ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 487 การเข้าเฝ้า
ไม่ค่อยไว้วางใจก็ไม่แปลก หยุนชางคิดในใจ
“ไม่ทราบว่าคณะทูตทั้งห้าเดินทางมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใด?” เซี่ยหวนอวี่ทอดพระเนตรไปยังคณะทูตแต่ละคน เขาหยุดมองหวังจิ้นฮวนอยู่ครู่หนึ่ง ถัดไปก็เป็นหยุนชาง หยุนชางได้แต่ก้มหน้าก้มตา มิเอ่ยคำใดออกมา
หวังจิ้นฮวนเอ่ยปากขึ้นเป็นคนแรก “อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิหนิง จักรพรรดิหนิงและจิ่นกุ้ยเฟยทรงระลึกถึงองค์หญิงหยุนชาง จึงทรงมอบหมายให้หม่อมฉันเดินทางมายังแคว้นเซี่ยเพื่อมาเยี่ยมเยียนองค์หญิงหยุนชาง วันคล้ายวันพระราชสมภพทุกๆปีที่ผ่านมา องค์หญิงหยุนชางมักจะเตรียมของขวัญที่น่าสนใจเอาไว้เสมอ แต่ว่า หลังจากที่หม่อมฉันเดินทางข้ามชายแดนเข้ามาแล้ว ก็ได้ยินข่าวลือระหว่างทางว่า เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับองค์หญิงหยุนชาง หม่อมฉันจึงใคร่อยากทูลถามพระองค์ว่า ความจริงเป็นเช่นไรกันแน่พ่ะย่ะค่ะ……”
เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้ว สักพักจึงตอบว่า “ไม่กี่วันก่อน พระชายารุ่ยอ๋องเสด็จไปไหว้พระขอพรที่วิหารหานอวิ๋น ระหว่างทาง นางได้พบกับโจรภูเขา นางโชคร้ายถูกพวกมันสังหารจนสิ้นพระชนม์”
โจรภูเขา หยุนชางคิดในใจ เขาช่างเข้าใจหาเหตุผลมาอ้างจริงๆ
หวังจิ้นฮวนยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “เช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? โจรภูเขา? เมื่อครั้งยังอยู่ที่แคว้นหนิง จักรพรรดิหนิงทรงรักใคร่เอ็นดูองค์หญิงหยุนชางเป็นอย่างมาก ถึงกับพระราชทานสายลับส่วนพระองค์จำนวนมากให้กับองค์หญิงหยุนชาง เพื่อคอยคุ้มกันภัยให้กับองค์หญิง หม่อมฉันไม่นึกเลยว่า โจรภูเขาที่แคว้นเซี่ยจะมีฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนี้ ถึงกับเอาชนะเหล่าสายลับได้ ไม่ทราบว่าฮ่องเต้จะทรงบอกหม่อมฉันได้หรือไม่ว่า โจรภูเขานั่นอาศัยอยู่ที่ภูเขาลูกใด หม่อมฉันอยากจะไปขอพบพวกเขาดูสักครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยหวนอวี่นึกไม่ถึงเลยว่า ทูตจากแคว้นหนิงที่มีท่าทีเหยาะแหยะผู้นี้จะกล้าพูดถึงเพียงนี้ เขากล้าตอกกลับพระราชดำรัสของเซี่ยหวนอวี่ เซี่ยหวนอวี่หรี่ตาจ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก เขาลูบพระธำมรงค์หยกที่ทรงสวมอยู่ที่นิ้วหัวแม่มือ
หยุนชางมองออกแล้วว่า เซี่ยหวนอวี่ในตอนนี้กำลังรู้สึกขุ่นเคือง เขามักจะเคยชินกับการลูบพระธำมรงค์หยกอยู่บ่อยๆ นางเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยปากพูดบางอย่างขึ้นมา
