ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 514 ซ่อนสมบัติ
“ตอนนี้เหยียนเอ๋อร์ไม่อยู่แล้ว ร่างกายของหยุนซีก็ไม่ค่อยดีนัก เมื่อครู่อยู่ที่ตำหนักเว่ยยางได้สักพักหม่อมฉันก็ให้แม่นมส่งเขากลับไป เมื่อเห็นหยุนซีในวันนี้ก็นึกถึงองค์ชายเจ็ดเช่นกัน…” สายตาของฮองเฮาค่อยๆ กวาดมองผู้คนในตำหนัก ทุกคนแทบจะกลั้นหายใจรอฟังว่านางต้องการจะพูดสิ่งใดกัน “เรื่องขององค์ชายเจ็ดนั้น หม่อมฉันรู้สึกประหลาดนัก เขามีนิสัยอ่อนโยนเช่นนั้นจะไปสมรู้ร่วมคิดกับทหารองครักษ์ได้อย่างไร เกรงว่าจะคนประสงค์ร้ายปรักปรำ อีกทั้งเขายังร่างกายอ่อนแอ ในคุกก็ทั้งหนาวชื้น ไม่รู้ว่าร่างกายของเขาจะทนได้นานเพียงใด แม้ว่าข้าจะไม่ได้มารดาผู้ให้กำเนิดเขา แต่องค์ชายเจ็ดก็เป็นสายพระโลหิตของฝ่าบาท หม่อมฉันหวังว่าครอบครัวของเราจะร่มเย็นเป็นสุข”
มือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อของหยุนชางกำแน่น คิ้วของนางขมวดมุ่น ฮองเฮาบ้าไปแล้วหรือเปล่า? นางเองก็ไม่ชอบองค์ชายเจ็ดเป็นอย่างมากเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆ จึงได้เอ่ยปากขอร้องแทนเขาออกมาได้?
เซี่ยหวนอวี่มองไปยังฮองเฮาด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์อันใด ผ่านไปครู่ใหญ่จึงหันกลับมา “พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง? หือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียงเอ่ยถามของเซี่ยหวนอวี่ ฮวากั๋วกงก็มองไปที่ลั่วชิงเหยียน มือของลั่วชิงเหยียนเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ ราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าของหลิ่วจิ้นฉายแววยินดี ในขณะที่ซูฉีกลับดูตกใจแต่ก็รีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วเพื่อซ่อนสีหน้านั้นเอาไว้
ไม่มีใครตอบอะไรอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เซี่ยหวนอวี่กระตุกมุมปากยิ้มแล้วจึงถามขึ้นอีกครั้ง “พวกเจ้าคิดว่าองค์ชายเจ็ดถูกปรักปรำหรือว่าถูกใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่?”
“จะเป็นการใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่นั้นพวกเราพูดเพียงอย่างเดียวคงไม่อาจยืนยันได้ ต้องทำการสืบสวนอย่างรอบคอบแล้วจึงสรุปออกมา เพียงแต่เรื่องนี้ทำให้หม่อมฉันนึกเรื่องบางอย่างได้” ลั่วชิงเหยียนหยุดมืออย่างกะทันหันพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเขาและตอบอย่างเรียบเฉย
“หือ? เรื่องอะไร?” สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ลั่วชิงเหยียน
ลั่วชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นเหลือบมองหยุนชางเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างเนิบนาบว่า “วันนั้นหม่อมฉันอ่านหนังสือในจวน ในนั้นเขียนไว้เรื่องหนึ่ง มีเศรษฐีชราผู้หนึ่ง เขากังวลว่าลูกชายของเขาจะแย่งสมบัติกันและฆ่ากันเองหลังจากที่เขาตายไปแล้ว เขาจึงได้นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาไปซ่อนไว้ในถ้ำ ตำแหน่งของถ้ำถูกวาดในแผนที่ขุมทรัพย์ เพียงแต่ถ้าแผนที่ขุมทรัพย์นี้หากอยู่ในมือของเขาเองก็กลัวว่าจะถูกขโมยหรือสูญหาย แต่หากอยู่ในมือคนอื่นก็เกรงว่าคนผู้นั้นจะยึดของนั้นไปเป็นของตนเอง หากให้ไว้ในมือลูกชายของตนก็ไม่รู้ว่าจะให้ใคร เช่นนี้ควรทำอย่างไรดี?”
