ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 466 การพบปะ
ทันใดนั้นทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองจิ่น อย่างไรก็ตาม ฮูเหรินน้อยหลิ่วไม่ใช่นายหญิงจวนกั๋วกง เช่นนั้นก็คงไม่มีความคับแค้นอะไรกับคนใช้ในจวนกั๋วกง แต่เหตุใดคนใช้นั้นจึงได้วางยาพิษฮูเหรินน้อยหลิ่ว? คนส่วนใหญ่ล้วนคิดว่า อาจเป็นคำสั่งของนายท่านคนใดคนหนึ่งในจวนกั๋วกงกระมั้ง
เมื่อเรื่องไปถึงหูหยุนชาง หยุนชางกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง นางตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ผ่านไปไม่นานอ๋องเจ็ดคงลืมสิ้นความเจ็บปวดแล้วกระมั้ง คงลืมบทเรียนเมื่อครั้งอยู่แคว้นหนิงไปแล้ว”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ นางก็พูดอีกครั้งว่า “ก่อนหน้านี้เจ้ากล่าวว่า รองเจ้ากรมอาญาที่รับตำแหน่งใหม่นั้นชื่อว่ากระไรหรือ?”
เฉี่ยนอินรีบพูด “ชื่อว่าหลี่เฉี่ยนโม่เพคะ”
หลี่เฉี่ยนโม่ มือของหยุนชางค่อยๆปัดผ่านหนังสือที่อยู่ในมือ และยิ้มมุมปากขึ้นมา “เปลี่ยนชุดให้ข้าเถิด”
เฉี่ยนอินพยักหน้า “ห้าวันแล้ว” ขณะที่พูด นางก็หยิบกระโปรงสีฟ้าออกจากกล่องแล้วหยิบเสื้อคลุมสีขาวแขนกว้างสวมให้หยุนชาง จากนั้นก็ปล่อยผมหยุนชาง และหวีเป็นทรงมวยร้อยดอกไม้
เมื่อเข้าไปในพระราชวัง หนิงเฉี่ยนเพิ่งตื่นหลังพักกลางวัน เมื่อได้ยินว่าหยุนชางมาพบ นางก็สวมเสื้อเพียงหนึ่งชั้นและกล่าวว่า “รีบเชิญพระชายาเข้ามา”
หยุนชางเดินเข้ามาและเห็นว่าหนิงเฉี่ยนมิได้แต่งกาย นางก็แอบและเปล่งเสียงขึ้นว่า “ช่างเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์จริงๆ”
หนิงเฉี่ยนหัวเราะออกมาดังๆ “นายหญิงหยอกล้อข้าเถิด ข้าเป็นเช่นนี้เพราะได้ยินว่านายหญิงมา และมิอาจให้นายหญิงรอช้า จึงได้รีบเชิญนายหญิงเข้ามา”
หลังจากพูดเช่นนี้ ก็สั่งให้เฉี่ยนเสี้ยวที่ยืนอยู่ข้างๆสวมเสื้อให้นาง นางสวมเสื้อพร้อมมองไปที่หยุนชาง “เรื่องคดีฮูเหรินน้อยหลิ่วนั้นข้าได้ยินมาแล้ว และคิดว่านายหญิงคงจะมาหาข้าแล้ว”
หยุนชางพยักหน้า “ก่อนหน้านี้เจ้าและข้าได้เห็นเอกสารที่ระบุคนแคว้นหนิงที่เราแอบวางไว้ที่แคว้นนี้ ข้ารู้สึกเหมือนว่าเคยเห็นชื่อหลี่เฉี่ยนโม่ และรองเจ้ากรมอาญาที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเหมือนจะชื่อหลี่เฉี่ยนโม่เช่นกัน”
