ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 508 วันเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาของฮองเฮา
“โอ้?” หยุนชางเลิกคิ้วและฮองเฮายังคงรับท่านชายน้อยเข้าวังจริงๆ และเดิมพันสมบัติในมือที่เป็นเด็กอายุสามขวบ ดูเหมือนว่านางคงจะกระวนกระวายจนทำเรื่องให้วุ่นวาย
“มิใช่มีข่าวว่าท่านชายน้อยประชวรหนักหรือเพคะ เกิดอะไรขึ้น?” หยุนชางตบมือของลั่วชิงเหยียน ลั่วชิงเหยียนเห็นว่าทั้งสองกำลังพูดคุยกันโดยไม่มีสนใจใครอื่น ถอนหายใจและวางนางลง แล้วเดินไปที่ห้องอักษรข้างๆ แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
หยุนชางรู้สึกตลกเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนี้ แต่ในใจแอบดีใจที่หนีมาได้ และรีบพาเฉี่ยนอินไปที่เบาะแล้วนั่งลง
“หัวหน้าเฉี่ยนเฉียนได้ส่งข่าวมาว่า เมื่อวานนางไปพบท่านชายน้อย เมื่อนางไปที่นั่น หมอหลวงกำลังรักษาท่านชายน้อยอยู่ หมอหลวงกล่าวว่าความชื้นในสุสานหลวงนั้นหนักเกินไป และพิษชื้นก็เข้าสู่ร่างกาย ต้องใช้เวลารัษา แต่ทว่าหัวหน้าเฉี่ยนเฉียนกล่าวว่า นางดูอาการของท่านชายน้อยนั้นไม่ได้ดูเหมือนจะเป็นพิษชื้น แต่เหมือนถูกวางพิษจริงๆ” เฉี่ยนอินทำเสียงเชอะ “เพียงแต่ว่าหัวหน้าบอกว่านางไม่เชี่ยวชาญเรื่องพิษมากนัก จึงไมรู้ว่าท่านชายน้อยถูกวางยาพิษชนิดใด”
“ถูกวางยาพิษ?” หยุนชางยิ้มเยาะเย้ย “ไม่เป็นไร คิดว่าหลังจากสองสามวันมันคงจะดีขึ้นเอง คนวางยาพิษไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮองเฮา ฮองเฮาไม่ใช้วิธีการที่งุ่มง่ามเช่นนี้จะพาท่านชายน้อยกลับมาที่วังได้อย่างไร เพียงแต่ในวังนี้ ไม่มีใครที่โง่ เกรงว่าทุกคนคงจะชัดเจนในหัวใจของพวกเขา”
เฉี่ยนอินตอบรับแล้วพูดอีกครั้ง “แล้วเรื่องนี้?”
“เราไม่ต้องทำอะไรเลย แค่อยู่ข้างๆคอยเฝ้าดูก็พอ ฮองเฮาคิดว่านางจะเอาท่านชายน้อยมาเป็นโล่พิเศษ ซึ่งสามารถช่วยให้นางได้รับความโปรดปราน แต่นางไม่รู้ว่านางกำลังทำอะไรลงไป ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวคือการส่งชีวิตไปเปล่าๆเท่านั้น” หยุนชางกล่าวอย่างเย็นชาและโบกมือให้เฉี่ยนอินถอยไปได้
ทันทีที่เฉี่ยนอินออกจากบ้าน ลั่วชิงเหยียนก็ยืนขึ้นทันที เดินไปหาหยุนชางและกดนางลงบนเบาะ หยุนชางรีบร้องอุทานออกมาและผลักลั่วชิงเหยียนอย่างเบาๆ “ท่านกำลังทำอะไร นี่มันกลางวันแสกๆ”
ลั่วชิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ “ไม่เป็นไร เราสามารถทำจนถึงกลางคืน เช่นนั้นมันก็จะไม่ใช่กลางวันแสกๆแล้ว… ”
ใบหน้าของหยุนชางกลายเป็นสีแดงทันที “ท่านกำลังพูดเรื่องเหลวไหลอะไร…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ก็ถูกลั่วชิงเหยียนจูบปากไว้ หยุนชางรีบร้องอุทานออกมาระหว่างช่องว่างว่า “อย่าอย่าอย่า ไม่เอาที่นี่ ไปที่เตียง…”
ลั่วชิงเหยียนได้ยินพลางหัวเราะ อุ้มหยุนชางขึ้น หันหลังเดินไปที่เตียง เอื้อมมือไปดึงมุ้งลง เสื้อผ้าถูกโยนทิ้งอย่างทีละชิ้น และตกลงบนพื้น…
ผล็อยหลับไปตั้งแต่กลางวันจนถึงฟ้ามืดจริงๆ เมื่อหยุนชางตื่นขึ้น ดูเหมือนลั่วชิงเหยียนเพิ่งตื่นไม่นาน ดวงตาของนางยังคงไม่ชัดเจน หยุนฉางนอนบนหน้าอกของเขา กำศีรษะและเล่นเป็นเวลานาน แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่าแคว้นเซี่ยให้ความสำคัญกับทายาทมาก เมื่อไหร่เราจะ…”
