ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 516 สัมพันธ์พี่น้อง
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือนี่?” ลั่วชิงเหยียนนิ่งไปสักพัก เขาจูงมือหยุนชางแล้วกระซิบถามข้างๆหู “เจ้าได้ถูกตัวท่านชายน้อยหรือเปล่า?”
หยุนชางส่ายหน้า “เมื่อหม่อมฉันได้ยินฮองเฮาทรงกำชับเช่นนั้นแล้วก็รู้สึกแปลกใจเพคะ ตำหนักเว่ยยางมีนางกำนัลและเหล่าสนมตั้งมากมาย เหตุใดจึงต้องเฉพาะเจาะจงให้หม่อมฉันคอยอยู่ดูท่านชายน้อยด้วย หม่อมฉันก็เลยสั่งให้นางกำนัลไปนำอาหารที่ท่านชายน้อยเสวยบ่อยๆมาให้ แล้วให้พวกนางเป็นคนถวายให้กับท่านชายน้อย หม่อมฉันไม่ได้ถูกตัวเขาเลยเพคะ”
“งั้นก็ดีแล้ว ข้าค่อยวางใจหน่อย เมื่อเจ้าไม่ได้ถูกตัวเขา หากเกิดอะไรขึ้นมาเจ้าจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน” ลั่วชิงเหยียนปลอบโยนหยุนชาง
หยุนชางพยักหน้า นางหวนคิดไปถึงคราก่อนที่อยู่ในตำหนักเว่ยยาง ตอนที่เสิ่นซู่เฟยถามนางเรื่องขนมเกาลัดที่ท่านชายน้อยเสวย เสิ่นซู่เฟยได้ยิ้มแปลกๆ
เสิ่นซู่เฟย……
หยุนชางมองไปที่เสิ่นซู่เฟยที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด ก็เห็นว่านางกำลังจิบน้ำชาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่านางไม่ได้ใส่ใจเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นเลย
หยุนชางมองไปยังหนิงเชียน นางเอื้อมมือไปใต้โต๊ะแล้วส่งสัญญาณให้กับหนิงเชียน หนิงเชียนนิ่งไปสักพัก ก่อนจะให้นางกำนัลที่อยู่ข้างๆค้อมตัวลงมาหา นางสั่งการบางอย่างให้กับนางกำนัล แล้วนางกำนัลนางนั้นก็เดินออกไปจากตำหนัก
ดนตรียังคงบรรเลงต่อไปและมีการแสดงระบำรำฟ้อนไม่ขาดช่วง จากบรรยากาศที่เคยตึงเครียด ก็ค่อยๆเข้าสู่สภาวะปกติ เนื่องจากเซี่ยหวนอวี่และฮองเฮาไม่อยู่ บรรยากาศจึงเริ่มเป็นกันเองมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนต่างลุกจากที่นั่งตนเองไปชนแก้วดื่มร่วมกับผู้อื่น
พลันหยุนชางก็เห็นเสิ่นซู่เฟยลุกขึ้นยืน นางยืนไม่ค่อยมั่นคงเท่าใดนัก ราวกับว่ามีอาการมึนจากการดื่ม นางกำนัลที่อยู่ข้างๆจึงรีบมาประคองเสิ่นซู่เฟยแล้วเดินออกไปจากตำหนัก
หยุนชางรีบหันมากระตุกชายเสื้อของลั่วชิงเหยียน เขากำลังสนทนาอยู่กับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หยุนชางมองดูแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด ลั่วชิงเหยียนขยับตัวเข้ามาใกล้กับหยุนชาง หยุนชางรีบบอกเขาว่า “เสิ่นซู่เฟยมีท่าทางแปลกๆตอนอยู่ที่ตำหนักเว่ยยาง เมื่อครู่นี้ นางเพิ่งจะเดินออกไปจากตำหนักไท่จี๋เพคะ……”
เมื่อลั่วชิงเหยียนได้ฟังหยุนชางพูดเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่านางต้องการสื่อว่าอย่างไร เขาหันไปมองขันทีที่ยืนอยู่ข้างหลัง ขันทีผู้นั้นรับทราบความหมายของเขาแล้วเดินออกจากตำหนักไป
หยุนชางมองไปยังประตูตำหนัก ก็เห็นอ๋องเจ็ดกำลังถือจอกสุราเดินมา ดูเหมือนว่ากำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา หยุนชางขมวดคิ้วแล้วจ้องมองอ๋องเจ็ด ก็เห็นว่าเขากำลังส่งยิ้มมาให้นาง