เมื่อลั่วชิงเหยียนเอ่ยคำถามแล้วนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “เป็นพระชายาที่ทำให้หม่อมฉันหาวิธีที่สมเหตุสมผลที่สุดได้ พระชายาบอกว่าหากกังวลว่าเหล่าลูกๆ จะเข่นฆ่ากันเอง เหตุใดจึงไม่แบ่งแผนที่ขุมทรัพย์ออกเป็นหลายส่วนแล้วต่างก็ให้ลูกชายเก็บไว้ เช่นนี้ก็จะไม่มีใครมีแผนที่ที่สมบูรณ์ เพียงต้องร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะได้สมบัติมา”
เมื่อลั่วชิงเหยียนกล่าวจบ หยุนชางก็เห็นว่าสีหน้าของหลิ่วจิ้นแฝงแววโกรธเคืองเล็กน้อย ลั่วชิงเหยียนยังกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกว่า “อ๋องเจ็ดสมรู้ร่วมคิดกับเหล่าทหารองครักษ์จริงหรือไม่ข้าไม่อาจรู้ได้ แต่องครักษ์นั้นเกี่ยวพันกับการปกป้องความปลอดภัยของฝ่าบาทและความปลอดภัยของฝ่าบาทนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นราชองครักษ์จึงไม่อาจมีปัญหาได้ ส่วนเรื่องขององค์ชายเจ็ดนั้นความจริงยังไม่กระจ่าง วันนี้เป็นวันมงคลของฮองเฮาจึงควรปล่อยเขาออกมาก่อน เมื่อเรื่องราวทั้งหมดกระจ่างขึ้นแล้วว่าเขามีความผิดหรือไม่ค่อยจัดการทีหลังก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยหวนอวี่จ้องไปที่ใบหน้าของลั่วชิงเหยียนอยู่นานแล้วจึงกระตุกยิ้ม “คำพูดของรุ่ยอ๋องมีเหตุผลยิ่งนัก ทหาร ไปเชิญองค์ชายเจ็ดมา ให้เขาอาบน้ำแต่งตัวแล้วจึงมาที่ตำหนักไท่จี๋”
หลิวเหวินอันรับคำอย่างรวดเร็วและเดินไปที่ประตูเพื่อสั่งทหาร
เซี่ยหวนอวี่กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “ราชองครักษ์นั้นสำคัญมาก เจิ้นเองก็เข้าใจดี หลายคนต่างก็กำลังคิดถึงเรื่องราชองครักษ์อยู่ ในเมื่อรุ่ยอ๋องเอ่ยเช่นนี้ออกมาก็นับว่าคิดวิธีที่ดีให้เจิ้นมาแล้ว เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ป้ายบัญชาการทหารองครักษ์นี้ เจิ้นจะแบ่งมันออกเป็นสามส่วนให้แก่ซือถู ซูไท่เว่ยและฮวากั๋วกงเป็นผู้เก็บรักษาไว้ การโยกย้ายกำลังทั้งหมดอยู่ในความดูแลของพวกเจ้าทั้งสามคน พวกเจ้าต้องแสดงป้ายพร้อมกันจึงจะใช้ได้”
หยุนชางหันมามองก็เห็นลั่วชิงเหยียนยิ้มบางๆ นางจึงยินดีเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางได้คาดไว้แล้วว่าเซี่ยหวนอวี่จะไม่อาจแข็งใจลงโทษอ๋องเจ็ดได้ อย่างมากที่สุดก็คงเพียงลงโทษเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ในยามนี้กลับเป็นประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง ทหารองครักษ์นั้นเกรงว่าจะเป็นเพียงหนึ่งในไพ่ไม้ตายของอ๋องเจ็ดเท่านั้นและมันมีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาวิกฤติ คราวนี้ได้ทำลายหมากตัวนี้ของเขาอย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อแบ่งป้ายคำสั่งออกเป็นสามชิ้น หนึ่งในนั้นมอบให้ฮวากั๋วกงก็นับว่าเป็นโอกาสในการกลับเข้าสู่ราชสำนักของเขา ก่อนหน้านี้ฮวากั๋วกงไม่ได้มีอำนาจในมือจริงๆ ดังนั้นแม้ว่าเซี่ยหวนอวี่จะดูโปรดท่านอ๋องแต่ขุนนางอื่นๆ ในราชสักนักต่างก็ไม่มีทีท่าชัดเจน จากนี้ไปเมื่อท่านอ๋องมีฮวากั๋วกงสนับสนุนและค่อยๆ สร้างอำนาจของเขาเองอย่างช้าๆ สถานการณ์ในสภาขุนนางต้องเปลี่ยนไปอย่างมากแน่
ไม่ว่าตอนนี้จิตใจของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ทั้งสามก็ออกไปรับป้ายคำสั่งมา
ฮองเฮาขมวดคิ้วมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ หลังจากที่ทั้งสามคนถอยกลับไปนั่งที่เดิมแล้ว นางก็ยิ้มและกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันเกิดของหม่อมฉัน เรื่องงานราชการเช่นนี้อย่าได้นำเข้ามาในงานเลี้ยงเลยเพคะ?”
