ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 518 นายและบ่าว
ลั่วชิงเหยียนเงียบไปอยู่นาน นานจนหยุนชางคิดว่าเขาคงพูดจบแล้ว เมื่อนางกำลังจะเอ่ยปากพูดต่อ กลับมีเสียงที่เต็มไปด้วยความกดดันพูดแทรกขึ้นมา “ชางเอ๋อร์ ข้าขอโทษ”
หยุนชางรู้สึกราวกับมีเชือกมาผูกมัดดวงใจเอาไว้จนแน่น นางรู้สึกทำตัวไม่ถูก และไม่สามารถทำใจให้สงบนิ่งได้ สักพัก หยุนชางก็กุมมือของลั่วชิงเหยียน แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ชิงเหยียน ท่านอย่าตำหนิตัวเองเช่นนั้นเลยนะ” เมื่อพูดจบ ก็ยิ้มให้เป็นการปลอบประโลม “หม่อมฉันเคยผ่านเรื่องราวร้ายๆมามากเกินกว่าที่ท่านจะจินตนาการได้ เรื่องแค่นี้หม่อมฉันต้องผ่านมันไปได้อยู่แล้วเพคะ เพราะว่าในตอนนี้ ข้างกายของหม่อมฉันมีท่านอยู่ด้วยอย่างไรล่ะเพคะ”
จากนั้น หยุนชางยังบอกอีกว่า “แต่ว่า พวกเราจะนิ่งนอนใจเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้วนะเพคะ ที่ผ่านมาหม่อมฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่แคว้นเซี่ย และเข้ามาอยู่ท่ามกลางสงครามเย็นในแคว้นเซี่ย สายลับและกองกำลังแฝงที่พวกเราเคยฝึกฝนและคุ้นเคยกับพวกเขาก็ล้วนเป็นคนแคว้นหนิง ข้อมูลคนในวังหลวง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของแคว้นหนิง รูปแบบการปกครองของวังหลังแห่งแคว้นหนิง หากยังคงอยู่ในแคว้นหนิง ทุกอย่างคงไม่เกินความสามารถของพวกเขา มาวันนี้แม้จะต้องพบเจออุปสรรค แต่ทุกอย่างจะค่อยเป็นค่อยไปเองเพคะ ผู้ที่คอยปองร้ายและเล่นงานพวกเราอยู่ทุกวันนี้ หม่อมฉันจดจำเอาไว้ทุกผู้ทุกคนแล้วเพคะ รออีกไม่นาน หม่อมฉันจะต้องเอาคืนพวกเขาแน่นอนเพคะ”
ลั่วชิงเหยียนเริ่มคลายความอัดอั้น เขาโอบกอดหยุนชางเอาไว้ในอ้อมอก แล้วยิ้มอย่างสุขใจ “ได้ ข้าเองก็พอจะจัดเตรียมลู่ทางเอาไว้บ้างแล้ว รออีกไม่เกิน 10 วัน ทุกอย่างคงจะเตรียมพร้อม เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าคิดจะทำอะไร ข้าก็พร้อมที่จะสนับสนุนเจ้าเต็มที่”
หยุนชางยิ้ม นับตั้งแต่ที่นางกลับมาเกิดใหม่ ในใจของนางก็ถูกสุมไปด้วยไฟแค้น และไฟแค้น ก่อนหน้าที่จะได้มาพบกับลั่วชิงเหยียน ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางตระเตรียมก็ล้วนมาจากไฟแค้นข้างในใจ นับเป็นความโชคดีที่นางได้มาพบเขา ทำให้นางรู้ว่า บนโลกใบนี้ ยังมีคนที่รักและทะนุถนอมนางเป็นอย่างดี นับจากนี้เป็นต้นไป พละกำลังทุกอย่างที่นางมี จะมิได้มีเพื่อการแก้แค้นอีกต่อไป แต่จะมีเพื่อปกป้องดูแลคนที่นางรัก คนที่นางใส่ใจเท่านั้น
เมื่อกลับมาถึงจวนรุ่ยอ๋อง เฉี่ยนอินที่กำลังชะเง้อคอยอยู่ เมื่อได้เห็นลั่วชิงเหยียนและหยุนชางก็ยิ้มหน้าชื่นขึ้นมาทันที “ท่านอ๋อง พระชายา การเข้าวังในวันนี้ทุกอย่างราบรื่นดีไหมเพคะ?”
