ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 495 บุญคุณ
หยุนชางขมวดคิ้ว นางลุกขึ้นและกล่าวว่า “เอาชาและของทานเล่นไปที่โต๊ะหินข้างนอกแล้วไปเรียกเฉี่ยนอินมา”
สาวใช้ขานรับอย่างรวดเร็วแล้วจึงออกไปเตรียมของ
หยุนชางจงใจขลุกอยู่ในห้องอีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปและยิ้มบางๆ ให้ชายในอาภรณ์สีน้ำเงินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหินใต้ต้นไม้ในลาน “ขอโทษ เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไปขณะอ่านหนังสือจึงได้ออกมาช้าไปเสียหน่อย ทำให้ท่านต้องรอนานเสียแล้ว”
หลิ่วหยินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองหยุนชางด้วยแววตาอ่อนโยน “ไม่เป็นไร”
เมื่อเขาเพิ่งพูดจบ หยุนชางก็เห็นเฉี่ยนอินเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นหลิ่วหยินเฟิงนางก็ตะลึงไป จากนั้นจึงยิ้มและทักทายเขาก่อนจะไปยืนนิ่งอยู่ด้านหลังหยุนชาง
หลิ่วหยินเฟิงมองไปยังเฉี่ยนอินที่แปลงโฉมด้วยเช่นกัน สายตาของเขาทอดไปยังแขนเสื้อข้างขวาที่ว่างเปล่าพลางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดูแล้วแม่นางเฉี่ยนอินฟื้นตัวได้ไม่เลวเลย เป็นเรื่องน่ายินดีนัก”
เฉียนอินตกตะลึงและรีบกล่าวว่า “เฉี่ยนอินต้องขอบคุณคุณชายหลิ่วอีกครั้งที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” หลิ่วหยินเฟิงหัวเราะเบาๆ สายตาของเขามองไปที่ใบหน้าของหยุนชางกับเฉี่ยนอินแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ปรมาจารย์ด้านการแปลงโฉมที่อยู่ข้างกายอาหยุนช่างฝีมือประณีตนัก ข้าแทบจำไม่ได้”
หยุนชางยิ้มรับเล็กน้อยและไม่ได้กล่าวอะไร
“ตอนที่ข้าอยู่ที่บ้านเกิด ข้าตกใจแทบแย่เมื่อได้ยินข่าวการตายของพระชายารุ่ยอ๋องจึงรีบส่งหนังสือไปยังเมืองหลีจึงรู้ว่าเจ้าสบายดี โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ไม่เช่นนั้นข้าคงเสียใจไปชั่วชีวิต” หลิ่วหยินเฟิงจ้องมองหยุนชางอย่างไม่วางตาทำให้หยุนชางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ความคิดในหัวของนางผุดขึ้นและหายไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
หลิ่วหยินเฟิงกลับพูดต่อว่า “เมื่อวานอาหยุนแปลงโฉมเป็นข้าเข้าไปหาหวังจิ้นฮวนหรือ?”
