ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 494 ตามรอยสมุนไพร
หยุนชางอึ้งไปเล็กน้อยแต่มุมปากของนางกลับกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม นางไม่ได้มาเสียเที่ยวจริงๆ
“ยังมีคนมาถามหายาสองชนิดนี้เช่นกันหรือ? เจ้ายังทำลักษณะท่าทางของคนผู้นั้นได้อยู่หรือไม่? หากจำได้ข้าอยากไปถามว่าเขาหายาสองชนิดนี้ได้หรือไม่ และหากหาได้ข้าก็อยากรู้ว่าข้าจะไปหาซื้อได้จากที่ใด”
เถ้าแก่ร้านขมวดคิ้วนึกอยู่นานแล้วจึงส่ายหน้า “ข้าจำไม่ได้หรอก คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นผู้หญิง หน้าตาธรรมดา เสื้อผ้าก็เป็นแบบสตรีทั่วไป ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ข้ารู้ว่ายาสองชนิดนี้จะหาได้จากไหน ทางทิศตะวันตกของเมืองมีตรอกที่ชื่อว่าตรอกซานชุ่น ที่นั่นมีร้านยาเล็กๆ ไม่ใหญ่นักอยู่ร้านหนึ่ง ที่นั่นขายของแปลกๆ ที่หายากโดยเฉพาะ”
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนั้นนางก็รีบกล่าวขอบคุณ “เช่นนั้นก็ขอขอบใจเถ้าแก่มาก รบกวนเถ้าช่วยห่อยาที่เหลือที่ข้าต้องการให้ด้วยเถอะ อีกครู่ข้าจะมารับ”
เถ้าแก่รับรับคำแล้วจึงส่งตำรับยาให้ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้าง หยุนชางจึงจากไปและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เขาบอกมา
ร้านขายยานั้นเล็กจริงๆ แต่กลับมียาสมุนไพรล้ำค่าหายากมากมาย มีบุรุษในชุดขาวผู้หนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนม้าโยก หยุนชางจึงมองสำรวจสิ่งของต่างๆ มากมายในห้องไปทีละอย่าง มีทั้งนอแรด เขากวางอ่อน…
ดวงตาของหยุนชางเปล่งประกาย นางเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณชายเป็นเถ้าแก่ของร้านนี้หรือ?”
ชายชุดขาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จึงได้หันกลับมา เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม สายตาของเขาทอดลงบนร่างของหยุนชางอย่างประเมินแล้วชะงักไปเมื่อมองไปที่ใบหน้าของหยุนชางก่อนจะเอ่ยว่า “คุณชายต้องการอะไรหรือ?”
“เน็กฉ่งย้งกับบัวหิมะ” หยุนชางรีบตอบ
เมื่อชายผู้นั้นได้ยินเช่นนั้นเขาก็คลี่ยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง “โอ้? บังเอิญจริง ลูกค้าของข้ามีไม่มากนัก ยากนักที่จะมีลูกค้าสองคนต้องการสิ่งเดียวกัน เพียงแต่โชคร้ายที่ยาสองตัวนี้ถูกลูกค้าคนก่อนหน้าซื้อไปหมดแล้วและยังไม่มีของมาเพิ่ม”
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่าผู้ที่มาซื้อไปหน้าตาท่าทางเป็นอย่างไร ชื่อว่าอะไรและอยู่ที่ไหน? ความจริงแล้วข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องใช้ยาสองชนิดนี้”
ชายชุดขาวผู้นั้นยิ้มแล้วจึงเอ่ยว่า “แม่นางผู้นั้นไม่ได้บอกชื่อของนาง ส่วนหน้าตาท่าทางนั้นข้าสามารถวาดภาพให้ท่านได้”
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็ตาวาว นางรีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ต้องขอบใจคุณชายมาก”
ชายชุดขาวยืนขึ้นเดินมาที่โต๊ะ เขากางกระดาษเซวียนจื่อออก หยิบพู่กันขึ้นมาจุ่มหมึก ไม่นานก็วาดเสร็จ เขาเป่าให้หมึกแห้งแล้วจึงยื่นภาพนั้นให้หยุนชาง นางรับมันมามองดูก็เห็นว่าหญิงนางนั้นหน้าตาธรรมดาจริงเสียด้วย
หยุนชางหยิบเงินออกมาจากถุงเงินข้างเอวยื่นให้เขา “ขอบใจท่านมาก”
ชายชุดขาวกลับคลี่พัดในมือ “ไม่มีผลงานไม่รับรางวัล ข้าไม่ได้ขายอะไรให้ท่าน เงินนี้ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก” เขาพูดพลางหยิบหนังสือด้านข้างขึ้นมาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้โยกอีกครั้งและไม่สนใจหยุนชางอีก
เมื่อหยุนชางเห็นดังนั้นก็กล่าวขอบคุณเขาอีกครั้งและออกจากร้านไป
เมื่อกลับมาที่ร้านยาแห่งเดิม ผู้ช่วยได้ส่งยาที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วให้หยุนชาง นางรับมาแล้วนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงยื่นภาพวาดที่ชายชุดขาวให้เถ้าแก่ที่ร้านดู “เถ้าแก่ นี่คือแม่นางท่มาซื้อยาวันนั้นหรือไม่?”
ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างนำตำรับยาเข้ามาหาเถ้าแก่ “เถ้าแก่ขอรับ ลูกค้าท่านนั้นต้องการยาที่ใช้คงสภาพศพ ท่านช่วยดูหน่อยว่าข้าเขียนถูกแล้วหรือไม่?”
เถ้าแก่จึงขอให้หยุนชางรอสักครู่แล้วรับตำรับยามา “ซูเหอเซียง เกาเหลี่ยงเกีย ซิงอี้ ตะไคร้ ถูกต้อง ตามนี้ล่ะ ผู้ช่วยเถ้าแก่รับคำและจากไป
แต่หยุนชางกลับอึ้งไป ยาสมุนไพรเหล่านี้…
เถ้าแก่หันกลับมามองภาพวาดนั้นแล้วพยักหน้า “ใช่ๆๆ เป็นนาง”
หยุนชางจึงรีบเก็บภาพไป “เถ้าแก่ ซูเหอเซียง เกาเหลี่ยงเกีย ซิงอี้ ตะไคร้บวกกับฮวยเจียใช้สำหรับทำอะไรหรือ?”
เถ้าแก่อึ้งไปเล็กน้อยแล้วจึงหัวเราะออกมา “ใช้กันไม่ให้ศพเน่าเปื่อย ปกติแล้วต้องทิ้งศพไว้ในจวนสามถึงเจ็ดวันจึงจะนำไปฝัง ช่วงนี้อากาศร้อน ศพเน่าเปื่อยง่าย ผู้คนมากมายจึงใช้เครื่องหอมและยาสมุนไพรมาคงสภาพไม่ให้เน่าเปื่อย”
“เมื่อครู่ข้าได้กลิ่นหอมประหลาดมาจากตัวท่านอ๋องเจ็ด คล้ายกับกลิ่นกำยาน คนทั่วไปมักใช้กลิ่นกำยานเพียงกลิ่นเดียว แต่ข้าได้กลิ่นซูเหอเซียง เกาเหลี่ยงเกีย ซิงอี้ ตะไคร้และยังมีกลิ่นอ่อนๆ ของฮวยเจียมาจากร่างของเขาด้วย”
หยุนชางนึกถึงคำที่หวังจิ้นฮวนเอ่ยกับนางในวันนั้นยามออกมาจากตำหนักไท่จี๋ หัวใจของนางกระตุกวาบ อ๋องเจ็ด ศพ การคงสภาพศพ
ท่านอ๋องเจ็ดนี่เอง เขาขโมยศพของชายารุ่ยอ๋องตัวปลอมไป
หยุนชางกล่าวขอบคุณเถ้าแก่แล้วจึงรีบออกจากร้านขายยาไป นางขึ้นรถและสั่งคนขับรถม้าว่า “กลับเรือนรับรอง”
เมื่อกลับมาถึงเรือนรับรองแล้ว หยุนชางก็เห็นว่าด้านหน้ามีรถม้าสองคันจอดอยู่ นางชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมองรถม้านั้น สายตาของนางจดจ้องอยู่ที่ป้ายแขวนทั้งสี่มุมของรถที่เขียนอักษร “หลิ่ว”
หลิ่ว หลิ่วหยินเฟิง
นางก้าวเข้าไปในเรือนรับรองและมุ่งหน้าไปยังห้องของตนเอง เฉี่ยนอินนั่งเหม่ออยู่ด้านใน ด้านหน้าของนางมีสะดึงปักผ้าอยู่ บนผ้าปักนั้นมีดอกไม้สองสามดอกที่ปักอย่างไม่เป็นระเบียบนัก
“เฉี่ยนอิน?” หยุนชางเรียกนางเบาๆ
เฉี่ยนอินสะดุ้งอย่างแรงราวกับตกใจมาก นางเงยหน้าขึ้นมองหยุนชางแล้วจึงค่อยๆถอนหายใจอย่างโล่งอก “นายท่านกลับมาแล้วหรือ”
หยุนชางพยักหน้า “หลิ่วหยินเฟิงอยู่ที่นี่หรือ?”
