ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 519 การประทินโฉม
เรื่องที่เกิดขึ้นในวังวันนั้น หยุนชางรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะเก็บมาใส่ใจ นางได้ยินมาแค่เพียงว่า ท่านชายน้อยได้เปลี่ยนพระนมใหม่แล้ว พระนมใหม่แซ่หลิว ชื่อเฉี่ยนเหยียน เดิมทีเป็นบ่าวที่คอยดูแลท่านฮูหยินในจวนซูไท่เว่ย นางเพิ่งเข้ามาอยู่ในจวนได้ไม่นานนัก ได้ยินว่าลูกของนางถูกโจรอุ้มไป หลิวเฉี่ยนเหยียนได้มาพบกับท่านฮูหยินระหว่างที่กำลังออกตามหาลูก ท่านฮูหยินสงสารและเห็นใจนาง จึงรับนางเข้ามาอยู่ด้วย แล้วยังช่วยหาสารพัดวิธีตามสืบเรื่องลูกของนาง จนช่วยลูกของนางกลับมาได้ ทำให้หลิวเฉี่ยนเหยียนสำนึกในบุญคุณและจงรักภักดีต่อท่านฮูหยินเป็นที่สุด
“จงรักภักดี……” หยุนชางกำลังหยอกล้อกับนกแก้วคู่หนึ่งที่ลั่วชิงเหยียนเพิ่งจะมอบให้กับนาง เมื่อนางได้ฟังเสียงของนกแก้วก็ยิ้มออกมา นกแก้วพูดคำเดิมซ้ำถึง 2 ครั้ง
“จงรักภักดี จงรักภักดี” นกแก้วทั้งสองสลับกันลอกเลียนเสียงของหยุนชางไปมา แม้แต่น้ำเสียงดูแคลนก็ลอกเลียนแบบได้เหมือนจริงเสียด้วย หยุนชางหัวเราะ นางหยิบเมล็ดพืชโยนเข้าไปในกรงนก แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้านกแก้ว 2 ตัวนี่ตลกดีนะ แต่ข้าเป็นคนไม่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกๆแบบนี้ในที่พักอาศัยเลย นำนกพวกนี้ส่งเข้าไปในวัง มอบให้กับหนิงเชียนก็แล้วกัน”
เฉี่ยนอินรับคำ นางสั่งให้คนถือกรงนก แล้วนำออกไปนอกจวน
หยุนชางกลับมานอนเอนกายบนตั่ง ไม่นานนัก เฉี่ยนอินก็เดินตามเข้ามา นางมองซ้ายมองขวาแล้วจึงกระซิบเบาๆว่า “หม่อมฉันได้ยินว่าพวกใต้เท้าในวังกำลังพากันกราบทูลฮ่องเต้เรื่องการคัดเลือกสตรีเพื่อเข้าวังที่จัดขึ้นเพียง 3 ปีครั้ง พวกเขาขอให้ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้มีการคัดเลือกหญิงสาวที่เพียบพร้อมเข้าไปในวังเพคะ”
หยุนชางพยักหน้า “แคว้นเซี่ยมีธรรมเนียมการคัดเลือกสตรีเข้าวัง ทุกๆ 3 ปีจะจัดขึ้น 1 ครั้ง ทั้งคนหน้าเก่าและหน้าใหม่ในวังหลังแห่งนี้ จะอยู่ร่วมกันเช่นนั้นได้หรือ เกรงว่าจะเกิดการแก่งแย่งชิงดีขึ้นมาอีกน่ะสิ”
เฉี่ยนอินเห็นว่าหยุนชางเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจ นางจึงพูดต่อไปว่า “พระชายาไม่ได้เคยตรัสว่า พี่ฉินยีกำลังฝึกฝนหญิงสาวที่เพียบพร้อมสำหรับการเข้าวังอยู่หรอกหรือเพคะ? ตอนนี้นับว่าโอกาสมาถึงแล้วนะเพคะ”
“ดูเจ้าจะใจร้อนจริงๆนะ” หยุนชางหัวเราะแล้วส่ายหน้า “ดูความใจร้อนของเจ้าสิ สงสัยสายลับจะยังไม่เคยบอกเจ้ามาก่อนว่า การคัดเลือกสตรีเพื่อเข้าวังนั้น บรรดาเจ้านายในวังหลังไม่ค่อยอยากจะให้จัดขึ้นเท่าไรนัก พวกนางเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ มีแต่พวกรองเจ้ากรมอาญาหลี่เฉี่ยนโม่และใต้เท้าคนอื่นๆที่เห็นดีเห็นงาม แล้วพยายามทูลขอให้ฮ่องเต้ทรงรีบตัดสินพระทัยเรื่องนี้โดยเร็ว”
เมื่อเฉี่ยนอินได้ฟังแล้วก็หัวเราะออกมา “หม่อมฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่าเหตุใดพระชายาจึงยังดูนิ่งนอนพระทัย ที่แท้ ก็ทรงมีแผนนี่เอง ปล่อยให้หม่อมฉันร้อนใจอยู่คนเดียวตั้งนาน”
หยุนชางหัวเราะ แล้วพูดว่า “ข้าเคยพูดไปแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นเพียงลูกนกที่ขนยังขึ้นไม่เต็มที่ จึงยอมปล่อยให้พวกเขาจับเล่นตามอำเภอใจ อีกไม่นาน รอวันที่ข้าปีกกล้าขาแข็ง เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ผู้ใดที่เคยมาระรานข้า ข้าจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”
เฉี่ยนอินเองก็มีแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเคืองแค้น นางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “หม่อมฉันเชื่อว่าพระชายาต้องทรงทำได้แน่นอนเพคะ”
หยุนชางยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน “วันก่อน ทางหอของเฉียนสุ่ยอี้เหรินได้ส่งชุดกระโปรงรัดเอวสีม่วงลายเมฆมาให้หรือเปล่า? แล้วก็พวกเครื่องประดับที่ทำใหม่อีก?”