หยุนชางยิ้ม แต่ไม่ยอมตอบคำถาม “สั่งให้คนไปเตรียมน้ำให้ท่านอ๋องสรงด้วย”
“เตรียมเรียบร้อยแล้วเพคะ น้ำยังคงความร้อนอยู่ตลอดเวลา ตอนที่ท่านอ๋องกับพระชายากำลังเข้ามาในจวน หม่อมฉันก็ได้รับรายงานแล้ว จึงได้เตรียมน้ำไว้รอเพคะ” เฉี่ยนอินพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หยุนชางได้ฟังดังนั้นแล้วจึงยิ้ม “เฉี่ยนอินช่างใส่ใจเก่งขึ้นทุกวันเลยนะ” พูดจบก็ช่วยลั่วชิงเหยียนถอดชุดคลุมออก แล้วนำชุดคลุมวางเอาไว้
ลั่วชิงเหยียนก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากของหยุนชาง แล้วเดินเข้าไปสรงน้ำ
หยุนชางมองดูลั่วชิงเหยียนเดินเข้าไปในห้องสรงน้ำ แล้วจึงจูงมือเฉี่ยนอินมานั่งพูดคุยที่ตั่ง นางถอนหายใจออกมาเบาๆ “ในวังวันนี้ข้าถูกเล่นงานอีกแล้ว”
เฉี่ยนอินได้ฟังก็ตกใจ “เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ?”
หยุนชางได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวังวันนี้ให้เฉี่ยนอินฟัง เฉี่ยนอินยิ่งได้ฟังก็ยิ่งโกรธ รอจนหยุนชางพูดจบ นางก็กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ “หากอยู่ที่แคว้นหนิง คงไม่มีใครหน้าไหนบังอาจมาทำเช่นนี้กับพระชายาหรอกเพคะ!”
หยุนชางพยักหน้า นางได้แต่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ก็ใช่น่ะสิ แต่น่าเสียดาย ที่นี่ไม่ใช่แคว้นหนิง” หยุนชางเงียบไปสักพัก แล้วจึงเงยหน้ามาพูดกับเฉี่ยนอินด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เฉี่ยนอิน มีอยู่เรื่องหนึ่ง ข้าคิดมานานแล้ว ข้าว่ามอบหมายเรื่องนี้ให้เจ้าไปจัดการจะเหมาะที่สุด”
เฉี่ยนอินจ้องมองสายตาของหยุนชาง แล้วจึงรีบถามกลับไป “เรื่องอะไรเพคะ? เชิญพระชายาสั่งมาได้เลยเพคะ”
หยุนชางเรียบเรียงคำพูดอยู่ในใจ แล้วจึงพูดขึ้นมาว่า “เจ้าเองคงจะรู้ดีว่าสายลับยังไม่คุ้นชินกับข้อมูลต่างๆในแคว้นเซี่ย แม้ที่ผ่านมาหนิงเชียนจะคอยส่งคนไปสอดแนมเรื่องราวต่างๆ แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ บวกกับสถานะของหนิงเชียนในตอนนี้ คงจะลงมือทำอะไรไม่ค่อยสะดวกนัก”
“พระชายาทรงอยากให้หม่อมฉันทำอย่างไรหรือเพคะ?” เฉี่ยนอินกุลีกุจอถาม
หยุนชางมองไปที่เฉี่ยนอิน “ข้าอยากให้เจ้าออกไปอยู่ข้างนอกจวนรุ่ยอ๋อง ปลอมตัวไปที่เมืองจิ่น คอยรับผิดชอบดูแลประสานงานกับสายลับ”
เฉี่ยนอินพลันหน้าซีดขึ้นมาในทันที
เฉี่ยนอินมองหน้าหยุนชาง หยุนชางพูดต่อไปว่า “ฉินยีอยู่ในวังมานานมาก นางรู้ธรรมเนียมวัง และรู้จักนางสนมนางกำนัลแต่ละคนเป็นอย่างดี ข้าได้ให้คนไปคัดเลือกหญิงงามผู้เพียบพร้อม และให้ฉินยีคอยฝึกฝนนางอยู่ลับๆ ไม่ว่าจะที่แคว้นหนิงหรือแคว้นเซี่ย ข้าก็ต้องการคนเช่นนี้เพื่อเข้าวังไปเป็นพระสนมหรือนางในระดับสูง ไม่ใช่ว่าคนของเราที่มีอยู่ไม่ดีพอ แต่พวกนางเป็นได้เพียงนางกำนัลธรรมดาทั่วไป ไม่มีความพิเศษใดๆ ในวังยังมีอีกหลายตำแหน่ง ไม่เพียงแต่สนมหรือนางในชั้นสูง หากหอพระราชสมบัติ สำนักพระภูษาตกอยู่ในมือคนของเราได้ ก็คงจะดีไม่น้อย”
เฉี่ยนอินได้ฟังก็ตีความอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “พระชายาทรงต้องการให้ทุกอย่างในวังหลังมีคนของเราคอยควบคุมดูแลเช่นนั้นหรือเพคะ?”
