ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 491 คดีฆ่าคนตาย
ลั่วชิงเหยียนส่ายหัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “หวังจิ้นฮวนไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่เจ้าคิด วิชาตัวเบาของเขาแม้ข้าก็ยังเทียบไม่ติดและวิทยายุทธ์ของเขาก็ไม่ด้อยเลย คนธรรมดาทำอะไรเขาไม่ได้แน่”
หยุนชางเงียบไปอยู่นานก่อนจะพูดว่า “เช่นนั้นตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี? จะถึงเวลาร่วมงานเลี้ยงแล้ว”
ลั่วชิงเหยียนใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ “ไม่เป็นไร บอกความจริงไปก็พอ หวังจิ้นฮวนเป็นทูตจากแคว้นหนิง หากเกิดเรื่องขึ้นที่แคว้นเซี่ย ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องสืบสวนอย่างละเอียด”
“เช่นนั้นก็ดี” หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดเล็กน้อยและรับคำ จากนั้นจึงพาสามคนที่เคยเข้าวังไปในวันนั้นกับหวังจิ้นฮวนและลั่วชิงเหยียนที่แปลงโฉมเรียบร้อยแล้วมุ่งหน้าไปที่วัง
มีนางกำนัลมาต้อนรับพวกเขาที่ประตูวังและพาพวกเขาไปยังตำหนักไท่จี๋ เมื่อเข้าไปในตำหนักก็มีนางระบำร้องรำทำเพลงอยู่ภายในตำหนักอยู่แล้ว เซี่ยหวนอวี่ก็นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรแล้ว
เมื่อเห็นพวกหยุนชางเข้ามา สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่พวกเขา เซี่ยหวนอวี่กวาดสายตาไปที่กลุ่มคนทั้งห้าอย่างแผ่วเบาพลางขมวดคิ้วและพูดว่า “ใต้เต้าหวังของพวกเจ้าล่ะ?”
หยุนชางรีบเดินเข้าไปย่อกายถวายพระพรต่อเซี่ยหวนอวี่และเอ่ยว่า “ฝ่าบาทโปรดให้ความยุติธรรมแก่ใต้เท้าหวังด้วย เมื่อวานนี้ให้เท้าหวังออกจากเรือนรับรองไปบอกว่าจะไปเดินเล่น แต่จนถึงป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่กลับมาเลยเพคะ ใต้เท้าหวังไม่เคยเป็นเช่นนี้ อีกทั้งวันนี้ยังเป็นงานเลี้ยงของฝ่าบาท ใต้เท้าให้ความสำคัญอย่างมาก หม่อมฉันขอร้องให้ฝ่าบาทช่วยส่งคนไปตามหาใต้เท้าหวัง หม่อมฉันกลัวว่า…”
เซี่ยหวนอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเรียกหลิวเหวินอันมา “เจ้าให้คนไปตามหาเถอะ”
หลิวเหวินอันขานรับแล้วจึงจากไป เซี่ยหวนอวี่กล่าวว่า “ท่านทั้งห้าโปรดนั่งลงก่อนเถอะ เจิ้นเชื่อว่าใต้เท้าหวังจะไม่เป็นไร”เขาพูดพลางทอดสายตามองไปที่ลั่วชิงเหยียน
หัวใจของหยุนชางบีบแน่นแล้วจึงเห็นว่าเซี่ยหวนอวี่ทำท่าราวกับไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก่อนและหันศีรษะไป หยุนชางตะลึงงันแล้วจึงจำได้ว่าวันที่เข้าเฝ้านั้นลั่วชิงเหยียนไม่ได้มาด้วย เมื่อวันนี้เซี่ยหวนอวี่ว่ามีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เขาย่อมต้องสงสัยอยู่บ้าง
ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่ก็เห็นซูฉีเอ่ยปากขึ้นด้วยท่าทางประหลาด “ไม่ได้กลับมาทั้งคืน? ไปเมาอยู่ที่ห้องสาวงามคนไหนหรือเปล่า? ใต้เท้าหวังยังหนุ่มแน่น เรื่องบางเรื่องเราย่อมเข้าใจไปตามธรรมชาติ เพียงแต่ใต้เท้าหวังรูปโฉมเช่นนั้น… ไม่รู้ว่าหญิงงามคนนั้นจะเป็นผู้ใดกัน…”
