ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 493 ยาสัตตนิทรา
หยุนชางแค่นเสียงอย่างเย็นชา “หวังจิ้นฮวน เจ้ายังจำได้ไหมว่าเมื่อคืนเจ้าไปไหนมา?”
เมื่อหยุนชางเอ่ยปากขึ้นหวังจิ้นฮวนก็อึ้งไป ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้สติ “พระ… พระชายา?”
หยุนชางพยักหน้าเบาๆ แล้วจ้องมองเขาโดยไม่ขยับเขยื้อน “ข้าขอเตือนให้เจ้านึกให้ดีๆ ว่าเมื่อคืนเจ้าไปที่ไหนและทำอะไรไปบ้าง”
หวังจิ้นฮวนได้ยินเช่นนั้นก็มองไปที่หยุนชางด้วยความข้องใจ แต่ก็เห็นว่านางไม่มีท่าทีล้อเล่นแต่อย่างใดจึงได้รู้สึกเอะใจขึ้นมา “ทำไมหรือ? เกิดเรื่องขึ้นหรือ?” เขาขมวดคิ้วทันที “ทำไมห้องนี้มีกลิ่นเหล้าแรงขนาดนี้ ใครทำไหเหล้าแตกหรือ?”
“เกิดเรื่องแล้ว เมื่อคืนเจ้าไม่ได้กลับมาทั้งคืน จนกระทั่งถึงเวลางานเลี้ยงก็ยังไม่กลับมา ฝ่าบาทส่งคนออกตามหาเจ้า แต่กลับพบเจ้าอยู่ในห้องของนางคณิกาของหอจุ้ยเฟิ่ง ตอนที่พบเจ้า ตัวเจ้าเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้านอนอยู่บนเตียงของนางโลมผู้นั้นและศพของนางนอนตายข้างเตียงนอน” สายตาของหยุนชางทอดลงไปยังร่างของหวังจิ้นฮวนและเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนจากงุนงงเป็นตกตะลึง นางจึงเอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง “เมื่อคืนนี้เจ้าไปไหนมา? ดื่มเหล้าหรือ? ดื่มไปเท่าไหร่? แล้วจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”
หวังจิ้นฮวนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ ข้าไม่ได้ดื่มเลยสักนิด หลังข้าออกจากเรือนรับรองไป ข้าก็ไปเดินเล่น เดินเล่นไปสักพักก็เบื่อจึงได้เข้าไปหาอะไรกินที่โรงเตี๊ยม ในห้องโถงมีเสียงดังน่ารำคาญ ข้าจึงไปอยู่ในห้องแยก แต่ข้าไม่ได้ดื่มเหล้า ต่อมาข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ากำลังกินข้าวอยู่ มีผู้หญิงถือผีผาเข้ามาบอกว่านางจะเล่นผีผาให้ฟัง ข้าไม่ได้ให้นางเข้ามา นางจึงจากไป จากนั้นข้าก็ได้กลิ่นหอมและจำอะไรอย่างอื่นไม่ได้อีก”
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็นิ่งเงียบไปอยู่นาน ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหวังจิ้นฮวนแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้หน้าเขา
หวังจิ้นฮวนผงะไปและถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว “จะทำอะไรข้า? อย่า อย่าเชียวนะ ถ้าถูกลั่วชิงเหยียนเห็นเข้าล่ะก็ ข้าต้องโดนฆ่าตายแน่”
หยุนชางขมวดคิ้วและสูดลมหายใจเข้าลึก นางยืดตัวขึ้นอีกครั้ง เลิกคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยว่า “ไม่มีกลิ่นเหล้าในปากเจ้า เจ้าไม่ได้ดื่มมาจริงๆ เกรงว่าคงจะถูกคนวางยาสัตตนิทราเข้าให้แล้ว”
“ยาสัตตนิทรา?” หวังจิ้นฮวนตกใจ “เป็นสิ่งใดกัน?”
“มันเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าดูราวกับร่ำสุราจนเมามาย เจ้าจะไม่อาจควบคุมตนเองได้และจะเมาไปเจ็ดวันเจ็ดคืนเต็ม”
“เจ็ดวัน? ข้าหมดสติไปเจ็ดวันแล้วเหรอ?” หวังจิ้นฮวนอ้าปากกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
“ไม่หรอก เมื่อครู่ข้าให้เจ้ากินยาแก้พิษไปแล้วและเอาน้ำแกงสร่างเมาให้เจ้าดื่มแล้ว เจ้าจึงได้ฟื้นขึ้นมา” หยุนชางมองไปที่หวังจิ้นฮวนแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “บางทีนางคณิกาผู้นั้นอาจจะถูกเจ้าฆ่าจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าทุกอย่างจะยุ่งยากเสียแล้ว”
หวังจิ้นฮวนได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปอยู่นานแล้วจึงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “จะกลัวอะไร อย่างไรข้าก็วิ่งเร็ว อย่างมากก็แค่หนีไปเท่านั้น”
หยุนชางหน้าบึ้งลงในพริบตา
“หนีงั้นหรือ? ตอนนี้เจ้าอยู่ในฐานะทูตของแคว้นหนิง เจ้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นไหม หากเจ้าหนีไปแล้ว แต่ที่แคว้นหนิงยังมีครอบครัวของเจ้าอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น หากแคว้นเซี่ยใช้เหตุผลนี้มาหาเรื่องแคว้นหนิง ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่”
หวังจิ้นฮวนขมวดคิ้ว “เฮ้อ ท่านกับลั่วชิงเหยียนสมกับเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ทั้งน้ำเสียงทั้งท่าทางแทบจะเหมือนกันไปเสียหมด ก็ได้ๆๆ ข้าไม่หนีหรอก ข้าจะอยู่นอนที่นี่ต่อ เรื่องสืบหาความจริงและจับตัวคนร้ายก็ฝากพวกท่านด้วยก็แล้วกัน” เขากล่าวพลางเอนตัวลงนอนอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “เฮ้อ นี่มันยาบ้าบออะไรกัน ปวดหัวชะมัด หัวข้าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว”
หยุนชางไม่สนใจเขาอีก เมื่อกลับมาที่ห้อง หยุนชางก็ถอดหน้ากากออก ล้างหน้าชำระล้างร่างกาย เอนตัวลงนอนบนเบาะนุ่มแล้วหยิบหนังสือมาอ่าน หลังจากพลิกหน้าไปสองสามหน้า นางก็หยิบหนังสือเล่มใหม่ นิ้วของนางหยุดอยู่บนบรรทัดหนึ่ง ยาสัตตนิทรา…
ดึกแล้วหยุนชางจึงวางหนังสือลง ตาของนางจ้องไปยังประตู ลั่วชิงเหยียนยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าด้านนั้นดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่ ขณะที่นางกำลังคิดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาจากด้านนอก หยุนชางตกตะลึง ผ้าม่านถูกแหวกออก ลั่วชิงเหยียนซึ่งยังคงสวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู
หยุนชางรีบลุกขึ้นและเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว “กลับมาแล้วหรือ? ราบรื่นดีไหม?”
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าน้อยๆ ท่าทางของเขาเหนื่อยเล็กน้อย หยุนชางรีบให้สาวใช้นำน้ำร้อนมาแล้วจึงให้เขาไปอาบน้ำก่อน เมื่อลั่วชิงเหยียนสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว นางก็นำน้ำแกงเห็ดหูหนูขาวมาให้เขา “ในงานเลี้ยงท่านไม่ได้กินอะไรมากนัก เกรงว่าจะรู้สึกหิว ดื่มน้ำแกงก่อนเสียหน่อยเถอะ”
ลั่วชิงเหยียนรับคำแล้วจึงยกชามขึ้นมาค่อยๆ ดื่มมันอย่างช้าๆ หยุนชางใช้โอกาสนี้เล่าเรื่องทั้งหมดของหวังจิ้นฮวนให้เขาฟัง
เมื่อลั่วชิงเหยียนดื่มน้ำแกงเห็ดหูหนูขาวหมดแล้วก็วางชามลงบนโต๊ะก่อนจะดึงหยุนชางให้นอนลงบนเตียงแล้วกระซิบ “ดังนั้นหวังจิ้นฮวนถูกวางยาสัตตนิทรา? ส่วนกลิ่นเหล้าบนตัวเขานั้นเป็นเพียงแค่การเอาเหล้ามาราดลงบนเสื้อผ้าของเขา?”