“ข้าไม่ขอเน้นที่ปริมาณ หากแต่ต้องการเน้นไปที่คุณภาพมากกว่า”แต่หนิงเชียนไม่อาจสั่งการอย่างออกนอกหน้าได้ ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยข้าควบคุมดูแลกองกำลังแฝงเหล่านี้ จึงดูเหมือนเป็นกองทรายที่ไม่เป็นระเบียบ เจ้าอยู่กับข้ามานาน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนมีฝีมือ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือข้าเชื่อใจเจ้าได้ เจ้าจะยอมช่วยข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”
ดวงตาของเฉี่ยนอินราวกับมีหยดน้ำเอ่อล้นออกมา นางผงกหัวสุดกำลัง “ได้สิเพคะ”
หยุนชางจึงยิ้มออกมาได้ “ดีมาก ข้ารอคำตอบนี้จากปากเจ้า เฉี่ยนอิน ข้ารู้ว่าเพราะเรื่องข้อมือของเจ้า ทำให้เจ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า แต่ว่า เฉี่ยนอิน ข้าเชื่อใจเจ้านะ”
แล้วหยุนชางก็พูดต่อไปว่า “แต่ว่า เจ้าคอยติดตามข้ามาเป็นเวลานานเช่นนี้ คนในแคว้นเซี่ยคงจะจำรูปร่างหน้าตาเจ้าได้หลายคน……”
เฉี่ยนอินได้ฟังก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ นางรีบพูดทันทีว่า “ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันแปลงโฉมได้เพคะ”
“แต่เจ้าจะใช้ชีวิตโดยต้องแปลงโฉมอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ได้น่ะสิ……” หยุนชางหัวเราะเบาๆ “ข้าได้คิดวิธีบางอย่างไว้ให้เจ้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่?”
เฉี่ยนอินพยักหน้า “ยอมเพคะ ยอมเพคะ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม หม่อมฉันยอมทุกอย่างเลยเพคะ”
เมื่อได้ฟังเฉี่ยนอินพูดเช่นนี้แล้ว หยุนชางก็ยิ่งรู้สึกขัน “นี่เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะนำเจ้าไปขายหรืออย่างไร เอาล่ะ วิธีของข้าก็คือ หาข้ออ้างว่าเนื่องจากข้อมือของเจ้าได้รับบาดเจ็บ จึงปล่อยให้เจ้าออกเรือนไปกับใครสักคน และด้วยความที่เจ้าติดตามรับใช้ข้ามานาน ข้าจะมอบเงินบางส่วนให้กับเจ้า เอาไปเปิดร้านค้า สำหรับหาเลี้ยงชีพ”
“ออกเรือน?” เฉี่ยนอินถึงกับตะลึง นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ “แต่ดูสภาพของหม่อมฉันในตอนนี้ ยังจะมีผู้ใดเลือกหม่อมฉันอยู่อีกล่ะเพคะ?”
