ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 513 งานเฉลิมฉลอง
เมื่อฮองเฮาก้าวเข้าไปในตำหนักก็เห็นหยุนชางนั่งอยู่บนเบาะและคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นชายคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ด้านหน้านาง ฮองเฮาขมวดคิ้วและเอ่ยเสียงเย็น “พระชายารุ่ยอ๋อง?”
หยุนชางได้เสียงเรียกนั้นก็หันไปอย่างตกใจ “ฮองเฮา?”
เมื่อฮองเฮากำลังจะพูดกลับเห็นหน้าของชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าของหยุนชาง นางชะงักไปและมองหยุนชางด้วยความประหลาดใจ “รุ่ยอ๋อง? ทำไมท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”
ลั่วชิงเหยียนไม่ได้ตอบอะไร ในมือของเข้าถือขวดไพลินเล็กๆ และเทครีมออกมาจากขวดและค่อยๆ หยดลงบนแขนของหยุนชางอย่างระมัดระวัง หยุนชางก้มลงมองลั่วชิงเหยียนแล้วจึงหันไปเอ่ยว่า “เมื่อครู่ที่ตำหนักเว่ยยางหม่อมฉันไม่ทันระวังจึงได้ถูกลวก ข้ารับใช้ปากมากนัก ถึงกับไปบอกท่านอ๋องถึงตำหนักไทจี๋ เมื่อท่านอ๋องรู้เรื่องจึงได้รีบมาที่นี่เพคะ”
เหล่าคนที่มากับฮองเฮามองดูภาพเบื้องหน้าแล้วก็แสดงออกสีหน้าประหลาดออกมา ฮองเฮาขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจ “นี่เป็นห้องนอนของเซียงกุ้ยผิน รุ่ยอ๋องจะเข้าออกตามใจชอบได้อย่างไร”
ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองฮองเฮาแล้วจึงปิดฝาขวดไพลินวางไว้ด้านข้าง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “ฮองเฮาพูดถูก นี่เป็นตำหนักของสนม หม่อมฉันไม่ควรมาที่นี่เลย แต่ตอนที่หม่อมฉันเข้าวังเป็นครั้งแรกก็ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าชางเอ๋อร์เป็นแก้วตาดวงใจของหม่อมฉัน หากใครทำร้ายนางแม้เพียงปลายเล็บ หม่อมฉันจะทำคืนเป็นร้อยเป็นพันเท่า”
ฮองเฮาอดทนระงับโทสะไว้ในใจ นางไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินสิ่งที่รุ่ยอ๋องพูด “เพียงเพราะข้ารับใช้ในวังไม่ระวังเท่านั้น ถ้ารุ่ยอ๋องยืนยันว่าจะคิดเล็กคิดน้อยเช่นนั้นเกรงว่าคงจะไม่เหมาะ”
ลั่วชิงเหยียนหัวเราะเย็นชา “ที่หม่อมฉันพูดแน่นอนว่าย่อมไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็คงจะมีคนเข้าใจ” เขาพูดพลางช่วยพยุงหยุนชาง “เจ้าดีขึ้นหรือยัง? ไปร่วมงานเลี้ยงที่ตำหนักไท่จี๋?”
