ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 510 ถูกเล่นงาน(๑)
หยุนกุ้ยเฟยดึงแขนเสื้อของหยุนชางและเอนไปข้างหยุนชาง “ข้าได้ยินมาว่าท่านชายน้อยคนนี้ร่างกายอ่อนแอมาก และฮองเฮาก็ทรงโปรดท่านชายน้อยมาก แต่ฝากให้เจ้าช่วยดูแล เกรงว่าจะมีจุดประสงค์บางอย่าง เจ้าต้องระวังตัว”
ในใจหยุนชางไม่ใช่ไม่ได้ระแวดระวัง พยักหน้าเบาๆเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนกุ้ยเฟย เขามองไปที่เซี่ยหยุนซี ซึ่งนั่งเงียบๆและขมวดคิ้วเล็กน้อย เด็กตัวเล็กแค่นี้ช่างน่าสงสารจริงๆ กำพร้าพ่อตั้งแต่วัยเยาว์ และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจ
นางกำนัลนำขนมเกาลัดมา หยุนชางเอื้อมมือไปรับ แต่ถูกหนิงเชียนดึงไว้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางพูดกับนางกำนัลว่า “เจ้าวางขนมให้ท่านชายน้อยเถอะ และไปรินน้ำอุ่นหน่อย ท่านชายน้อยจะได้ไม่สำลัก”
นางกำนัลตอบรับ แล้วไปรินน้ำไปวางบนโต๊ะ
หยุนชางดูเซี่ยหยุนซีกินขนมเกาลัดทีละน้อย ผ่านไปสักพักแต่ก็ยังไม่ได้กินหมดชิ้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงการประกาศจากด้านนอกว่า “เสิ่นซู่เฟยเสด็จ”
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองออกไปที่ประตู เห็นหญิงคนหนึ่งสวมชุดสีโอรสเข้ามา หวีมวยก้อนเมฆ ปักด้วยปิ่นทองหุ้มหยก ครั้งก่อนที่หยุนชางพบเสิ่นซู่เฟยอยู่ในตอนกลางคืน นางเพียงสวมชุดธรรมดาและมีเสื้อคลุม ปล่อยผมกระจัดกระจาย คราวนี้ ได้เห็นนางในชุดเต็มยศก็รู้สึกตะลึงไม่น้อย หยุนชางยิ้มเยือกเย็นในใจ ไม่แปลกใจเลยที่เซี่ยหวนอวี่ทรงโปรดปราณนางได้
เสิ่นซู่เฟยมองทุกคนอย่างแผ่วเบา ยิ้มให้ทั้งสามคน เดินไปข้างๆแล้วนั่งลง แต่ตาของนางไปตกที่เด็กชายข้างหยุนชาง หลังจากหยุดอยู่นาน นางยิ้มแล้วถามว่า “ร่างกายของท่านชายน้อยดีขึ้นหรือยัง?”
เซี่ยหยุนซีดูเหมือนจะได้ยินคนเรียกเขา ตะลึง เงยหน้ามองเสิ่นซู่เฟย แล้วหันไปดูที่หยุนชาง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง และกินขนมเกาลัดอย่างเงียบๆ
หยุนชางเห็นความโกรธเคืองในดวงตาของเสิ่นซู่เฟย แต่ระงับมันไว้อย่างรวดเร็ว ในใจหวั่นไหวเล็กน้อย และกล่าวว่า “ท่านชายน้อยยังเด็กอยู่ จะทราบเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เสิ่นซู่เฟยได้โปรดยกโทษให้ด้วยเพคะ”
เสิ่นซู่เฟยได้ยินคำพูดนั้น จึงเงยหน้าขึ้นมองหยุนชางและค่อยๆ ยิ้มขึ้น รอยยิ้มดูเหมือนจะมีความหมายลึกซึ้ง “ท่านชายน้อยกำลังกินขนมเกาลัดใช่หรือไม่?”
