมิใช่หรือเพคะ?" เฉี่ยงอินได้ยินก็ประหลาดใจเล็กน้อย
"สิ่งที่ข้าต้องการคือความพ่ายแพ้นั้น" ในภพก่อน ราชบุตรเขยของหัวจิ้งเสียชีวิตในช่วงปีใหม่ และเสียชีวิตในสนามรบหลังจากขาดเสบียง ครั้งนี้ นางแค่กรุณา ให้หัวจิ้งได้รับผลกรรมที่นางสมควรได้รับมาก่อนหน้านี้ มันไม่มีความสุขเลยที่เห็นนางได้ใจอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ยืนขึ้นและพูดกับฉิงยีว่า "ไป ข้าจะไปแผนกซักล้างด้วยตัวเอง"
หยุนชางพาฉิงยีไปที่แผนกซักล้างมมีความวุ่นวายในแผนกซุกล้าง ฉิงยีพาหยุนชางไปหาหญิงวัยกลางคนและพูดว่า "ซีมามา ท่านนี้คือองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว ยังไม่มาถวายพระพรเร็ว"
หญิงวัยกลางคนคุกเข่าลงและกล่าวว่า "หม่อมฉัน ถวายพระพรองค์หญิง"
หยุนชางโบกมือและพูดว่า "ลุกขึ้นเถอะ พรุ่งนี้พี่หญิงจะพาข้าไปเที่ยวในจวนองค์หญิง แต่วันนี้กระโปรงตัวโปรดของข้าได้ส่งมาซัก เจ้าช่วยข้าหาดู ดูว่า.กเสร็จหรือยัง สักครู่ข้าจะนำมันไปด้วย"
ซีมามาตอบรับอย่างอย่างรวดเร็ว ฉิงยีเลยพูดว่า "ซีมามา ท่านพาข้าไปด้วยเถอะ"
ซีมามาและฉิงยีออกจากประตู หลังจากนั้นไม่นาน ประตูถูกเปิดออก ชายคนหนึ่งที่แต่งกายเหมือนขันทีก็เดินเข้ามา แต่ร่างกายของเขาง่อนแง่นเล็กน้อย เสื้อผ้าของเขาก็ไม่สะอาดสะอ้าน
"เสี่ยวลินจื่อ?" หยุนชางขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ
ขันทีคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว "เสี่ยวหลินจื่อถวายพระพรองค์หญิง"
"เสี่ยวหลินจื่อยกศีรษะของเจ้าสิ" หยุนชางพูดเบาๆ
ขันทีตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น หยุนชางเห็นว่ามีรอยแผลอันลึกบนใบหน้าด้านซ้ายของเขา หยุนชางถอนหายใจและไม่ได้ถามเกี่ยวกับที่มาของแผลเป็น แต่พูดเบาๆ ว่า "หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว ข้าควรจะพาเจ้าไปตั้งแต่แรก"
เสี่ยวหลินจื่อส่ายหัว "กระหม่อมไม่ลำบากพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กระหม่อมได้เห็นองค์หญิงยืนอยู่ที่นี่ด้วยสุขภาพที่ดี เสี่ยวหลินจื่อก็มีความสุขมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางถอนหายใจอีกครั้ง "ตอนนี้ข้าไม่สะดวกที่จะลงมือ เจ้าทนอีกสักหน่อย อีกไม่นาน ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่ เมื่อถึงเวลา ข้าจะให้เจ้าเป็นพ่อบ้านของตำหนักชิงซิน"
เสี่ยวหลินจื่อหมอบลงกับพื้นและพูดด้วยรอยยิ้ม "องค์หญิง เจ็ดปีที่ผ่านแล้ว กระหม่อมไม่ได้ช่วยฮองเฮาที่ทำร้ายท่าน เพราะหม่อมฉันไม่อาจทำลายความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่ว่า พวกเขาไม่ยอมที่จะปล่อยกระหม่อม องค์หญิง จนถึงตอนนี้ กระหม่อมก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมพวกนางถึงปฏิบัติต่อกระหม่อมเช่นนี้?"
หยุนชางจ้องมองที่เสี่ยวหลินจื่อเป็นเวลานาน ก่อนที่จะพูดว่า "พวกนางทำเช่นนี้กับเจ้า เจ้าเกลียดพวกนางหรือไม่?"
"เกลียดมั้งพ่อย่ะค่ะ แต่เกลียดหรือไม่แล้วยังไงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นคนจำฝังใจ ความแค้นนี้กระหม่อมจะชำระอย่างแน่นอน กระหม่อมเคยคิดว่าองค์หญิงจะนึกถึงหม่อมหรือไม่ ไม่คาดคิดว่า องค์หญิงจะพบกระหม่อมได้เร็วเช่นนี้ กระหม่อมจะจดจำความเมตตานี้ไว้พ่ย่ะค่ะ" เสียงของเสี่ยวหลินจื่อสะอื้นเล็กน้อย
"ชำระ!" หยุนชางกล่าวด้วยเสียงดัง "แค้นนี้ควรได้รับการชำระคืนอย่างแน่นอน ข้าผู้นี้จะช่วยเจ้าทำตามความปรารถนานี้ก่อน แล้วจึงรับเจ้ากลับไปที่ตำหนักชิงซิน เพื่อกินบัวลอยข้าวหมัก"