“พี่ใหญ่……” อ๋องเจ็ดยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เขาเอ่ยปากเรียกลั่วชิงเหยียนเบาๆ
ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้วแล้วหันกลับมา ก็ได้พบกับอ๋องเจ็ด
“สุขภาพของหม่อมฉันไม่ค่อยสู้ดีนัก ตั้งแต่พี่ใหญ่กลับมาแคว้นเซี่ยก็ไม่ค่อยได้หาเวลาไปเยี่ยมเยียนท่านเลย ช่างไม่เอาไหนจริงๆ วันนี้หม่อมฉันขอดื่มคารวะให้ท่านพี่ใหญ่สักจอก หากท่านพี่ใหญ่ไม่รังเกียจ วันพรุ่งนี้ น้องชายคนนี้จะขอนำของกำนัลดีๆไปคารวะท่านที่จวน” อ๋องเจ็ดยิ้ม เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กิริยาท่าทางสมกับเป็นผู้ดี
ลั่วชิงเหยียนกลับเลิกคิ้ว เขายิ้มตอบเพียงเล็กน้อย “ยินดีต้อนรับเจ้าอยู่แล้ว” ข้าเห็นแล้วไม่สบายใจเลย หากจะไปเยี่ยมข้าถึงที่ล่ะก็ เจ้าลองยืนให้มันสง่าผ่าเผยกว่านี้ดูซิ อย่าเอาแต่ก้มหน้าพูด ช่างดูลำบากนัก วันๆเอาแต่ป่วยกระเสาะกระแสะ ข้าเกรงว่าเจ้าจะไปทำให้คนในจวนข้าต้องรู้สึกหวาดกลัวเข้าน่ะสิ”
หยุนชางถึงกับตะลึง แม้นางจะรู้ว่าลั่วชิงเหยียนไม่ชอบอ๋องเจ็ด แต่นางก็ไม่อยากให้เขาหักหาญน้ำใจอ๋องเจ็ดต่อหน้าคนอื่นๆ การกระทำเช่นนี้ จะทำให้เขาถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่นับถือความเป็นพี่น้อง
หยุนชางแอบดึงชายเสื้อของลั่วชิงเหยียนเบาๆ แล้วยิ้มกลบเกลื่อน “ท่านอ๋องตรัสออกมาเช่นนี้ คงทำให้ท่านอ๋องเจ็ดตกใจนะเพคะ ขอท่านอย่าถือโทษโกรธเคืองเลย ท่านอ๋องก็เป็นคนอย่างนี้แหละเพคะ จริงๆแล้วเขาเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี เขาต้องการสื่อความหมายว่าขอให้ท่านหายจากการเจ็บป่วยในเร็ววัน อาการป่วยของท่านนั้น ท่านอ๋องพอจะมีเพื่อนที่เป็นหมอฝีมือดีอยู่บ้าง หากท่านไม่รังเกียจ จะให้ท่านอ๋องเชิญพวกเขามาตรวจดูอาการให้ก็ได้นะเพคะ”
แววตาของอ๋องเจ็ดแน่นิ่ง แต่เขายังคงส่งยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “ข้าป่วยกระเสาะกระแสะเช่นนี้มาตั้งแต่เล็กๆ เสด็จพ่อทรงเชิญหมอมารักษามากมาย แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ข้าจึงไม่ขอรบกวนพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ ข้าไม่คาดหวังสิ่งใดอีกแล้ว จะได้ไม่ต้องผิดหวังอีกอย่างไรเล่า”
ในขณะนั้นเอง ก็มีนางกำนัลเดินเข้ามา ดูเหมือนจะเป็นนางกำนัลที่อยู่รับใช้ฮองเฮา หยุนชางแอบสังเกตนาง นางเดินมาหาหยุนชาง “พระชายารุ่ยอ๋อง ฮองเฮาทรงเชิญท่านไปที่ตำหนักเว่ยยางเพคะ”
ฮองเฮา? หยุนชางหรี่ตา หรือฮองเฮาจะคิดว่า นางได้ทำอะไรลงไปกับเซี่ยหยุนซี
หยุนชางนิ่งไปสักพัก แล้วจึงบอกกล่าวกับลั่วชิงเหยียน จากนั้น นางก็ลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปที่ตำหนักเว่ยยาง ในขณะที่นางกำลังลุกขึ้นยืน ก็เห็นลั่วชิงเหยียนวางจอกเหล้าในมือลง เขาลุกขึ้นพร้อมกันกับนางด้วย
“ท่านอ๋อง?” หยุนชางรู้สึกแปลกใจ นางจ้องมองไปที่ลั่วชิงเหยียน