หยุนชางหันข้างนาง และยกชาจากด้านข้าง เมื่อได้ยินเสิ่นซู่เฟยถาม นางหยุดเล็กน้อยก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นช้าๆ และมองเสิ่นซู่เฟยด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เสิ่นซู่เฟยช่างมีสายตาที่เฉียบแหลม ท่านชายน้อยกำลังทานขนมเกาลัดที่นางกำนัลส่งมาให้ มีอะไรผิดปกติหรือไม่เพคะ?”
เสิ่นซู่เฟยยิ้มเบาๆ ยกมือขึ้นเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่มุมปาก และส่ายหัว “ไม่มีอะไร ข้าแค่ถามเฉยๆ”
ในปากจะบอกไม่มีอะไร แต่สายตาของนางราวกับกำลังดูเรื่องสนุก
หยุนชางไม่อยากจะไปคาดเดาว่ารอยยิ้มนั้นมีความหมายว่าอย่างไร นางกำนัลเป็นคนส่งขนมเกาลัดมา และเป็นนางกำนัลเองที่ยื่นขนมเกาลัดให้เซี่ยหยุนซี แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อนาง มันไม่สำคัญ แขวนไว้ในที่สูง นี่คือกฎการเอาตัวรอดที่หยุนชางได้เรียนรู้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจากในวัง
หยุนชางจิบชา “ยังไม่รีบปรนนิบัติท่านชายน้อยดื่มน้ำ?”
นางกำนัลตอบอย่างรวดเร็ว รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อถือถ้วย แล้วยื่นไปที่ปากของเซี่ยหยุนซี เซี่ยหยุนซีเงยหน้าขึ้นเหลือบมองหยุนชาง จากนั้นก้มศีรษะลงแตะขอบถ้วยและดื่มน้ำ
ในขณะนี้ ผู้หญิงอายุยี่สิบปีเดินเข้ามาและเดินไปที่เซี่ยหยุนซีด้วยความกังวลเล็กน้อยและพูดว่า “เฮ้อ บรรพบุรุษตัวน้อยของหม่อมฉัน หม่อมฉันแค่ไปทำธุระสักครู่ ท่านก็หายไปแล้ว ทำเอาหม่อมฉันตกใจมากเลยนะเพคะ”
หยุนชางเห็นว่าความกังวลบนใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะไม่มิได้แสร้งออกมา กำลังคาดเดาตัวตนของผู้หญิงคนนั้นในใจ ก็ได้ยินเซี่ยหยุนซีปล่อยถ้วยน้ำ ร้องออกมาอย่างกลัวๆ “แม่นม…”
เมื่อได้ยินคำพูด แม่นมก็อุ้มเซี่ยหยุนซีอย่างรวดเร็ว และโค้งคำนับให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น นางต้องการอุ้มเซี่ยหยุนซีกลับไป หยุนชางครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วอ้าปากพูดเบาๆ “เมื่อครู่ฮองเฮาให้ท่านชายน้อยรออยู่ที่นี่พระองค์เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เป็นวันฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาของฮองเฮา ดังนั้นให้ท่านชายน้อยอยู่เคียงข้างพระองค์สักครู่เถิด”
แม่นมหยุดและเงยตามองหยุนชาง แล้วนางก็รีบหยุดและตอบว่า “เพคะ เพคะ หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” ขณะที่นางพูด ก็วางเซี่ยหยุนซีไว้บนเก้าอี้ข้างนาง และเห็นว่าเซี่ยหยุนซียังคงถือขนมเกาลัดชิ้นเล็กๆ อยู่ในมือ ก็รีบพูดขึ้นว่า “ของเหล่านี้ท่านชายน้อยอย่าได้ทานมากนัก…” นางหยิบขนมเกาลัดครึ่งหนึ่งแล้ววางพักไว้
หยุนชางมองดู ในเมื่อแม่นมของเซี่ยหยุนซีมาแล้ว จะต้องไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อคิดเช่นนี้ หยุนชางก็หันศีรษะและไปหาหยุนกุ้ยเฟยเพื่อพูดคุยสนทนาแบบสบายๆ