หยุนชางพยักหน้าแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ และยิ้มบาง ๆ ให้ลั่วชิงเหยียน “ไม่เป็นไรแล้ว”
ลั่วชิงเหยียนโอบไหล่ของหยุนชางแล้วพานางเดินอ้อมเหล่าคนออกไปจากตำหนัก เมื่อฮองเฮาเห็นดังนั้นก็กำมือแน่น
เมื่อลั่วชิงเหยียนเดินไปถึงประตู ทันใดนั้นก็หันกลับมาเอ่ยว่า “จริงสิ ตอนที่ข้ากำลังทายาให้พระชายาเมื่อครู่นี้ มีชายคนหนึ่งวังปลอมตัวเป็นนางกำนัลบุกเข้ามาในตำหนักและบอกว่าฮองเฮาส่งเขามาหาพระชายา ข้าเห็นว่าเขาทำลายชื่อเสียงของฮองเฮาจึงได้จัดการเขาไปโดยพลการแล้ว ขอให้ท่านอภัยให้ข้าด้วย เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของท่าน เกรงว่าท่านจะทรงสอบสวนอย่างละเอียด”
ลั่วชิงเหยียนพูดจบแล้วก็ค่อยๆ กระตุกยิ้มที่มุมปากและกวาดตามองทุกคนก่อนจะหันกลับมาช่วยประคองหยุนชางออกจากตำหนักเซียงจู๋ไป
ณ ตำหนักไท่จี๋ เหล่าขุนนางและสมาชิกในครอบครัวต่างก็มาถึงแล้วนั่งประจำที่กันแล้ว ลั่วชิงเหยียนจูงมือหยุนชางไปนั่งยังตำแหน่งที่อยู่ด้านหน้าเล็กน้อย หยุนชางนั่งลงข้าง ๆ เขา ดวงตาของนางกวาดดูไปทั่วตำหนัก ผู้ที่มาร่วมโดยส่วนใหญ่เป็นขุนนางระดับสามขึ้นไป บรรยากาศก็นับได้ว่าคึกคักเป็นอย่างมาก
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของฮองเฮา มีเพียงนางสนมระดับกุ้ยผินขึ้นไปเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้มาร่วมงานเลี้ยง เมื่องานเลี้ยงจะคึกคักแต่จำนวนคนกลับไม่มากนัก เสียงเครื่องสายดังขึ้นไม่หยุด เพราะจักรพรรดิและฮองเฮายังเสด็จมาไม่ถึง บรรยากาศจึงค่อนข้างผ่อนคลาย เหล่าขุนนางและสมาชิกในครอบครัวต่างก็กำลังพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
“ชางเอ๋อร์ ชิงเหยียน” เสียงยิ้มแย้มดังมาจากด้านหลัง หยุนชางหันกลับไปก็เห็นนางฮวากั๋วกงและกั๋วกงฮูหยินยืนอยู่ข้างหลังนาง
หยุนชางรีบลุกขึ้นย่อกายคำนับ “ท่านตา ท่านยาย”
กั๋วกงฮูหยินเอื้อมมือไปจับมือหยุนชางและกล่าวด้วยรอยยิ้ม ข้าแก่แล้ว รับความตกใจเช่นนี้ไม่ไหวแล้ว”
หยุนชางรับปากอย่างรวดเร็ว “เป็นชางเอ๋อร์เองที่ไม่ได้คิดเรื่องนี้ให้รอบคอบ”
จู่ๆ เสียงเย็นชาก็ดังแทรกมาจากด้านข้าง หยุนชางหันไปก็เห็นฮวากั๋วกงสีหน้าบึ้งตึงราวกับกำลังโกรธมาก แต่ดวงตาของเขากลับมองลั่วชิงเหยียนที่นั่งอยู่เงียบๆ
หยุนชางถอนหายใจเบาๆ คราวก่อนที่ฮวากั๋วกงต้องการมาหาลั่วชิงเหยียนเพื่อระบายโทสะที่จวนรุ่ยอ๋อง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าลั่วชิงเหยียนไม่สนใจเลยสักนิด แต่กลับไปพบกับหวังจิ้นฮวนจอมโวยวาย เพลิงโทสะนั้นสะสมมาหลายวัน เพียงแต่โอกาสและสถานการณ์ในวันนี้ก็ดูไม่เหมาะนัก
หยุนชางใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มออกมาและพูดกับฮวากั๋วกงว่า “ดูแล้วท่านตาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ตอนนี้แม้ว่าจะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่อากาศในช่วงเช้าและกลางคืนเย็น กลางวันกลับร้อน ท่านตาควรใส่ใจรักษาสุขภาพ อีกเดี๋ยวจักรพรรดิและฮองเฮาก็คงเสด็จมาถึงแล้ว ท่านตาและท่านยายไปนั่งก่อนเถิด พรุ่งนี้ชางเอ๋อร์จะไม่เยี่ยมท่านทั้งสองที่จวน”