เมื่อเข้าประเด็นหลัก หัวใจของหยุนชางก็กระตุกวูบ นางยิ้มและพยักหน้าเบาๆ “มีเรื่องแบบนี้จริงๆ หลังจากที่ข้ากลับมาที่เรื่องรับรองก็ได้ยินว่าคุณชายหวังเมามายไม่ได้สติ ข้าจึงกังวลว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เพียงแต่มีทหารเฝ้าอยู่และไม่อนุญาตให้เข้าไป ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้ ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
เมื่อหลิ่วหยินเฟิงได้ยินเช่นนั้น ประกายรอยยิ้มในดวงตาของเขาก็ยิ่งมากขึ้น “อาหยุนไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ เพียงแต่ตอนที่ข้าไป ทหารผู้นั้นทักข้าว่าข้ามาอีกแล้วหรือ ข้าจึงรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อข้ากำลังจะถาม แต่จู่ๆ ก็นึกถึงเจ้า เกรงว่าจะเป็นเจ้าข้าจึงเออออไปตามนั้น เป็นเจ้าจริงๆ เสียด้วย โชคดีที่ข้าไม่ได้ถามออกไป”
หยุนชางยิ้มบางและก้มหัวขอบคุณเขาเบาๆ แต่นางกลับรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย เมื่อวานนางคิดแต่เพียงว่านางจะเข้าไปได้อย่างไร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าด้วยเหตุนี้นางจึงเป็นหนี้บุญคุณของเขาอีกแล้ว สิ่งที่นางไม่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือการเป็นหนี้บุญคุณของหลิ่วหยินเฟิง แม้จะไม่รู้ว่าที่หลิ่วหยินเฟิงบอกว่าชอบนางนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้นางก็แต่งงานแล้วจึงไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับผู้ใดอีก เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้วก็ล้วนไม่ยุติธรรมสำหรับทั้งหลิ่วหยินเฟิงและลั่วชิงเหยียนอย่างไรข้าก็ไม่อาจเป็นคนเนรคุณ แม้ว่าตอนนี้ข้าเพิ่งจะมาถึงแคว้นเซี่ยได้ไม่นาน สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ก็มีไม่มากนัก แต่ในไม่ช้าสายลับทั้งหมดของข้าจะตามมาที่แคว้นเซี่ย แม้ว่าข้าจะไม่สามารถบอกคุณชายหลิ่วได้ว่าข้ามาสายลับจำนวนเท่าใด แต่หากพวกเขามาถึงแคว้นเซี่ยแล้วก็จะสามารถทำอะไรหลายอย่างได้อย่างสะดวก ข้าสัญญาว่าจะให้คุณชายหลิ่วสามารถใช้สายลับของข้าได้สามครั้งเป็นการตอบแทน หากคุณชายหลิวมีความประสงค์อันใดก็สั่งมาได้เลย”
เมื่อหลิ่วหยินเฟิงได้ยินคำพูดนั้น นิ้วของเขาขยับเล็กน้อย รอยยิ้มในดวงตาของเขาค่อยๆ จางลง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “ตกลง ข้าจะจำไว้”
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น หยุนชางก็เห็นลั่วชิงเหยียนเดินเข้ามา ทันทีที่เข้ามา ลั่วชิงเหยียนก็เห็นคนสองคนนั่งอยู่ในลานบ้าน ดวงตาของเขากวาดมองคนทั้งสามในลานบ้านอย่างเรียบเฉย เขายิ้มเล็กน้อยแล้วจึงเดินไปที่ข้างกายหยุนชางเพื่อทักทายหลิ่วหยินเฟิง “คุณชายหลิ่ว”
หลิ่วหยินเฟิงพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนพูดกับลั่วชิงเหยียน “เป็นอย่างไรบ้าง?”
ลั่วชิงเหยียนยิ้มเล็กน้อย แต่สายตาของเขากลับหลุบลงมองหยุนชางที่กำลังเล่นกับถ้วยน้ำชาพลางกล่าวว่า “ข้าค้นห้องของนางโลมผู้นั้นจนทั่วแล้ว แต่ไม่พบอาวุธสังหาร”
มือของหยุนชางชะงักลง นางคิดในใจว่ามิน่าล่ะลั่วชิงเหยียนจึงไม่ได้มากับหลิ่วหยินเฟิงด้วย ที่แท้เป็นเพราะถูกหลิ่วหยินเฟิงกันออกไปนี่เอง
“ในหอจุ้ยเฟิ่งมีข้ารับใช้ในครัวหายไปคนหนึ่ง” ลั่วชิงเหยียนเอ่ยเสียงเบา “แม่เล้าบอกว่าไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า นึกว่าเขาคงจะออกไปซื้อของแต่กลายเป็นว่าหายไปหนึ่งวันหนึ่งคืนก็ยังไม่ได้กลับมา จึงได้รู้ว่าเขาหายไปแล้ว”
“ข้ารับใช้ในครัว?” หลิ่วหยินเฟิงเอ่ยทวนด้วยน้ำเสียงข้องใจ
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า “ใช่ ข้าได้ยินมาว่าเขาเพิ่งถูกจ้างมาเมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งมาอยู่ที่หอจุ้ยเฟิ่งได้เพียงสี่หรือห้าวันเท่านั้น”
เพียงห้าวันหรือ หยุนชางใคร่ครวญในใจอย่างละเอียด ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้าเฝ้าที่ตำหนักไท่จี๋จนถึงตอนที่หวังจิ้นฮวนเกิดเรื่องก็เป็นเวลาสี่ห้าวันพอดี นี่ดูเหมือนบังเอิญเกินไปเล็กน้อย
หลิ่วหยินเฟิงพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว” เขาพูดพลางยืนขึ้นและพูดกับหยุนชางว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อน”
หยุนชางยิ้มและประสานมือคารวะ ทั้งยังสั่งให้เฉี่ยนอินไปส่งเขาและมองจนเขาจากไป จากนั้นจึงหันกลับมามองลั่วชิงเหยียนที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น “ท่านกินอะไรมาหรือยัง?”