ขณะพูด จู่ๆหยุนชางก็ได้กลิ่นจางๆ ลอยเข้ามา หัวใจของหยุนชางตกใจ คิ้วขมวดคิ้ว นางสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง เจตนาฆ่าวาบวาบในดวงตาของนาง หยุนชางมองไปรอบๆอย่างเงียบ และเห็นว่ามีเพียงเสิ่นซู่เฟยมองมาที่นางด้วยรอยยิ้ม หยุนชางน้อนนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมื่อครู่ จากนั้นจึงหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจากบนโต๊ะแล้วดมดู หลังจากดมแล้ว สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปในทันใด
“เกิดอะไรขึ้น?” หนิงเชียนมองดูสีหน้าของหยุนชางและถามเสียงต่ำ หยุนชางมองหนิงเชียน และจ้องมองไปที่ถ้วยน้ำชาในมือ หนิงเฉียนเงียบไปครู่หนึ่งแล้ว หันกลับ เงยหน้าขึ้นมองนางกำนัลที่ติดตามนาง
หยุนชางวางถ้วยน้ำชาไว้ที่ขอบโต๊ะ นางกำนัลของหนิงเชียนรีบก้าวไปข้างหน้า และไปน้ำชาที่ต้มอยู่บนเตามาเติมชาให้หยุนชางให้เต็ม แต่ตอนที่นางหันไปวางกาน้ำชา แขนเสื้อของนางก็กวาดใส่ถ้วยน้ำชา จนได้ยินเพียงเสียง “เคร้ง” และน้ำชาในถ้วยก็สาดลงบนแขนของหยุนชาง
“อา…” หยุนชางอุทานออกมา และรีบยกแขนขึ้นเปิดแขนเสื้อ และเห็นว่าผิวหนังด้านล่างโดนลวกจนเป็นสีแดง
“ขอพระชายาทรงให้อภัยเพคะ ขอพระชายาทรงให้อภัยเพคะ หม่อมฉันมิได้ตั้งใจเพคะ” นางกำนัลคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วและอ้อนวอนขอการอภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“รินชายังไงกัน” หนิงเชียนขมวดคิ้วและดุด่านางกำนัลอย่างโกรธจัด
หยุนชางจับมือหนิงเชียนอย่างรวดเร็วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เซียงกุ้ยผินโปรดอย่าโกรธนางเลยเพคะ นางไม่ได้ตั้งใจ” หลังจากพูดจบนางก็ขมวดคิ้วและมองที่แผลสีแดงบนแขน “แต่ว่า เกรงว่าจะต้องยืมตำหนักของเซียงกุ้ยผินมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเพคะ วันนี้วันเฉลิมพระชนมพรรษาของฮองเฮา หม่อมฉันจะสวมเสื้อผ้าที่เปื้อนมาเฉลิมฉลองเกรงว่ามันจะไม่ดีนัก”
หนิงเชียนลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”
หยุนชางส่ายหัวและเหลือบมองท่านชายน้อยตัวน้อยที่ก้มหัวลงกำลังเล่นนิ้วของตัวเอง และพูดว่า “เมื่อครู่ฮองเฮาได้มอบท่านชายน้อยให้กับข้า ตอนนี้ต้องขอรบกวนเซียงกุ้ยผินช่วยดูแลแทนแล้วเพคะ”
หนิงเชี่ยนครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า และสั่งนางกำนัลที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “ยังไม่รีบพาพระชายาไปที่ตำหนักเซียงจู๋”
นางกำนัลตอบรับซ้ำๆ ยืนขึ้นแล้วพาหยุนชางไปที่ตำหนักเซียงจู๋ ทันทีที่ออกจากตำหนักเว่ยยาง หยุนชางก็ขมวดคิ้วและพูดกับสาวใช้ในจวนที่พามาด้วยว่า “ไปที่ประตูตำหนักเว่ยยางหาหลิวกงกง ให้เขาส่งข้อความถึงท่านอ๋อง ให้ท่านอ๋องมาที่ตำหนักเซียงจู๋”
สาวใช้ตอบอย่างรวดเร็ว และรีบเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับหยุนชาง
นางกำนัลที่นำทางหันศีรษะกลับมา และพูดเบาๆว่า “นายหญิง เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”