ฮวากั๋วกงเหลือบมองหยุนชางด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง หยุนชางก็จ้องตอบโดยไม่เกรงกลัว บนใบหน้าของนางยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ฮวากั๋วกงแค่นเสียงแล้วจึงเดินกลับไปยังที่นั่งของเขาอย่างรวดเร็ว กั๋วกงฮูหยินยิ้มให้หยุนชางแล้วจึงตามเขากลับไป
“เรื่องที่ท่านอ๋องก่อไว้เกรงว่าจะต้องไปจัดการด้วยตนเอง” หยุนชางนั่งลงอีกครั้งและพึมพำเบาๆ
ลั่วชิงเหยียนทำราวกับไม่ได้ยิน เขาเพียงจับมือหยุนชางแล้วพูดว่า “ข้าชิมแล้ว เหล้านี้แรงไปเล็กน้อย อีกเดี๋ยวเจ้าอย่าดื่มเลยจะดีกว่า”
ทันทีที่เขาพูดจบ ข้างนอกก็มีเสียงประกาศดังขึ้น “จักรพรรดิเสด็จ ฮองเฮาเสด็จ”
หยุนชางรีบดึงลั่วชิงเหยียนลุกขึ้นคุกเข่าลงกับพื้น “ฝ่าบาททรงพระเจริญ ฮองเฮาทรงพระเจริญ”
ไม่นานก็ได้ยินเสียงราบเรียบของเซี่ยหวนอวี่ดังขึ้น “ลุกขึ้นเถอะ” ทุกคนจึงลุกขึ้นไปนั่งที่
เซี่ยนหวนอวี่กวาดมองผู้คนในตำหนักและพูดอย่างเป็นกันเองว่า “วันนี้เป็นวันเกิดของฮองเฮา หลายปีมานี้นางอ่อนโยนและมีคุณธรรม ปกคริงวังหลังอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและถือเป็นแบบอย่างสำหรับผู้หญิง ดังนั้นข้าจึงจัดงานเลี้ยงนี้เพื่อเฉลิมฉลองให้นาง”
“ขอให้ฮองเฮาทรงพระเจริญ” ทุกคนยกจอกเหล้าขึ้นและมองไปยังฮองเฮาซูหรูจี
ฮองเฮายิ้มเล็กน้อยและยกจอกเหล้าขึ้นจากโต๊ะ “วันนี้เป็นวันดีของข้าและก็เป็นวันดีของแคว้นเซี่ยของเรา ข้าขอให้แคว้นเซี่ยเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขตลอดไป” นางกล่าวพลางดื่มเหล้าในจอกจนหมด
มีเสียงอวยพรดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นทุกคนก็ดื่มเหล้าในจอกจนหมดเช่นกัน
เนื่องจากเป็นวันเกิดของฮองเฮา องค์ชายและองค์หญิงทั้งหมดต่างก็เข้ามามอบของขวัญให้ เสียงเครื่องสายค่อยๆ เบาลง ตอนนี้นับได้ว่าลั่วชิงเหยียนเป็นองค์ชายใหญ่และไม่มีองค์รัชทายาท ดังนั้นเขาจึงควรเริ่มเป็นคนแรก ลั่วชิงเหยียนค่อยๆ จิบเหล้าในจอก สบตากับหยุนชางแล้วจึงลุกขึ้นยืน หยุนชางรับของขวัญที่เตรียมไว้แล้วจากนางกำนัลและเดินไปยังกลางตำหนัก
“หม่อมฉันขออวยพรให้ฮองเฮามีความสุขและทรงพระเจริญยิ่งยืนนานพ่ะย่ะค่ะ” ลั่วชิงเหยียนกล่าวอย่างราบเรียบและคำที่ใช้อวยพรก็ธรรมดาเป็นที่สุด หยุนชางก้มหน้าลงซ่อนยิ้มแล้วจึงนำของขวัญยื่นให้กับนางกำนัลที่อยู่ด้านข้าง
ฮองเฮาเพียงยิ้มเล็กน้อยแต่กลับไม่เปิดดูของขวัญ ลั่วชิงเหยียนจึงจูงมือหยุนชางออกไป จากนั้นก็เป็นการอวยพรจากองค์ชายอื่นๆ หยุนชางฟังจากเสียงที่ขันทีคอยประกาศเรียกจึงได้รู้ว่าองค์ชายและองค์หญิงเหล่านั้นคือใครบ้าง
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม เหล่าองค์ชายและองค์หญิงทั้งหมดก็อวยพรเสร็จ ฮองเฮาหันศีรษะไปมองเซี่ยหวนอวี่ด้วยแววตาเศร้าๆ “วันเกิดปีที่แล้วของหม่อมฉันมีชีวิตชีวากว่านี้มาก ปีที่แล้วเหยียนเอ๋อร์ยังอยู่ องค์ชายเจ็ดก็อยู่ด้วย…”
ดวงตาหยุนชางฉายแววสงสัย วันนี้ฮองเฮาต้องการจะทำอะไรอีก? เหตุใดจึงได้พูดถึงองค์รัชทายาทที่ตายไปแล้วและองค์ชายเจ็ดที่ยังอยู่ในคุกขึ้นมาในวันเช่นนี้