เซี่ยหวนอวี่หันกลับมามองฮองเฮาแล้วยิ้มบางๆ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก ได้ยินว่าวันนี้เจ้าให้คนเตรียมระบำพิเศษให้พวกเราชมงั้นหรือ?”
ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มบางๆ แล้วจึงพยักหน้า “มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ เพคะ เมื่อไม่นานมานี้ฮวากั๋วกงและรุ่ยอ๋องร่วมใจกันปราบกบฏชาวหย่าโดยไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว หม่อมฉันจำได้ว่าชาวเผ่าหย่านั้นเชี่ยวชาญการร่ายระบำนัก เช่นเสิ่นซูเฟยแต่ก่อนก็ร่ายรำได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก หม่อมฉันให้คัดเลือกบรรดาสตรีชาวหย่ามาจำนวนหนึ่งมาร่ายรำให้ทุกท่านได้ชม”
“โอ้?” เซี่ยหวนอวี่เลิกคิ้วและมองไปที่เสิ่นซูเฟยที่สีหน้าซีดเซียว สายตาของเขาชะงักลงก่อนจะกล่าวว่า “ฝีมือร่ายรำของเสิ่นซูเฟยนั้นไม่เลวเลยจริงๆ เพียงแต่เพราะร่างกายของนางในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เจิ้นไม่เห็นนางร่ายรำอีกเลย วันนี้เมื่อได้ยินฮองเฮาเอ่ยถึงก็คิดถึงยิ่งนัก ไปเรียกมาให้เจิ้นดูหน่อยเถอะว่าหญิงสาวชาวหย่าจะมีฝีมือร้องรำทำเพลงกันทุกคนหรือไม่”
ฮองเฮายิ้มและพยักหน้าพลางปรบมือก็มีนางกำนัลเดินเข้ามาเป็นสายพร้อมถือตะเกียงไว้ในมือ และเดินไปดับไฟทั้งหมดในตำหนักลง แสงไฟในห้องสลัวลงในทันใดและมีเพียงแสงสีแดงของตะเกียงที่สว่างจางๆ เท่านั้น
ทันทีที่เสียงพิณดังขึ้นก็มีหญิงสาวในชุดขาวเหาะเข้ามาพร้อมเอนกายไปด้านหลัง จากนั้นจึงมีหญิงสาวอีกจำนวนหนึ่งเดินเต้นรำเข้ามาล้อมรอบหญิงชุดขาวนั้น ผู้หญิงในชุดขาวลุกขึ้นตั้งตัวตรง บนหน้าของนางมีผ้าปิดอยู่บางๆ ดวงตาคู่นั้นงดงามหยาดเยิ้ม
หยุนชางเข้าใจแล้วว่าการร่ายรำนั้นเป็นการแสดงโดยสตรีจากเผ่าหย่าทั้งหมด แต่ผู้เดียวที่เต้นรำจริงๆ แล้วคือสตรีชุดขาว ดวงตาคู่นั้นช่างงดงามนัก แต่หากจะกล่าวถึงท่วงท่าฝีมือร่ายรำแล้วยังห่างจากหนิงเชียนอยู่อีกหลายขุม ฮองเฮากำลังใช้โอกาสในงานเลี้ยงของนางแนะนำหญิงสาวให้กับฝ่าบาทเพื่อรักษาความโปรดปรานของเขาไว้นั่นเอง