หยุนชางเข้าใจความหมายในคำพูดของซูฉี นางขมวดคิ้วแล้วมองไปทางเขา “หญิงสาวหรือ เกรงว่าแขกประจำของแม่นางเหล่านั้นจะเป็นใต้เท้าซูเสียมากกว่า ได้ยินมาว่าลูกคนสุดท้องของใต้เท้าซูยังอายุไม่ถึงขวบดี ส่วนแม่ของลูกก็คือ…”
บางครั้งการไม่พูดจนจบประโยคจึงจะเหนือกว่า หยุนชางมองไปที่ซูฉีอย่างมีความหมาย ดวงตาของนางแฝงแววเย้ยหยันเล็กน้อย
“เจ้า!” ซูฉียืนขึ้นทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ หยุนชางมองเห็นเหล่าข้าราชบริพารที่เฝ้าดูด้วยความถูกใจ ในใจนางจึงลอบยิ้ม ขุนนางเหล่านี้ปลิ้นปล้อนเป็นที่สุด พวกเขาย่อมรู้ว่าอนุคนใหม่ที่ซูฉีรับเข้าจวนมามีสถานะเป็นอย่างไรโดยไม่ต้องให้หยุนชางกล่าวออกมาอย่างชัดเจน
“ใต้เท้าซูนั่งลงเถอะ”เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้วมองซูฉี ดวงตาของเขาฉายแววไม่พอใจ
ซูฉีรับใช้ใกล้ชิดอยู่ข้างกายเซี่ยหวนอวี่มานานหลายปีแล้ว เขาย่อมรู้นิสัยของเซี่ยหวนอวี่เป็นอย่างดี แค่ฟังน้ำเสียงของเขาก็รู้แล้วว่านายเหนือหัวของตนไม่ค่อยพอใจนัก ดังนั้นเขาจึงรับคำและนั่งลงในที่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว ทั้งยังดื่มเหล้าไปเรื่อยๆ อย่างเหนื่อยหน่าย
ลั่วชิงเหยียนเหลือบมองซูฉีแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง เขาโน้มตัวไปกระซิบที่หูของหยุนชางสองสามคำ หยุนชางขมวดคิ้วและหันศีรษะไปพยักหน้าเบาๆ เนื่องจากไม่รู้ว่าหวังจิ้นฮวนหายไปไหน พวกหยุนชางจึงไม่มีอารมณ์ร่วมสนุก ดังนั้นบรรยากาศของงานเลี้ยงในวังทั้งหมดจึงค่อนข้างอึมครึม
ลั่วชิงเหยียนนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงอ้างว่าเขาจะไปปลดทุกข์ลุกออกจากที่นั่งและตำหนักไท่จี๋ไปอย่างเงียบๆ
หยุนชางรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมายังนาง ไม่ต้องมองกลับไปก็สามารถเดาได้ว่าเป็นใคร นางแอบถอนหายใจอยู่ในใจ ดูเหมือนหลิ่วหยินเฟิงจะสงสัยนาง
หยุนชางก้มหน้าดื่มชา นางรำในตำหนักยังคงร่ายรำอยู่ หยุนชางสงบสติอารมณ์ของนางลงและเพียงมองดูถ้วยชาที่อยู่ข้างหน้านางอย่างเงียบๆ
ไม่นานลั่วชิงเหยียนก็กลับมาและพยักหน้าให้หยุนชาง นางจึงรู้สึกสงบลงเล็กน้อย
งานเลี้ยงในวังนั้นช่างน่าเบื่อ จนกระทั่งในยามที่กำลังจะสิ้นสุดลงก็มีวิ่งเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับหลิวเหวินอัน หลิวเหวินอันได้ยินเช่นนั้นก็ผงะไป ก่อนที่จะก้มลงไปกระซิบพูดคุยกับเซี่ยหวนอวี่
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเซี่ยหวนอวี่ก็เงยหน้าขึ้นมองหยุนชางพลางขมวดคิ้วและกล่าวว่า “หาใต้เท้าหวังพบแล้ว”
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองท่าทางของเซี่ยหวนอวี่ หัวใจของนางก็กระตุกอย่างแรงและรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง นางถึงรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “ตอนนี้ใต้เท้าหวังอยู่ที่ใดหรือเพคะ?”
