ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 50 จับชู้
คนที่อยู่บนหลังคากระโดดลงมา หยุดอยู่หน้าหยุนชาง คืนนั้นมืดเกินไป หยุนชางมองไม่เห็นท่าทีของเขา แต่เห็นเพียงดวงตาที่ทำให้คนตกใจคู่หนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยความเย็นชา
"ถ้าข้าไม่อยู่ จะเห็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นนี้ได้อย่างไร?" จิ้งอ๋องเดินไปรอบๆ หยุนชางก่อนที่จะกล่าวว่า "ข้าไม่คิดว่า องค์หญิงซึ่งเป็นหญิงที่เพิ่งเข้าพิธีปักปิ่น ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญเรื่องชายหญิง เมื่อกี้ยังอยู่ที่นั่นมองไปเป็นเวลานานโดย ไม่ได้หน้าแดงหรือหายใจติดขัดเลย"
หยุนชางได้ยินก็โกรธเล็กน้อย แต่กลับส่งเสียงหัวเราะออกมา "เทียบไม่ได้กับเสด็จอา" หยุนชางจ้องไปที่ดวงตาของเขาแล้วกล่าวว่า "เสด็จอาทรงอย่าได้ลืมว่า เรามีข้อตกลงกัน ตอนนี้เราถูกมองว่าเป็นตั๊กแตนบนเชือก ทำไมต้องมาพุ่งเป้ากันด้วย"
จิ้งอ๋องพยักหน้า "องค์หญิงพูดมีเหตุผล แต่ช่วงนี้ข้าคิดมาโดยตลอด ในวังมีหญิงที่ฉลาดและกล้าหาญเช่นองค์หญิง มันดูไม่เหมือนพระราชธิดาเลย ไม่รู้ว่าเป็นการแอบอ้างหรือเปล่า?"
"ท่านลองหามาแอบให้สักคน" หยุนชางขมวดคิ้ว น้ำเสียงของนางก็แย่ลง
จิ้งอ๋องได้ยิน ก็หัวเราะอีกครั้ง "ช่างเถอะช่างเถอะ เป็นแมวป่าที่ไม่สามารถยั่วยุได้ จริงสิ ข้าได้ยินว่า ในวันเหมายันฮองเฮาจะจัดการกับเจ้า เจ้าต้องระวังตัวด้วย"
จู่ๆ จิ้งอ๋องก็เปลี่ยนน้ำเสียงในการพูดทำให้หยุนชางไม่สามารถปรับตัวได้เล็กน้อย ตะลึงและกล่าวว่า "อือ รู้แล้ว ขอบพระทัยที่เสด็จอาทรงเตือน"
จิ้งอ๋องพยักหน้าและกล่าวอีกครั้งว่า "แสดงตนมากเกินมันไม่ดี และเป็นเรื่องง่ายที่ผู้คนจะใช้เจ้าเป็นเป้าหมาย ในเวลที่เหมาะสม เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะใส่ร้ายผู้อื่น"
หยุนชางผงะเล็กน้อย เพียงแค่จะตอบกลับ แต่ก็เห็นแวบหนึ่ง ร่างจิ้งอ๋องตรงหน้าอยู่ที่ไหน หยุนชางขมวดคิ้วพิจารณาคำพูดของจิ้งอ๋องอย่างถี่ถ้วนและหันกลับไปที่ตำหนักชิงซิน
เมื่อเห็นหยุนชางกลับมา เฉี่ยงอินก็รีบก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า "องค์หญิงกลับมาแล้วหรือเพคะ เรื่องของพรุ่งนี้เช้าก็จัดการเรียบร้อยแล้วเพคะ คราวนี้ จะไม่มีอะไรผิดพลาด"
หยุนชางพยักหน้า หันไปมองเฉี่ยงอินกล่าวว่า "เจ้าอยู่ในวังนี้เป็นเวลาสามปีแล้ว เจ้าคิดว่าโครงสร้างของเหล่านางสนมในวังนี้เป็นอย่างไร"