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย
ลั่วชิงเหยียนนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยว่า “หวังจิ้นฮวนเข้าไปในหอจุ้ยเฟิ่งด้วยตัวเอง ตัวเขาเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าและทันทีที่เขาเดินเข้าไปก็เอะอะโวยวายเสียงดัง บอกว่าที่หอจุ้ยเฟิ่งนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องสาวงามและบอกให้นางออกมาเปรียบเทียบกับเขา หลังจากที่นางคณิกาเดินลงบันไดมา เขาไม่ได้มองหน้านางสักนิดก็ลากนางขึ้นชั้นบนไป”
หยุนชางพยักหน้า “ยาสัตตนิทรานี้จะทำให้ดูราวกับกำลังเมามาย ผู้คนจะทำในสิ่งที่ไม่เหมือนยามมีสติ บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็หัวเราะ บ้างก็พูดพล่ามไม่หยุด ดังนั้นเราจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องของนางกันแน่และนางถูกสังหารโดยหวังจิ้นฮวนหรือไม่”
“เรื่องนี้ยุ่งยากจริงๆ เสียด้วย” ลั่วชิงเหยียนยิ้มเย็น
“พรุ่งนี้ข้าจะไปดูที่ร้านขายยาเสียหน่อย ยาสัตตนิทรานั้นไม่ใช่ของธรรมดา ตัวยาที่ใช้ทำก็ซับซ้อนมากขึ้น คนที่วางยาไม่รู้ว่าพวกเราจะรู้จักยานี้ บางทีอาจจะไม่ได้ระวังตัวนัก เพียงแค่ไปหาร้านขายยาที่มียาเหล่านี้ขายเท่านั้น ข้าจะไปถามดูเสียหน่อย บางทีอาจจะพบเบาะแสบางอย่าง” หยุนชางปลอบเขาอย่างนุ่มนวล
ลั่วชิงเหยียนรับคำและค่อยๆ ดึงให้นางลุกขึ้น “ดึกแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ”
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ยามที่หยุนชางตื่นขึ้น ลั่วชิงเหยียนก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว กลับเป็นเฉี่ยนอินที่กำลังจัดการสัมภาระ หยุนชางมองไปยังเฉี่ยนอินที่ใช้เพียงแขนเดียวทำงาน ในใจนางก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย นางลุกขึ้นนั่งและเรียก “เฉี่ยนอิน”
เฉี่ยนอินกระวีกระวาดเดินมาที่เตียงของหยุนชางและเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “นายท่านตื่นแล้วหรือ”
หยุนชางพยักหน้ารับ “ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย เจ้าให้คนไปเตรียมรถม้าเถอะ”
เฉี่ยนอินพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วจึงหันหลังเดินออกจากห้องไป หยุนชางจึงลุกขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อสีดำมาสวมและล้างหน้าแต่งตัวด้วยตนเอง
เมื่อเฉี่ยนอินเข้ามาอีกครั้งก็มีสาวใช้ตามมาด้านหลังคนหนึ่ง นางถือถาดที่มีขนมและชามโจ๊ก “นายท่านกินอะไรก่อนเถอะ”
หยุนชางรับคำแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะก่อนจะเอ่ยว่า “เขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ได้กินอะไรหรือยัง?”
เฉี่ยนอินรีบตอบว่า “ออกไปตั้งแต่สองชั่วยามก่อนแล้วและกินแล้วเพคะ”
หยุนชางจึงได้วางใจลงเล็กน้อยและรีบกินอาหารก่อนจะตรงไปยังร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
“เถ้าแก่ ในร้านมียาเหล่านี้หรือไม่?” หยุนชางหยิบแผ่นกระดาษออกมาจากแขนเสื้อซึ่งระบุรายการยาทั้งหมดที่ใช้ทำยาสัตตนิทราส่งให้คนในร้านดู
เถ้าแก่รับกระดาษมาจากหยุนชางและมองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไม่มีอยู่สองตัว ที่เหลือมีหมด”
หยุนชางมองดูตัวยาทั้งสองที่เถ้าแก่และชะงักไปเล็กน้อย เน็กฉ่งย้งและบัวหิมะงั้นหรือ
“ยาทั้งสองชนิดนี้ ชนิดหนึ่งพบได้เฉพาะในทะเลทรายที่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นเย้หลางและอีกชนิดต้องไปเก็บจากที่เขาเทียนซานทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นหนิง ตัวยาทั้งสองนี้นั้นหายากมาก” เถ้าแก่ร้านขายยาอธิบายอย่างรวดเร็ว “ไม่รู้ว่ายาตำรับนี้ของท่านใช้รักษาโรคอะไร ข้าจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ก็มีคนมาถามถึงยาสองชนิดนี้เช่นกัน”