เฉี่ยนอินพยักหน้า “ส่งมาแล้วเพคะ พระชายาจะนำไปมอบให้ใครงั้นหรือเพคะ?”
“มอบให้ใคร?” หยุนชางเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “ไยต้องมอบให้คนอื่นด้วยเล่า ไปนำมาให้ข้าลองสวมดูซิ อีกประเดี๋ยวข้าจะไปที่ตำหนักเซียงจู๋สักหน่อย ได้ยินว่าที่ตำหนักเซียงจู๋มีนางสนมและนางในคอยเข้าๆออกๆไม่น้อยเลย”
เฉี่ยนอินไม่เข้าใจว่าหยุนชางต้องการทำอะไร แต่ก็ไปนำของมาถวายให้นาง เมื่อหยุนชางสวมใส่ชุดนั้นแล้ว ก็ดูสดใสสวยงามขึ้นมาทันตา “ปกติแล้วพระชายาโปรดฉลองพระองค์หลวมๆ แบบนั้นดูพริ้วก็จริงแต่ก็ไม่ค่อยเน้นความเป็นผู้หญิง ฉลองพระองค์รัดเอวตัวนี้ เกรงว่าเมื่อท่านอ๋องกลับมาจะทรงละสายตาไม่ได้แน่ๆเลยเพคะ ส่วนเครื่องประดับที่ทางหอของเฉียนสุ่ยอี้เหรินส่งมาให้ก็ดูวิจิตรขึ้นกว่าที่ผ่านมาอีกนะเพคะ แม้จะไม่ได้ดูหรูหราแบบที่ผู้มีฐานะสวมใส่กัน แต่ก็ดูเหมาะสมและมีความเป็นผู้ดี อย่างเช่น ต่างหูไข่มุกสีม่วงคู่นี้ กับปิ่นหยกม่วงสลักลายทองอันนี้เพคะ”
หยุนชางชูต่างหูขึ้นมา แล้วพูดกับเฉี่ยนอินว่า “เจ้าไปบอกเฉียนสุ่ยนะ ว่าข้าพอใจในผลงานของพวกนางครั้งนี้มาก”
เฉี่ยนอินรับคำ แล้วพยุงหยุนชางลุกขึ้นยืน “หม่อมฉันได้เลือกสาวใช้คนใหม่มา 2 คนไว้สำหรับรับใช้พระชายาแล้วเพคะ พวกนางผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดี หม่อมฉันจะเรียกพวกนางเข้ามาให้พระชายาทอดพระเนตรนะเพคะ การเข้าวังครั้งนี้ของพระชายามิได้มีอะไรเป็นทางการมาก ลองพาพวกนางไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อยก็ดีนะเพคะ”
“พระชายา พวกนางมาแล้วเพคะ” เฉี่ยนอินร้องบอกมาจากด้านหลัง หยุนชางหันหลังไปดู ก็ได้พบกับหญิงสาววัย 14-15 สองนางยืนอยู่ แม้จะอายุยังน้อย แต่พวกนางก็ดูหนักแน่น รูปร่างหน้าตาก็ถือว่าไม่เลว หยุนชางพยักหน้า นางยิ้มแล้วเอ่ยถามพวกนางว่า “พวกเจ้าชื่ออะไรกันบ้างล่ะ?”