“ใต้เท้าหวังมักจะพูดจาตรงไปตรงมา ขอฮ่องเต้โปรดทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ แต่การที่เกิดเรื่องขึ้นกับองค์หญิงฮุ่ยกั๋วหลังจากที่นางเสด็จมาที่แคว้นเซี่ยได้เพียง 3 เดือน หากจักรพรรดิหนิงได้ทรงทราบ คงจะทรงพิโรธอย่างหนักเป็นแน่ พวกหม่อมฉันไม่รู้จริงๆว่าจะไปกราบทูลเรื่องนี้ให้จักรพรรดิหนิงทรงทราบอย่างไรดี ด้วยรู้ดีว่า องค์หญิงฮุ่ยกั๋วนั้นทรงเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของจักรพรรดิหนิงพ่ะย่ะค่ะ……”
เมื่อเซี่ยหวนอวี่ได้ฟัง ก็ตรัสอย่างเยือกเย็นว่า “ช่างน่าเศร้าใจจริงๆ องค์หญิงฮุ่ยกั๋วในตอนนี้มีฐานะเป็นพระชายารุ่ยอ๋องแห่งแคว้นเซี่ย เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ข้าเองก็รู้สึกแค้นเคืองยิ่งนัก แต่ว่านางก็ได้จากไปแล้ว ไม่ว่าจักรพรรดิหนิงจะทรงพิโรธและทรงตำหนิอย่างไร ข้าเองก็ไม่สามารถพาพระชายารุ่ยอ๋องกลับมาได้อีกแล้ว”
“หม่อมฉันทราบดีพ่ะย่ะค่ะ แต่การสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงหยุนชางนั้นดูออกจะคลุมเคลือไปนิด ที่ฮ่องเต้รับสั่งว่าเป็นฝีมือโจรภูเขานั้น หม่อมฉันอยากจะทราบว่า โจรพวกนั้นอยู่ที่ใดกันแน่ แม้แต่สายลับยังสู้พวกเขาไม่ได้ ในเมื่อโจรภูเขาแห่งแคว้นเซี่ยมีความเก่งกาจถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดจึงไม่ช่วยทำให้แคว้นเซี่ยยึดครองแคว้นอื่นได้สำเร็จเสียทีล่ะพ่ะย่ะค่ะ” หวังจิ้นฮวนพูดอย่างไม่กลัวตาย เมื่อครั้งยังอยู่ที่แคว้นหนิง เขาก็ชินกับการพูดจาหาเรื่องเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว นับประสาอะไรที่เขาจะต้องเกรงกลัวเซี่ยหวนอวี่
หยุนชางหัวเราะเยาะในใจ แล้วฟังหวังจิ้นฮวนพูดต่อ “แล้วอีกอย่าง หม่อมฉันได้ยินมาว่า วันก่อนมีพิธีฝังพระศพที่จวนรุ่ยอ๋อง ปรากฏว่ามีคนเข้ามาก่อความวุ่นวาย เขาเปิดฝาโลงออก แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ภายในโลงนั้นกลับว่างเปล่า หม่อมฉันใคร่ขอทูลถามฮ่องเต้ แคว้นเซี่ยมักเกิดความโกลาหลเช่นนี้จนเป็นเรื่องปกติหรือพ่ะย่ะค่ะ? แม้กระทั่งพิธีฝังพระศพก็ยังมีคนเข้ามาก่อความวุ่นวายได้? แล้วก็ ที่พระองค์เพิ่งตรัสไปว่า องค์หญิงก็ได้จากไปแล้ว พระศพล่ะพ่ะย่ะค่ะ? การที่องค์หญิงต้องมาสิ้นพระชนม์นอกบ้านเกิดเมืองนอนก็นับว่าเป็นเรื่องที่รันทดแล้ว แต่นี่พระศพก็ยังหายไปอีก หม่อมฉันได้เขียนจดหมายส่งกลับไปถวายจักรพรรดิหนิงแล้ว ไม่ทราบว่าพระองค์จะเตรียมการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
นัยน์พระเนตรของเซี่ยหวนอวี่ราวกับมีกองไฟลุกโชน แต่เขาก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ปริปาก
“บังอาจ” ซูฉีลุกขึ้นยืน เขามองมาที่หวังจิ้นฮวนด้วยความโกรธแค้น