“ลั่วอี้เป็นอย่างไรล่ะ?” หยุนชางจ้องมองเฉี่ยนอิน
เฉี่ยนอินตกใจ สักพักนางก็ส่ายหน้า “ไม่เอาเพคะ ไม่เอา ลั่วอี้เป็นสายลับผู้ติดตามคนสนิทของท่านอ๋อง อนาคตของเขารุ่งโรจน์ยิ่งนัก หม่อมฉันในสภาพเช่นนี้ จะคู่ควร……กับเขาได้อย่างไรกันล่ะเพคะ”
หยุนชางถอนหายใจ “เฉี่ยนอินก็เป็นผู้ติดตามคนสนิทของข้านี่นา?” แล้วนางก็พูดต่อไปว่า “เฉี่ยนอิน เจ้าคงมองเห็นแต่ด้านดีของลั่วอี้ แต่กลับไม่ดูให้ถ้วนถี่ว่าลั่วอี้ก็มีด้านที่เสียเปรียบเช่นเดียวกัน ลั่วอี้ไม่เหมือนกับเจ้า เขาเป็นสายลับของท่านอ๋อง ผู้ที่เป็นสายลับก็ต้องใช้ชีวิตอย่างลับๆ จะถูกผู้คนเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าสายลับของข้า เมื่อใดที่เขาเสียชีวิตก็หาได้มีคนรู้เห็นไม่”
เมื่อเฉี่ยนอินได้ฟังเช่นนั้นแล้ว นางก็เงียบไป
“ที่ข้าให้เจ้าแต่งงานกับลั่วอี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะดีแล้ว ลั่วอี้เป็นคนที่ท่านอ๋องเชื่อใจ ท่านอ๋องทรงอยากให้เขาออกมาช่วยท่านอ๋องจัดการเรื่องหลายๆเรื่องโดยที่ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ นี่จึงถือเป็นโอกาสอันดี ต่อให้เป็นการแต่งงานจอมปลอม อย่างไรก็ต้องแต่ง” หยุนชางพูดต่อ สายตานางเต็มไปด้วยความหวัง “เจ้าจะยอมหรือไม่?”
เฉี่ยนอินเงียบไป หยุนชางก็ยังคงรอคอยคำตอบอยู่เงียบๆ
“ลั่วอี้……เขาจะยอมหรือเพคะ?” เฉี่ยนอินก้มหน้า นางเอ่ยถามเบาๆอย่างขาดความเชื่อมั่น
“ก็ต้องยอมอยู่แล้วน่ะสิ” ลั่วชิงเหยียนเดินออกมาจากห้องสรงน้ำ ผมของเขายังเปียกน้ำอยู่ เขาสวมชุดลำลองออกมา หยุนชางรีบลุกขึ้นยืน หยิบผ้าเช็ดตัว แล้วจูงลั่วชิงเหยียนมานั่งที่ตั่ง นางยืนอยู่ข้างๆเขา ค่อยๆใช้ผ้าเช็ดตัวบรรจงเช็ดผมให้เขา
เฉี่ยนอินยังคงตกตะลึงอยู่ นางมองไปที่หยุนชาง สายตาของนางบ่งบอกว่านางยังไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา
แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็พูดขึ้นมาว่า “ได้เพคะ ในเมื่อเป็นการแต่งงานจอมปลอม หม่อมฉันก็ตกลงเพคะ” พูดจบ นางก็ก้มหน้า “เช่นนั้น หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ”
เมื่อหยุนชางเห็นว่าเฉี่ยนอินออกไปจากห้องแล้ว นางจึงเอ่ยถามเขาขึ้นมาว่า “ลั่วอี้กลับมาแล้วหรือเพคะ?”
ลั่วชิงเหยียนส่ายหน้าแล้วหัวเราะ “ยังหรอก แต่เขาเป็นคนของข้า ข้าย่อมรู้ดีว่าเขาคิดเช่นไร เขาเองก็ชอบเฉี่ยนอิน แล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่มองคนแค่เพียงเปลือกนอก ใช่ว่าเขาเห็นสภาพของเฉี่ยนอินในตอนนี้แล้วจะปฏิเสธนางเสียเมื่อไร และอย่างที่เจ้าพูด ข้ากำลังต้องการคนคนหนึ่ง คนที่สามารถส่งเสริมให้ข้าทำการบางอย่างได้ โดยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ”
เมื่อหยุนชางได้ฟัง นางก็ก้มหน้าอมยิ้ม “เช่นนั้นแล้ว เรามาหาฤกษ์งามยามดี เรียกตัวลั่วอี้กลับมา แล้วให้เขาทั้งสองแต่งงานกันเถอะเพคะ”