คนขวาที่ดูจะเงียบขรึมหน่อยทำการคารวะ “หม่อมฉันชื่อเฉี่ยนหลิ่วเพคะ” คนขวาดูจะเป็นคนร่าเริงแจ่มใสก็รีบพูดต่อทันที “หม่อมฉันชื่อเฉี่ยนจั๋วเพคะ”
หยุนชางพยักหน้า “เป็นชื่อที่ดีทั้งคู่เลย รับพวกเจ้าเข้ามาคอยติดตามข้า”
สาวใช้ทั้งสองน้อมตัวคารวะ แววตาของพวกนางเปี่ยมล้นไปด้วยความปลื้มปิติ หยุนชางยิ้มให้ แล้วลุกขึ้นยืน “ให้พ่อบ้านเตรียมรถม้าไว้แล้วหรือยัง?”
เฉี่ยนอินรีบตอบ “เตรียมไว้พร้อมแล้วเพคะ”
หยุนชางพยักหน้า นางพาเฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วขึ้นรถม้า มุ่งหน้าสู่พระราชวัง
พอเข้าช่วงบ่าย หยุนชางก็ได้มาถึงประตูวัง นางก็ได้เห็นลั่วชิงเหยียนกำลังเดินออกมาจากในวัง ด้านหลังของเขามีอ๋องเจ็ดและหลิ่วหยินเฟิงเดินตามมาด้วย หยุนชางเห็นดังนั้นแล้วก็หยุดเดิน แล้วยืนดูลั่วชิงเหยียน เมื่อลั่วชิงเหยียนเห็นนางก็ถึงกับตาลุกวาว เขารีบก้าวเดินเข้ามาหานางในทันที เขาสังเกตนางอย่างละเอียดแล้วจึงถามขึ้นมาว่า “เหตุใดวันนี้เจ้าจึงแต่งตัวเช่นนี้เล่า? นี่จะเข้าไปในวังงั้นหรือ? ไปที่ใด? ตำหนักเซียงจู๋งั้นหรือ?”
หยุนชางอมยิ้ม “ท่านอ๋องถามหม่อมฉันมาเยอะขนาดนี้ จะให้หม่อมฉันเริ่มตอบจากตรงไหนก่อนล่ะเพคะ?”
แล้วนางก็หันไปมองอ๋องเจ็ดและหลิ่วหยินเฟิง นางยิ้มทักทาย “ท่านอ๋องเจ็ด คุณชายหลิ่ว”
“ที่แท้ก็พี่สะใภ้นั่นเอง” อ๋องเจ็ดเอ่ยขึ้นพลางยิ้ม “เช่นนั้นข้ากับหยินเฟิงขอไปรอท่านพี่ใหญ่ที่นอกประตูวังก็แล้วกันนะพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบก็แสดงความเคารพต่อหยุนชาง แล้วเดินจากไป
หลิ่วหยินเฟิงแอบจ้องมองหยุนชางอยู่ครู่หนึ่ง สักพัก ก็รีบเดินตามอ๋องเจ็ดไป
“เหตุใดจึงเพิ่งออกจากวังมากันตอนนี้ล่ะเพคะ แล้วนี่จะไปที่ใดกันหรือ?” หยุนชางหรี่ตาถาม
ลั่วชิงเหยียนจูงมือหยุนชางแล้วพูดกับนางเบาๆว่า “หลังจากนี้ 1 เดือนจะมีการคัดเลือกสตรีเพื่อเข้าวัง โดยมีข้าเป็นผู้ดูแลจัดการ ข้า อ๋องเจ็ดและหลิ่วหยินเฟิงกำลังจะไปที่กรมพิธีการ เพื่อดูว่าสิ่งที่ต้องเตรียมได้เตรียมพร้อมกันไปถึงไหนแล้ว รายชื่อก็ต้องยื่นถวายให้กับเสด็จพ่อในวันพรุ่งนี้แล้ว”
หยุนชางพยักหน้า “หม่อมฉันจะไปนั่งคุยที่ตำหนักเซียงจู๋เสียหน่อย ท่านไปดูงานก่อนเถอะเพคะ ประเดี๋ยวพวกเขาจะรอนาน”
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า เขาส่งยิ้มให้หยุนชางแล้วเดินจากไป
หยุนชางมองดูพวกเขาเดินออกไปจากประตูวัง แล้วนางก็หันหลังกลับเพื่อมุ่งหน้าสู่ตำหนักเซียงจู๋ หนิงเชียนไม่นอนกลางวันเป็นปกติอยู่แล้ว ในตอนนี้ นางกำลังชงชา ดูท่าทางของนางแล้ว เหมือนจะกำลังฝึกฝนศิลปะการชงชาอยู่ มีถ้วยชาวางอยู่ข้างๆจำนวนหนึ่ง แต่ละถ้วยมีน้ำชาอยู่ข้างใน
“ท่านมาแล้วหรือ” หนิงเชียนเห็นหยุนชางเดินเข้ามาก็รีบวางกาน้ำชาในมือลง นางลุกขึ้นยืนแล้วสั่งนางกำนัลไปนำเก้าอี้มา เมื่อหยุนชางนั่งลงแล้ว หนิงเชียนก็มองนางอย่างพินิจพิเคราะห์ “วันนี้ท่านสวมฉลองพระองค์ได้งามนัก ดูแล้วเป็นผลงานของหอเฉียนสุ่ยอี้เหรินใช่หรือไม่?”