ลั่วก้มศีรษะลงเบาๆ และจูบหน้าผากหยุนชางก่อนจะกระซิบ “ไม่รีบ ตอนนี้เรากำลังตกอยู่ในอันตราย และการป้องกันตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย หากเจ้าตั้งครรภ์ ข้าเกรงว่าคนพวกนั้นคงจะกลายเป็นหมาจนตรอก ตอนนี้ มันไม่ใช่เวลาที่จะมีลูกจริงๆ รอ หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย ข้าไม่อยากทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย”
หยุนชางรู้ว่าเขากำลังพูดถูกทุกอย่างจริงๆ แล้วหลังจากเงียบไปนาน ก็พยักหน้า เซี่ยหวนอวี่จึงสั่งให้ลั่วชิงเหยียนมิต้องเข้าราชสำนักทุกเช้าเป็นเวลาสามวัน ลั่วชิงเหยียนก็มีความสุขที่ได้มีชีวิตที่สบายๆ เขาตัดสินใจจะพักผ่อนในจวนให้เต็มที่ในสามวันนี้ หยุนชางจำได้ว่าศพของพระชายารุ่ยปลอมถูกขโมยไปจากจวนอ๋อง จึงต้องการสะสางคนใช้ในจวน
ก่อนดำเนินการ ฮวากั๋วกงก็มาถึงจวนด้วยความโกรธ
“ท่านอ๋อง ท่านออกไปดูหน่อยเสียเถิด ฮวากั๋วกงทำถ้วยชาแตกไปหลายใบแล้วในลานโถงดอกไม้” เฉี่ยนอินถอนหายใจ และดวงตาของนางจ้องมองไปที่คนที่ยังคงเขียนหนังสืออยู่หลังโต๊ะอย่างสบายๆ
“ปล่อยให้เขาโยนไปเถอะ” ลั่วชิงเหยียนพูดอย่างเฉยเมย “ทำไม ถ้วยชาในจวนมีไม่พอหรือ? ถ้าไม่พอ ก็ให้องครักษ์ลับไปซื้อกลับมาเก็บไว้หลายร้อยใบก็ได้”
หยุนชางถอนหายใจ “ท่านอ๋อง ทำไมท่านต้องทำเช่นนี้? ท่านตาไม่ใช่คนดื้อรั้น ถ้าท่านไปคุยกับท่านดีๆ ท่านก็จะไม่โกรธแล้วเพคะ”
“ถ้าเจ้าเอาคำว่าไม่ทั้งหมดในประโยคนี้ออกไป ข้าจะยังเชื่ออยู่” ลั่วชิงเหยียนพูดไม่สนใจอะไร พู่กันในมือของเขาไม่เคยหยุด
“แย่แล้ว แย่แล้ว คุณชายหวังและฮวากั๋วกงกำลังต่อสู้กันที่ลานโถงดอกไม้” คนรับใช้รีบมารายงาน ราวกับได้เจอกับศัตรูที่ปะทะกัน
“คุณชายหวัง หวังจิ้นฮวน?” หยุนชางขมวดคิ้ว คนนี้ก็ท่านบรรพบุรุษอีกคน “เขาไปทำอะไรที่ล่นโถงดอกไม้”
คนรับใช้รีบกล่าวว่า ” เมื่อคุณชายหวังงีบหลับในสวนและเห็นคนใช้รีบไปมา และยกชาไปหลายถ้วยแล้ว เขาจึงถามขึ้นว่ามีแขกมาที่จวนหรือ และทำไมถึงชงชาหลายรอบ และไม่ยกชาสองสามถ้วยในคราวเดียว คนรับใช้ตอบกลับ และคุณชายได้ยิน ดังนั้นเขาจึงไปที่ลานโถงดอกไม้ เพื่อดูความตื่นเต้น และทั้งสองคนก็ทะเลาะกัน จากนั้นพวกเขาก็ต่างลงมือต่อสู้กันขอรับ”
ลั่วชิงเหยียนมีความสุขมากขึ้น “ดีหวังจิ้นฮวนทำถูกต้องแล้ว ของต่างๆในลานโถงดอกไม้พวกเขาทุบได้ตามสบาย เสียแล้วซื้อใหม่”
ลั่วชิงเหยียนไม่เพียงว่าจะไม่ไปที่ลานโถงดอกไม้ แต่ยังดึงหยุนชางเพื่อไม่ให้นางไป หยุนชางรู้ว่า เขากลัวความโกรธของฮวากั๋วกงแล้วมาระบายความโกรธใส่นาง ดีงนั้นจึงได้แต่อยู่ในห้อง
การต่อสู้ระหว่างหวังจิ้นฮวนและฮวากั๋วกงใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมง ในที่สุดฮวากั๋วกงก็จากไปด้วยความโกรธจัด หวังจิ้นฮวนชนะการต่อสู้ เขาจึงรีบไปหาลั่วชิงเหยียนเพื่อโอ้อวด “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่มาเห็นมัน เมื่อครู่ ไม่ว่าเขาจะดุยังไง ข้าก็จะไม่ลงไปและเขาก็ตามไม่ทัน ตลกมาก”
หยุนชางมองหวังจิ้นฮวนด้วยความประหลาดใจ “พวกเจ้าไม่ได้ลงมือต่อสู้กันหรือ?”