เมื่อหวังจิ้นฮวนได้ยินก็หัวเราะออกมา “ท่านผู้นี้คือ? ซูไท่เว่ยใช่หรือไม่?” เมื่อถามจบ เขาก็พูดต่อไปว่า “ท่านบอกว่าข้าบังอาจ งั้นข้าก็ขอพอแค่นี้ก่อน แต่ว่า หากพวกท่านยังคงหาเบาะแสที่ฟังดูเข้าทีมารายงานไม่ได้ แคว้นหนิงของเราไม่มีทางยอมแน่” แต่ก็ถูกหวังจิ้นฮวนตัดบทเสียก่อน “จริงสิ ได้ยินว่าจิ้งอ๋องยังไม่ทรงทราบว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายา เมื่อครั้งยังอยู่ที่แคว้นหนิง จิ้งอ๋องทรงรักและหวงแหนพระชายามากจนเป็นที่กล่าวขาน หากจิ้งอ๋องได้ทราบเรื่องนี้และโกรธขึ้นมา คงจะแย่ไม่น้อยเลยนะ”
“ใต้เท้าหวังมาเยือนแคว้นเรา ถือเป็นเกียรติสำหรับแคว้นเรายิ่งนัก เรื่องของพระชายารุ่ยอ๋อง พวกเราต่างก็เศร้าโศกเสียใจไปตามๆกัน พวกเราจะต้องตามล่ามือสังหารมาให้จงได้ และจะต้องนำพระศพของพระชายากลับมา ขอใต้เท้าโปรดวางใจ ตอนนี้เรือนรับรองได้เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว เชิญใต้เท้าไปพักผ่อนก่อน หากมีความคืบหน้าใดๆ พวกเราจะรายงานให้พวกท่านทราบในทันที” อ๋องเจ็ดเดินเข้ามา เขาแสดงความนับถือต่อหวังจิ้นฮวน คำพูดคำจาที่เขาใช้ก็ล้วนอ่อนน้อมและมีมารยาท
หวังจิ้นฮวนกำลังจะพูดต่อ แต่พลันได้ยินเสียงคนตะโกนด้วยน้ำเสียงลนลานอยู่ภายนอก “ทูลฮ่องเต้……”
หยุนชางตั้งใจฟัง นี่คงเป็นการรายงานสถานการณ์ทางการทหาร มีเพียงกรณีนี้เท่านั้นที่เหล่าทหารจะใช้เป็นเหตุผลเข้ามาในเขตพระตำหนักได้
หยุนชางครุ่นคิด ตอนนี้แคว้นหนิงและแคว้นเซี่ยก็อยู่ในช่วงสัญญาสงบศึก หากจะเป็นเสด็จพ่อส่งทหารมาโจมตีด้วยเรื่องที่ตนเสียชีวิต ก็เห็นทีจะเร็วเกินไป สงครามเดียวที่แคว้นเซี่ยกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ก็มีเพียงการไปปราบปรามความไม่สงบในชุมชนชาวหย่า หรือว่า จะมีข่าวมาจากชุมชนชาวหย่า?
เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้ว เขาจ้องไปที่คนทั้งห้าที่อยู่เบื้องหน้า ครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วจึงตอบกลับไปว่า “มีเรื่องอะไร”
มีเสียงกล่าวรายงานดังขึ้น “นายทหารส่งสารขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ……” จากนั้นประตูตำหนักก็ปรากฏร่างนายทหารสวมชุดเกราะเดินเข้ามา ในมือของเขาถือสารเข้ามาด้วย เขาคุกเข่าลงตรงเบื้องพระพักตร์ “ถวายบังคมฮ่องเต้……” พูดจบก็นำสารยกขึ้นเหนือหัว “เรื่องด่วนจากกองทัพพ่ะย่ะค่ะ รุ่ยอ๋องทรงทราบเรื่องพระชายาแล้ว เขายุติความสนใจต่อภารกิจทางการสงคราม และเสด็จออกมาจากค่ายพักแรมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางอึ้ง นางได้เขียนจดหมายไปชี้แจงให้เขาได้ทราบแล้วนี่ เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้?