หยุนชางได้ฟังก็ยิ้มออกมา “ผลงานคนของท่าน ท่านมองเพียงแวบเดียวก็มองออกแล้ว ข้าได้ยินว่าช่วงนี้ สถานที่แห่งนี้คึกคักนัก เหตุใดจึงมีท่านอยู่เพียงคนเดียวล่ะ?”
หนิงเชียนได้ฟังก็ยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน “ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดท่านจึงสวมฉลองพระองค์ที่งดงามเช่นนี้มาถึงที่นี่ ที่แท้ก็มีจุดประสงค์นี่เอง ตอนนี้เป็นช่วงนอนกลางวัน พวกนางกำลังพักผ่อนในที่พักของตนเอง อีกไม่ถึงชั่วยาม พวกนางก็คงจะทยอยมาที่นี่กันแล้วล่ะ”
หยุนชางพยักหน้า นางนั่งดูหนิงเชียนชงชา “เหตุใดท่านจึงนึกอยากจะชงชาขึ้นมาล่ะ?”
หนิงเชียนยิ้ม “ฮ่องเต้รับสั่งว่าข้าเพียบพร้อมทุกด้าน ขาดแต่เรื่องการชงชาที่ยังชงได้ไม่ออกรสเท่าไร ข้าได้ยินมาว่าพระองค์โปรดชาเมิ่งติ่งฉือฮวามาก ช่วงนี้ข้าก็ไม่มีธุระอันใด จึงลองชงดูไปเรื่อยๆ ข้าอยากรู้ว่าต้องชงอย่างไรจึงจะได้ชาที่มีรสเลิศ”
หยุนชางได้ฟังแล้วก็ยื่นมือไปหยิบถ้วยน้ำชาถ้วยหนึ่งมาชิมดู
“เป็นอย่างไรบ้าง? รสชาติดีกว่าเมื่อก่อนหรือไม่?” หนิงเชียนยิ้มให้กับหยุนชาง นางรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“อืม” หยุนชางวางถ้วยชาลง นางยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “ชานี้เป็นชาที่ดีมาก แต่การชงชาน้ำแรกของท่าน ดูเหมือนจะใช้น้ำที่ร้อนเกินไปเสียหน่อย”
เมื่อหนิงเชียนได้ฟัง นางก็ลองชิมชาดูบ้าง แล้วนางก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “แต่ข้ากลับสัมผัสความแตกต่างไม่ได้เลย แต่ในเมื่อท่านบอกว่าใช้น้ำที่ร้อนเกินไป ก็คงจะเป็นเช่นนั้น ครั้งหน้าข้าจะระวังให้มากกว่านี้”
ทั้งสองสนทนากันต่อสักพัก เหล่าสนมและนางในชั้นสูงก็ทยอยเดินเข้ามาพร้อมด้วยนางกำนัลของตนเอง เมื่อพวกนางได้พบกับหยุนชางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “นี่พระชายารุ่ยอ๋องก็มาที่นี่ด้วยหรือเพคะ?”
หนิงเชียนยิ้มแล้วเรียกคนมาเก็บอุปกรณ์การชงชา “วันนี้ข้าพอมีเวลาว่างก็เลยลองศึกษาวิธีชงชาดู ได้ยินว่าพระชายารุ่ยอ๋องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการชิมชา จึงได้ให้คนไปเชิญนางมาที่นี่น่ะ”
หยุนชางกวาดสายตาสำรวจเหล่าสนมและนางใน นางเคยดูภาพอธิบายลำดับขั้นของสตรีวังหลังมาแล้ว ทำให้นางรู้ว่า เหล่าสนมและนางในกลุ่มนี้ เป็นเพียงนางในชั้นสูงเท่านั้น แต่นั่นก็ยังพอมีข้อดีอยู่บ้าง