เฉี่ยนอินวางสะดึงปักผ้าลงด้านข้างแล้วพยักหน้าน้อยๆ “เพคะ เพิ่งมาได้ไม่นาน ท่านอ๋องก็ตามเขามาด้วย พอมาถึงก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องของคุณชายหวังเลย หม่อมฉันไม่กล้าไป กลัวว่าถูกคุณชายหลิ่วพบเข้าแล้วเขาจะรู้ตัวตนของท่าน ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าที่นั่นสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
หยุนชางหัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอก เขารู้แล้วว่าข้าแปลงโฉม” ในใจนางนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่รู้เรื่องที่เมื่อวานนางปลอมตัวเป็นหลิ่วหยินเฟิงเข้าไปหาหวังจิ้นฮวน หากทหารเหล่านั้นถามขึ้นจะต้องเผยพิรุธแน่… ทหารเหล่านั้นเป็นคนของเซี่ยหวนอวี่
ในใคร่ครวญในใจอยู่ชั่วครู่ว่าเมื่อมีลั่วชิงเหยียนอยู่ด้วยคงไม่มีปัญหาอะไรนัก จึงวางใจลงเล็กน้อย นางกล่าวกับเฉี่ยนอินว่า “ข้าสงสัยว่าท่านอ๋องเจ็ดจะเป็นคนที่ขโมยศพของชายารุ่ยอ๋องตัวปลอมไป เจ้าให้คนไปสืบหน่อยเถอะ”
“ท่านอ๋องเจ็ด?” เฉี่ยนอินอึ้งไป นางรู้ว่าหยุนชางไม่มีทางเอ่ยเช่นนี้ขึ้นมาโดยไร้เหตุผล นางจึงรีบรับคำ
หยุนชางเอาภาพที่ชายชุดขาววาดยื่นให้เฉี่ยนอินแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “และให้สายลับสืบหาแม่นางผู้นี้ด้วย แล้วก็ในตรอกซานชุ่นมีร้านยาแห่งหนึ่ง เถ้าแก่ที่นั่นเป็นคุณชายอายุไม่มากคนหนึ่ง ไปสืบมาให้ข้าด้วยเช่นกัน”
เฉี่ยนอินรับคำแล้วจึงไปจัดการ
หยุนชางอ่านหนังสืออยู่ในห้องสักพักแต่ลั่วชิงเหยียนก็ยังไม่กลับมา นางได้ยินสาวใช้มารายงานว่า “นายท่าน คุณชายหลิ่วหยินเฟิงขอพบเจ้าค่ะ”
หยุนชางหรี่ตาลงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหยินเฟิง เขามาทำไมกันนะ? แล้วชิงเหยียนล่ะ? ไม่ได้อยู่กับเขาหรือ?
“นอกจากคุณชายหลิ่วแล้วยังมีใครอีกหรือไม่?” หยุนชางถาม
สาวใช้ส่ายหน้า “ข้าเห็นเพียงคุณชายหลิ่วคนเดียวเจ้าค่ะ”