เฉี่ยงอินได้ยิน ก็ดึงหยุนชางมานั่งบนเก้าอี้ก่อนแล้วพูดว่า "องค์หญิงถามถูกคนแล้วเพคะ สำหรับเรื่องนี้ หม่อมฉันได้ไปตรวจสอบมาเป็นพิเศษ ในวังนี้ มีสนมไม่มากนัก เหม่ยเหรินมี 17ท่าน แบ่งออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมฮองเฮาเป็นหลัก ที่หลักๆมี ลู่เจ๋าอี๋ หลี่ซูหยวน หลานกุ้ยปิง และยังมีเจี๋ยยวี๋ ฮวา,ฉิงสองท่าน อีกฝ่ายก็ดูภายนอกจะดีกับฮองเฮา แต่ในความเป็นจริงมีพระสนมซูเป็นหลัก ส่วนใหญ่ได้แก่ ฉินเจาหรง ซวีซูอี๋ และหวั่นกุ้ยปิง นอกจากนี้ยังมีหยิงเจี๋ยยวี๋ที่ไม่ยินดีที่จะให้เกียรติกับฮองเฮา หยิงเจี๋ยยวี๋เคยทรงตั้งพระครรภ์ ครั้งหนึ่งไปถวายพระพรฮองเฮา แต่นางทำให้ฮองเฮาขุ่นเคือง ถูกฮองเฮาลงโทษให้คุกเข่า จากนั้นเด็กก็แท้งไป ตั้งแต่นั้นมา หยิงเจี๋ยยวี๋ก็ยิ่งเกลียดชังฮองเฮา และเคยประกาศศักดาไว้ว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนาง ต้องเป็นฮองเฮาเป็นผู้กระทำ ส่วนที่เหลือก็พรรคพวกอย่างเห็นได้ชัด และไม่ได้เป็นที่โปรดปรานมากนัก หม่อมฉันก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่"
หยุนชางพยักหน้า พึมพำในปากของนาง "หยิงเจี๋ยยวี๋เหรอ… "
"ไปตรวจสอบเรื่องของหยิงเจี๋ยยวี๋ให้ข้าที ตรวจสอบได้แล้ว มารายงานให้ข้า ต้องให้ละเอียดนะ ละเอียดจนหยิงเจี๋ยยวี๋คนนี้ชอบอะไร เกลียดอะไร ปกตินางมักทำอะไร นางกำนัลคนใดที่นางไว้วางใจ…"
เฉี่ยงอินรีบตอบรับ "หม่อมฉันจะส่งคนไปตรวจสอบโดยเร็วที่สุด องค์หญิง มันดึกแล้ว ท่านควรพักผ่อนก่อน"
หยุนชางตอบ "อือ" และให้เฉี่ยงอินปรนิบัติหวีผมเปลี่ยนผ้า แล้วก็ไปเข้านอนพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น ที่พระราชวังชีอู๋ เป็นเวลาที่นางสนมถวายพระพร ฮองเฮากำลังสนทนากับนางสนมที่มาถวายพระพร
"ฝ่าบาทไม่ได้เสด็จมาที่ตำหนักชีอู๋เป็นเวลาหลายวันแล้ว ไม่ง่ายเลยที่เมื่อวานทรงเสด็จมา เหตุใดฮองเฮาจะใจกว้างขนาดนี้ได้ แค่ให้ฝ่าบาทอยู่เพียงชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น หม่อมได้ยินว่าเมื่อวานฝ่าบาทไม่ได้กลับไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง ไม่รู้ว่า นางจิ้งจอกตนไหนหลอกล่อไป"ทหญิงที่พูดอยู่นั้น มุมปากเผยความเยาะเย้ยเล็กน้อย ดวงตาเหล่ไปที่ฮองเฮาซึ่งนั่งอยู่เหนือ ที่นั่งหลัก
ฮองเฮายิ้มเล็กน้อย พูดอย่างใจเย็น "ช่วงนี้งานหลวงค่อนข้างยุ่งวุ่นวาย ในฐานะผู้ดูแลวังหลัง สมควรแล้วที่ต้องคำนึงถึงฝ่าบาท ยังต้องขอให้เหล่านางสนมต้องยับยั้งชั่งใจมากขึ้นด้วย ท้ายที่สุดแล้ว งานหลวงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หยิงเจี๋ยยวี๋ เจ้าก็อย่าเองแต่พูดนางจิ้งจอกอะไรเลย มันจะไม่ดีเลยถ้าใครได้ยินเข้า"
"ฮองเฮาทรงอ่อนโยนและมีคุณธรรมจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของวังหลัง หม่อมฉันชื่นชมเพคะ" หญิงอีกคนรีบพูด
หยิงเจี๋ยยวี๋ยิ้มพร้อมกับการถากถางเล็กน้อยในสายตาของนาง "หลานกุ้ยปิงช่างเยินยอเก่งเสียจริงๆ"
กำลังเปิดศึกอย่างไม่โจ่งแจ้งอยู่นั้น แต่ซิ่วซินก็รีบเดินเข้ามา และพูดอะไรบางอย่างข้างหูของฮองเฮา ฮองเฮาขมวดคิ้ว "ทำไมทำเช่นนี้ ยังไม่รีบพาข้าไป"