ดวงตาของเซี่ยหวนอวี่บึ้งลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หอจุ้ยเฟิ่ง”
แม้ว่าหยุนชางเพิ่งมาถึงเมืองจิ่นได้ไม่นาน แต่ก็ได้ยินชื่อของหอจุ้ยเฟิ่งมาบ้าง นั่นเป็นชื่อของหอคณิกา หวังจิ้นฮวนไปที่หอคณิกาหรือ? หยุนชางขมวดคิ้วและแอบสาปแช่งในใจอย่างลับๆ คิดว่าเมื่อหวังจิ้นฮวนกลับมาแล้ว นางจะต้องด่าเขาจนสาแก่ใจ ช่างไม่ดูสถานการณ์เอาเสียเลย บังอาจไปเที่ยวเล่นที่หอคณิกาจนลืมเรื่องสำคัญเช่นงานเลี้ยงในวังไปได้
หยุนชางหันไปมองลั่วชิงเหยียนที่อยู่ข้างกายนาง แต่กลับเห็นว่าคิ้วของเขาขมวดมุ่นเล็กน้อยและท่าทางค่อนข้างแปลกใจ
หยุนชางยังไม่ทันมีเวลาหาเหตุผลที่ทำให้เขาประหลาดใจก็ได้ยินเซี่ยหวนอวี่พูดขึ้นอีกครั้ง “เกรงว่าคงอีกสักพักกว่าใต้เท้าหวังจะปลีกตัวออกมาได้ เมื่อครู่ตอนที่ทหารพบเขา เขานอนก็อยู่บนเตียงของนางคณิกา แต่นางคณิกาผู้นั้นกลับถูกใครบางคนฆ่าตายอยู่ข้างเตียง”
“อะไรนะ?”หยุนชางตกใจ สีหน้าของนางเย็นชาขึ้นในทันใด ดวงตาก็ฉายแววเย็นเยียบออกมาเช่นกัน หากบอกว่าเมื่อครู่ที่ได้ยินว่าหวังจิ้นฮวนอยู่ที่หอจุ้ยเฟิงนั้นนางรู้สึกแปลกใจและโกรธเคืองเล็กน้อย ตอนนี้ที่ได้ยินเซี่ยหวนอวี่กล่าวว่านางโลมผู้นั้นเสียชีวิตอยู่ในห้องของนางและหวังจิ้นฮวนกำลังนอนอยู่บนเตียงของนาง หยุนชางจึงเข้าใจได้ในทันทีว่าหวังจิ้นฮวนตกลงไปในกับดักของคนร้ายแน่
หยุนชางหันไปสบตากับลั่วชิงเหยียนก่อนที่จะยืนขึ้นและเอ่ยว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ประหลาดนัก”
“ประหลาดงั้นหรือ?”เซี่ยหวนอวี่ยิ้มเล็กน้อย “ประหลาดตรงไหนกัน? ตอนที่องครักษ์พบหวังจิ้นฮวน ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า กลิ่นเหล้าในห้องนั้นแรงจนอาจทำให้คนดื่มเหล้าไม่เป็นเมาค้างไปทั้งคืน ใต้เท้าหวังเมามายไม่ได้สติ เกรงว่าทำอะไรลงไปก็คงจำไม่ได้แล้ว”
หยุนชางส่ายหัว “ฝ่าบาทอาจไม่รู้ว่าใต้เท้าหวังภูมิใจกับรูปร่างหน้าตาของเขามากและไม่เคยสนใจผู้หญิงที่หน้าตาไม่ดีเท่าเขา ที่หม่อมฉันกล่าวว่าเรื่องนี้แปลกเป็นเพราะหากนางคณิกาผู้นั้นหน้าตาไม่ดีเท่าเขา อย่าว่าแต่ดื่มเหล้าเลย แม้พูดกับนางสักคำ เกรงว่าใต้เท้าหวังคงไม่เต็มใจเสียด้วยซ้ำ ในเมื่อแม้แต่พูดก็ไม่อยากพูดด้วย แล้วเขาจะไปนอนหลับอยู่ในห้องของนางได้อย่างไร?”
“เฮอะ เหตุผลข้างๆ คูๆ” ซูฉีแค่นเสียงกล่าว
หยุนชางขมวดคิ้ว นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่าที่นี่คือแคว้นเซี่ยและตัวตนของพวกเขาในขณะนี้ก็เป็นเพียงทูตจากแคว้นหนิงเท่านั้น นอกจากนั้นในวันที่มาเข้าเฝ้า พวกเขาก็ได้ทำให้คนจำนวนมากขุ่นเคืองใจ เกรงว่าคนที่ต้องการเล่นงานหวังจิ้นฮวนจะมีจำนวนไม่น้อย ยามนี้เมื่อสบโอกาสแล้วย่อมต้องคว้าไว้ไม่ให้หลุดมือ