ลั่วชิงเหยียนส่ายหน้า หยุนชางจึงให้สาวใช้ไปเตรียมอาหารกลางวันแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องกับลั่วชิงเหยียน
หยุนชางนั่งลงบนเบาะนุ่มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ของลั่วชิงเหยียนและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “วันนั้นหลิ่วหยินเฟิงช่วยชีวิตข้ากับเฉี่ยนอินไปพอดี อย่างไรเขาก็มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ เมื่อเขามาเยี่ยมเยียน ข้าก็ยากจะปฏิเสธ แต่ข้าก็ไม่ได้ให้เขาเข้าห้อง เพียงแค่นั่งคุยกันข้างนอกเท่านั้นแล้วยังมีเฉี่ยนอินอยู่ด้วย ข้าไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของเขาจึงได้ให้สัญญากับเขาไปว่าข้าจะให้เขายืมใช้สายลับของข้าสามครั้งเป็นการตอบแทนพระคุณ”
เมื่อลั่วชิงเหยียนได้ยินหยุนชางพูดเช่นนี้ คิ้วของเขาก็ค่อยๆ ขมวดมุ่น ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังหยุนชางและเงียบไปอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากขึ้น “เจ้ารู้แล้วว่าหลิ่วหยินเฟิงชอบเจ้า?”
หยุนชางผงะไปครู่หนึ่ง นางไม่ทันเตรียมใจว่าเขาจะพูดเช่นนี้ออกมา นางนิ่งไปเล็กน้อยขณะที่มองไปที่ลั่วชิงเหยียนโดยไม่รู้จะตอบอย่างไร
เมื่อลั่วชิงเหยียนเห็นท่าทางของนางเขาก็รู้คำตอบทันที มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มเย็นชา “หลิ่วหยินเฟิงไม่ได้โง่ เขารู้ว่าทำเช่นนี้จะทำให้เจ้ารู้สึกผิด”
หยุนชางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงพูดเช่นนี้ แต่นางได้ยินเขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ในเมื่อเขาช่วยเจ้า เจ้าและข้าเป็นสามีภรรยากัน บุญคุณนี้ข้าที่เป็นสามีของเจ้าก็ควรจะเป็นผู้ทดแทน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะตอบแทนบุญคุณเขาจนหมดแน่”
หยุนชางพยักหน้าเบาๆ เมื่อเห็นดวงตาเย็นชาของลั่วชิงเหยียน นางก็เปลี่ยนเรื่องสนทนาไป “เมื่อครู่ข้าออกไปที่ร้านขายยาเพื่อหาสมุนไพรที่ใช้ปรุงยาสัตตนิทราและได้ยินว่ามีคนนำใบตำรับยาฉบับเดียวกันนั้นมาซื้อยาที่ร้านของเขาในเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าจึงขอให้เจ้าของร้านยาวาดรูปคนผู้นั้นให้ แต่ตอนนี้อยู่ที่เฉี่ยนอิน อีกเดี๋ยวข้าจะนำมันมาให้ท่าน”