หวังจิ้นฮวนพยักหน้า “เปล่า ข้าแค่วิ่ง ยั่วยุเขาด้วยวาจา แต่เขาตามข้าไม่ทัน”
“…”
วันที่สองเป็นวันเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาของฮองเฮา ทันทีที่พวกเขากลับถึงจวน ฮองเฮาสั่งคนมาเชิญนาง แน่นอนหยุนชางไม่กล้าละเลย สั่งให้พ่อบ้านเลือกกระโปรงผ้าบางหลากสีจากของที่นำมาจากแคว้นหนิง และให้สาวใช้นำของขวัญเข้าวังกับนาง เพื่อฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาของฮองเฮา
“ในพระราชวังแคว้นเซี่ยมีนางสนมและองค์หญิงมากมาย งานเลี้ยงน้อยใหญ่มากมาย มันคงจะไม่ดีที่จะเอาของที่นำมาจากแคว้นหนิงไปมอบเป็นของขวัญตลอด ให้พ่อบ้านหาเวลาว่างไปเลือกขอล้ำค่ามาเตรียมไว้บ้างเถอะ” ลั่วชิงเหยียนเหลือบมองกระโปรงผ้าบางหลากสีที่สาวใช้ถือไว้
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย นางก็เข้าใจความจริงข้อนี้เช่นกัน ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนในการมาอยู่แคว้นเซี่ย คำเชิญไปงานเลี้ยงต่างๆไม่ขาดสาย หยุนชางยังพึ่งฐานะที่สูงกว่าของตน ในบางงานก็มิได้ไปร่วม แค่ถ้านางต้องการจะเอาชนะฮูหยินเหล่านี้ที่มีอำนาจเหล่านั้น เกรงว่าจะไม่ดีที่จะปฏิเสธแบบนี้ต่อไป
แขกชายแตกต่างจากแขกหญิง แขกชายต้องไปที่ตำหนักไท่จี้ก่อนเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้และถวายพระพรพรฮองเฮา ในช่วงเวลานี้แขกหญิงกำลังรออยู่ในวังหลัง แล้วรอฮองเฮากลับมาตำหนักเวายหยางปลดชุดราชสำนักลง แล้วค่อยเข้าเฝ้าถวายพระพร
เมื่อหยุนชางมาถึงตำหนักเว่ยหยาง ผู้คนมากมายมาถึงแล้ว แม้ว่าหยุนชางจะถือได้ว่าเป็นผู้มาเยือนวังบ่อยครั้ง แต่ก็มีนางสนมจำนวนมากในวัง แต่หยุนชางรู้จักเพียงไม่กี่คน ดังนั้นทันทีที่หยุนชางเข้าสู่ประตูตำหนักเว่ยหยาง มีความรู้สึกเพียงว่ามีดวงตากำลังมองมาที่นางจากทุกทิศทุกทาง
หูของหยุนชางนั้นดี และได้ยินเสียงกระซิบจากฝูงชนบ้างเป็นครั้งคราว “ทำไมไม่คุ้นหน้าลย เป็นผู้มาใหม่ของตำหนักใดกันนะ ข้าไม่เคยได้ยินว่าฝ่าบาททรงมีสนมใหม่นิ รูปลักษณ์ที่งดงามเยี่ยงนี้ ในวังไม่ควรไม่มีใครรู้จัก”
หยุนชางเลิกคิ้ว คือปฏิบัติต่อนางในฐานะคู่ต่อสู้งั้นหรือ?