"ฮองเฮา เกิดอะไรขึ้น?" หลานกุ้ยปิงถามอย่างรวดเร็ว
ฮองเฮาลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเล็กน้อยบนใบหน้าของนาง ด้วยความสง่างามในตัว "ก่อนหน้านี้นางกำนัลขององค์หญิงฮุ้ยกั๋วกระทำผิดในจวนจิ้งอ๋อง ถูกจิ้งอ๋องตีจนขาหัก อยู่มาวันหนึ่งระหว่างที่ข้าเดินเล่นอยู่นั้น เห็นนางจะกระโดดลงไปในทะเลสาบเพื่อฆ่าตัวตาย ทนเห็นไม่ได้ จึงขอนางจากชางเอ๋อร์มา ให้พักอยู่ที่ตำหนักด้านหลัง ยังส่งคนไปดูแล ไม่คิดว่ามีคนเห็นนางแอบออกไปนัดพบเมื่อคืนนี้ วันนี้ยังไม่กลับมา ถ้ามีชายอื่นเข้ามาในวังหลังแห่งนี้ มันจะสร้างปัญหาใหญ่โต จะละเมิดกฏของวัง ข้าจะได้ดูว่าเป็นผู้ใดที่ช่างบังอาจนัก"
ทุกคนได้ยิน ต่างก็มองซึ่งกันและกัน หลานกุ้ยปิงกล่าวอย่างรีบร้อน "องค์หญิงฮุ้ยกั๋วก็ประมาทนางกำนัลของตัวเองมากเกินไปแล้ว มันผิดจริงๆที่ปล่อยให้คนในตำหนักของนางทำเช่นนี้"
ฮองเฮาได้ยินก็พยักหน้า "ส่งคนไปเรียกองค์หญิงฮุ้ยกั๋วมาเถอะ ทุกคนก็ตามข้าไปดู วังแห่งนี้สงบสุขมาตลอด เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีเรื่องไร้สาระเช่นนี้เกิดขึ้น ต้องได้รับการลงโทษอย่างหนัก"
หลังจากพูดจบ ฮองเฮาก็พาเหล่านางสนมออกจากตำหนักซีอู๋ เดินไปที่ตำหนักไร้คนที่ผู้ส่งข่าวรายงานมา ทันทีที่เดินไปที่ประตูตำหนัก ก็เห็นหยุนชางรีบมาพร้อมกับนางกำนัลสองคน
"ชางเอ๋อร์ถวายพระพรเสด็จแม่ ถวายพระพรพระสนมทุกท่าน"
ฮองเฮาเหลือบมองไปที่หยุนชางอย่างแผ่วเบาและกล่าวว่า "เจ้าเพิ่งปักปิ่น ยังไม่รู้เรื่องผู้ชายและผู้หญิงมากนัก เดิมทีข้าก็ไม่ควรเรียกเจ้ามา แต่ฉิงเมิ่งคนนี้ก็เคยเป็นนางกำนัลเจ้าเช่นกัน ตอนนี้นางทำเช่นนี้ ก็เกี่ยวข้องกับเจ้า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เจ้าจะไม่รอดพ้นจากความผิดวินัยที่หละหลวม ชางเอ๋อร์ เจ้ารู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้หรือไม่?"
หยุนชางก้มศีรษะลง พร้อมกับสีหน้าเศร้าใจ "ชางเอ๋อร์รู้ดีเพคะ"
ฮองเฮาพยักหน้า และกล่าวกับขันทีที่นำทาง "ให้ข้าพังประตู"
ขันทีตรงหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว รีบวิ่งไปที่ประตูตำหนัก เพียงได้ยินเสียงดัง "ปัง" และประตูก็เปิดออก ขันทีรีบถอยไปด้านข้าง ฮองเฮาก็เดินเข้ามาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง
ใต้ชายคาหน้าตำหนัก มีชายและหญิง 2 คนนอนอยู่ด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย ฮองเฮาทรงมองดูและตรัสอย่างโกรธๆ ว่า "ยังไม่รีบคุมตัวชายโฉดหญิงชั่วสองคนนี้โดยเร็ว"
เหล่าบริพารรีบไปเดินเข้าไป และจับชายและหญิงสองคนบนพื้นขึ้นมา แต่ทันใดนั้นตัวสั่นก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับฮองเฮาและพูดว่า "ฮอง… ฮองเฮา ดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่าบาท…"