ในใจของหยุนชางพลันรู้สึกเจ็บปวด ท่ามกลางสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้ นางคิดแค่เพียงว่า หากลั่วชิงเหยียนได้อยู่เคียงข้างนางในเวลานี้ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ นางได้แต่เก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ และหันหน้ามาเผชิญความเป็นจริง ช่วงเวลานี้ทำให้นางได้รู้ว่า จริงๆแล้ว หลายต่อหลายครั้ง นางไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอะไรเลย ทุกครั้งที่เจอปัญหาถาโถมเข้ามาใส่ นางก็มักหวังที่จะพึ่งพาลั่วชิงเหยียนอยู่เสมอ
“เลวมาก!” เสียงตวาดของเซี่ยหวนอวี่เรียกสติของหยุนชางกลับมาอีกครั้ง หยุนชางเงยหน้าขึ้นมาดูก็เห็นว่าเซี่ยหวนอวี่โกรธจนเส้นเอ็นปรากฏขึ้นบนหน้าผาก พระพักตร์ของเซี่ยหวนอวี่ดูดุดันเป็นที่สุด
“ไปขวางเขาเอาไว้ อย่าให้เขากลับมายังเมืองจิ่นได้ นี่เป็นคำสั่งจากข้า ข้าขอสั่งให้เขากลับไปยังชุมชนชาวหย่า” เซี่ยหวนอวี่ตรัสด้วยความโมโห
หวังจิ้นฮวนแสยะยิ้ม “หม่อมฉันเพิ่งจะบอกพระองค์ไปเมื่อครู่นี้เอง ท่านอ๋องทรงรักและหวงแหนพระชายาเหนือสิ่งอื่นใด หากท่านอ๋องทรงทราบเรื่องพระชายาแล้วจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ พระองค์ทรงคิดว่า เขาจะไม่แยแสต่อความเป็นความตายของภรรยาทั้งคนงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน “พวกหม่อมฉันขอทูลลาก่อน ขอพระองค์ทรงพระเจริญพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากตำหนักไท่จี๋ ขั้นบันไดหน้าตำหนักไท่จี๋มี 99 ขั้น ระหว่างที่เดินตามหวังจิ้นฮวนอยู่นั้น ก็ได้ยินหวังจิ้นฮวนพูดขึ้นเบาๆว่า “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าลั่วชิงเหยียนนั่นคงจะทนใจเย็นทำงานตามรับสั่งของเซี่ยหวนอวี่ต่อไปไม่ไหว รอเขากลับมา เขาคงได้อาละวาดหนักไปทั่วเมืองจิ่นแน่ ฮาๆ ข้าล่ะอดใจรอวันนั้นไม่ไหวเสียแล้ว”
หยุนชางได้ฟังก็ตวาดใส่หวังจิ้นฮวนที่มีท่าทางสบายอกสบายใจ “แต่ข้ากลับคิดว่า เจ้าอาจจะไม่มีวันนั้นก็เป็นได้ เมื่อครู่ เจ้าบังอาจไปลูบคมเซี่ยหวนอวี่และซูฉี ไม่รู้ว่าเจ้าจะมีโอกาสตื่นมาดูพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้อยู่หรือเปล่าน่ะสิ”
หวังจิ้นฮวนหันมาและหรี่ตามองไปที่หยุนชาง “เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าถนัดเรื่องอะไรมากที่สุด?”
หยุนชางครุ่นคิดสักพักแล้วก็ส่ายหน้า “สิ่งที่ข้าถนัดที่สุดก็คือวิชาตัวเบา การหลบหลีกเอาตัวรอด รับรองว่าไม่มีผู้ใดสู้ข้าได้แน่ เซี่ยหวนอวี่ทั้งแก่ทั้งอัปลักษณ์ ยังบังอาจมายุ่งกับหนิงเชียนของข้า ข้าไม่ชักดาบจ้วงเข้าใส่ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
หวังจิ้นฮวนพูดจบ ก็เก็บอาการหลงระเริงแล้วทำสีหน้าปกติ “เมื่อครู่นี้ข้าได้กลิ่นแปลกๆมาจากตัวอ๋องเจ็ด เหมือนจะเป็นกลิ่นควันธูป แต่กลิ่นธูปที่คนทั่วไปใช้ก็มีอยู่กลิ่นเดียว แต่กลิ่นที่ติดตัวเขามา มีทั้งกลิ่นซูเหอเซียง เกาเหลี่ยงเกีย ซิงอี้ และตะไคร้ และดูเหมือนจะมีกลิ่นฮวยเจียแทรกอยู่ด้วย”