“ข้าไปกับเจ้าด้วยดีกว่า จะว่าไป ข้ายังไม่เคยเห็นหน้าหลานชายของข้าเลย ตามหลักแล้ว ข้าก็ควรจะไปดูเขาเสียหน่อย” ลั่วชิงเหยียนพูดจบก็พาหยุนชางเดินออกไปจากตำหนักไท่จี๋
ตำหนักเว่ยยางมีโคมไฟส่องแสงสว่างไปทั่ว นางกำนัลพาพวกเขามาถึงที่หน้าประตูตำหนัก ที่นั่นมีคนคอยเฝ้าเวรยามอยู่ตลอดเวลา หยุนชางเดินเข้าไปภายในตำหนักพร้อมกับลั่วชิงเหยียน ด้านในมีนางกำนัลเฝ้าอยู่มากมาย บางคนก็หิ้วถังน้ำ บางคนก็ถือผ้าไว้ในมือ
ลั่วชิงเหยียนสังเกตไปรอบๆแล้วพาหยุนชางเดินเข้าไปด้านใน เซี่ยหวนอวี่และฮองเฮาทรงประทับอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามกับเตียง ข้างๆเตียงมีหมอหลวงที่ดูอาวุโสยืนอยู่ 3 คน พวกเขากำลังตรวจดูอาการของท่านชายน้อย มีผู้ช่วยยืนอยู่ข้างๆ 2 คน คนหนึ่งถือถังน้ำ อีกคนหนึ่งกำลังบิดผ้า
“มาแล้วหรือ?” เซี่ยหวนอวี่ตรัสกับหยุนชางและลั่วชิงเหยียน
หยุนชางขานรับ นางและลั่วชิงเหยียนถวายบังคม หยุนชางเอ่ยออกมาเบาๆว่า “ท่านชาย……”
พูดยังไม่ทันจบ ฮองเฮาก็ทอดพระเนตรมาที่นางแล้วตรัสขึ้นมาว่า “เมื่อบ่ายวันนี้ ตอนที่ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าให้เจ้าคอยอยู่ดูท่านชายเอาไว้ ไยเจ้าจึงปล่อยให้เกิดเรื่องกับท่านชายขึ้นมาได้?”
หยุนชางเลิกคิ้ว การกระทำเช่นนี้ดูจะหุนหันพลันแล่นเกินไปหน่อย ฮองเฮายังไม่ได้ทรงถามนางด้วยซ้ำว่าได้ถูกตัวท่านชายหรือไม่ แต่กลับมาถามว่าไยจึงปล่อยให้เกิดเรื่องกับท่านชายขึ้นมาได้ เช่นนี้แล้ว ก็เท่ากับว่า นางมีโทษจากการรับปากฮองเฮาว่าจะอยู่ดูท่านชายเป็นอย่างดี แต่ตนเองเกิดความสะเพร่า เป็นเหตุให้เกิดเรื่องขึ้นกับท่านชายน้อยสินะ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือผู้ใดก็ตาม นางก็ตกเป็นแพะรับบาปไปเต็มๆ
หยุนชางก้มหน้า “ฮองเฮาทรงให้หม่อมฉันอยู่ดูท่านชาย แต่พอดีมีนางกำนัลเผลอทำน้ำชากระเด็นมาใส่หม่อมฉัน หม่อมฉันเห็นว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮองเฮา หากสวมชุดที่เปื้อนเปรอะไปร่วมในงานเลี้ยงมงคลของฮองเฮาจะถือเป็นการหมิ่นพระเกียรติเพคะ ประจวบเหมาะที่พระนมของท่านชายมาพอดี หม่อมฉันจึงได้ให้นางเป็นผู้ดูแลท่านชายเพคะ”
ฮองเฮาขมวดคิ้วแล้วชักสีหน้าใส่ ในขณะที่ฮองเฮากำลังจะเอ่ยปากพูดต่อ ลั่วชิงเหยียนก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “ฮองเฮาทรงให้พระชายาอยู่ดูท่านชายหรือพ่ะย่ะค่ะ? เอ…… พระชายาไม่ใช่มารดาของท่านชาย แล้วก็ไม่ใช่สาวใช้ของท่านชายด้วย จะว่าไป พระยศของพระชายาก็สูงกว่าท่านชายเสียด้วยซ้ำ เหตุใดจึงต้องเฉพาะเจาะจงให้แต่พระชายาเป็นผู้ดูแลท่านชายด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ? การที่ฮองเฮาทรงให้พระชายาอยู่ดูท่านชาย พระชายาก็ทำไปเพื่อแสดงความมีน้ำใจ แต่พระชายาหาได้ถูกตัวท่านชายแม้แต่น้อย หากพระชายาต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้ เกรงว่าจะไม่สมเหตุสมผลพ่ะย่ะค่ะ เกิดเรื่องขึ้นกับท่านชาย ผู้ที่สมควรจะถูกตำหนิมากที่สุด ก็ควรจะเป็นนางกำนัลที่คอยอยู่รับใช้ท่านชายไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”