“ใช่แล้วเพคะ เขาคือคนของเรา” หนิงเฉี่ยนรีบตอบอย่างรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้ที่ข้ามาถึงแคว้นเซี่ย ก็ได้สั่งให้หลี่เฉี่ยนโม่จบการฝึกและมาที่เมืองจิ่น และได้สร้างสถานการณ์พิเศษขึ้นมาเพื่อให้เขาได้มีโอกาสช่วยองค์ชายสิบเอ็ดเอาไว้ เสิ่นซู่เฟยเห็นแก่บุญคุณของเขา จึงได้เรียกเขาเข้าเฝ้า และชื่นชมในความสามารถของเขา จึงได้แนะนำให้ฝ่าบาท”
หยุนชางยิ้ม “ก็ดีเหมือนกัน และในเวลาอันสั้น เขาก็ไต่ไปถึงตำแหน่งรองเจ้ากรมอาญา”
“เป็นความจริงที่เขามีความสามารถ แต่เรื่องนี้ก็มาจากความช่วยเหลือของเสิ่นซู่เฟยอยู่ไม่น้อย เสิ่นซู่เฟยคงอยากจะฝึกฝนให้เขาเป็นคนสนิทของตน ต่อไปจะได้คอยช่วยเหลือองค์ชายสิบเอ็ด
“คดีนี้ ประเดี๋ยวข้าจะตามตัวเฉี่ยนโม่มาสอบถาม และดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” หนิงเฉี่ยนกล่าวด้วยเสียงต่ำ “หากมีข่าวกระไรจะติดต่อนายหญิงทันที”
หยุนชางพยักหน้าและพูดเตือนว่า ” ในเมื่อเสิ่นซู่เฟยมีความคิดเช่นนี้ เช่นนั้นก็อย่าให้เสิ่นซู่เฟยเห็นว่าเจ้าพบกับเฉี่ยนโม่ มิเช่นนั้นข้าเกรงว่าการที่เราเตรียมมาทั้งหมดจะล่มเพราะการนี้เอา”
หนิงเฉี่ยนได้ยินเช่นนี้ จึงอมยิ้มและตอบรับไว้ “ตอนนี้เสิ่นซู่เฟยไม่มีเวลามายุ่งเรื่องพวกนี้หรอก ตั้งแต่ที่เกิดการจลาจลของชาวหย่าขึ้น เสิ่นซู่เฟยก็ได้รับผลกระทบ ฝ่าบาทมิได้เสด็จที่วังซู่หย่าของนางเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้นางกำลังคิดหาทุกวิถีทางเพื่อทวงคืนความโปรดปรานของฝ่าบาทอยู่ เพียงเพราะว่าบรรพบุรุษของนางเป็นชาวหย่า และท่านพ่อท่านแม่ของนางก็มีชื่อเสียงในหมู่ชาวหย่าอีกด้วย ครั้งนี้คงเป็นงานยากแล้วล่ะ”
“คนชาวหย่าหรือ?” หยุนชางก็เงยหน้าขึ้นมองหนิงเฉี่ยนทันที “เจ้าบอกว่าเสิ่นซู่เฟยเป็นชาวหย่าหรือ?”
หนิงเฉี่ยนพยักหน้า “ใช่เพคะ ฝั่งชาวหยี่นั้นมีป่าไม้เยอะ ถือว่ายากจนในแคว้นเซี่ย ฉะนั้นนางจึงถูกพ่อแม่ของตนขายให้กับพระราชวังในฐานะนางกำนัล พ่อแม่ของนามเดิมเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาในหมู่ชาวหย่า แต่เมื่อนางได้รับความโปรดปราน พ่อแม่นางจึงได้มีชื่อเสียงขึ้นในหมู่ชาวหย่า แต่จะว่าไปก็แปลกใจอยู่เล็กน้อย เพราะเสิ่นซู่เฟย ฝ่าบาททรงดูแลชาวหย่าอย่างมากแล้ว และความเป็นอยู่ของชาวหย่าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดจู่ๆจึงเกิดการจลาจลขึ้นมา”
หยุนชางรู้สึกระแวงขึ้นทันที และหลังจากเงียบไปนาน นางก็ถามช้า ๆ ว่า “เสิ่นซู่เฟยเป็นคนอย่างไร?”
เฉี่ยนอินเอียงศีรษะและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ร่างกายของเสิ่นซู่เฟยไม่ค่อยดีนัก น้อยครั้งที่นางจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ตั้งแต่ที่ข้าเข้าวังมา ได้เจอนางเพียงสามครั้งเท่านั้น ข้าก็เคยสงสัยและได้สอบถามนางกำนัลแก่ๆในวัง จากคำพูดของนางกำนัลส่วนมาก เสิ่นซู่เฟยเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน เสิ่นซู่เฟยคยนางกำนัลส่วนพระราชินี นางกำนัลที่อยู่รอบตัวฮองเฮาจะมากจะน้อยล้วนก็หยิ่งยโสอยู่บ้าง มีเพียงเสิ่นซู่เฟยเท่านั้นที่พบคนทีไรก็ส่งยิ้มให้ แม้แต่เมื่อนางได้ครองตำแหน่งซู่เฟยแล้ว นางก็อ่อนโยนและสุภาพต่อนางกำนัลและนางสนมชั้นล่างเสมอ ฉะนั้นแม้ว่าพระราชินีจะมิโปรดซู่เฟย แต่ในวังหลังนี้เสิ่นซู่เฟยไม่เคยถูกเมินเฉยเลย แม้แต่ในยามยากลำบากที่สุด นางกำนัลในวังไม่เคยหักหรืองดให้เงินแต่ละเดือนกับเหล่านางกำนัลในวังของเสิ่นซู่เฟยเลย”
“ผู้หญิงเช่นนี้รู้จักอดทนอดกลั้น หากคบเป็นมิตรแน่นอนว่าคงจะดีอย่างมาก แต่หากเป็นศัตรู ก็คงจัดการได้ยาก” หยุนชางถอนหายใจเบา ๆ “แต่ว่า พวกเราและนาง ถูกลิขิตไว้แล้วว่ามิสามารถเป็นมิตรกันได้”
หยุนชางระงับลางสังหรณ์ที่เป็นลางร้ายในใจเอาไว้ และยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าเกรงว่า การจลาจลของชาวหย่านั้นเป็นแผน เผื่อที่จะหลอกให้ท่านอ๋องและฮวากั๋วกงหลงเข้าสู่แผนนี้”
หนิงเฉี่ยนตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางไม่ทราบว่าเหตุใดอยู่ดีๆหยุนชางจึงกล่าวเช่นนี้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าจะเดาสิ่งที่หยุนชางกำลังคิดได้ นางจึงเอ่ยปากว่า “เพียงแต่ว่า ชาวหย่านี้มิได้เกิดการจลาจลหลังจากที่ท่านอ๋องมาที่แคว้นเซี่ย แต่ก่อนหน้านี้ก็เริ่มไม่สงบแล้ว ข้าพอจำได้ว่า ฮองเฮาเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ในครั้งที่พวกเราไปถวายพระพรที่ตำหนักเว่ยหยาง ตอนนั้นเสิ่นซู่เฟยก็อยู่ ฮองเฮายังกล่าวประชดประชันว่าครอบครัวของเสิ่นซู่เฟยมิได้ทำหน้าที่ขุนนางให้ดี และสร้างความรำคาญใจให้กับฝ่าบาท ตอนนั้นเป็นช่วงไหนกันนะ อ๋อ นึกขึ้นได้แล้ว ตอนนั้นฝ่าบาทเสด็จที่แคว้นหนิง ดูเหมือนจะเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ทราบข่าวสิ้นพระชนม์ขององค์ราชทายาท”
หนิงเฉี่ยนขมวดคิ้ว ” ข้าจำได้ว่าช่วงนั้นพระราชินีอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ส่วนเสิ่นซู่เฟยที่น้อยครั้งที่จะปรากฏตัวถวายพระพรตอนเช้ากลับมาถี่ขึ้น นางคงอยากเห็นความอับอายของพระราชินีกระมั้ง ดูเหมือนว่าวันนั้นจะพูดถึงเรื่องที่ฝ่าบาทมิได้อยู่ในวัง และงานต่างๆยังต้องพึ่งพาเหล่าขุนนางอาวุโส และจู่ๆ พระราชินีก็ยกเรื่องของชาวหย่ามากล่าว และโกรธเคืองต่อเสิ่นซู่เฟยอย่างมาก หลังจากนั้นมาเสิ่นซู่เฟยก็มิได้ไปถวายพระพรยามเช้าอีกเช่นเคย”
“หลังจากทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท………” หยุนชางขมวดคิ้ว หากเป็นเช่นนี้ ก็คงมิได้มุ่งเป้ามาที่ท่านอ๋อง แต่ว่า เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำเล็กน้อย
หลังจากกลับไปที่จวน หยุนชางครุ่นคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าสิ่งที่น่าแปลกของเรื่องนี้คืออะไร เพียงแต่รู้สึกกังวล ตั้งแต่ที่รุ่นอ๋องออกรบจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่มีจดหมายตอบกลับเลย หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ นางจึงส่งสายลับไปตามหารุ่ยอ๋องที่ถิ่นชาวหย่า ตนก็ปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน มิได้คิดต่อ
ข่าวของหนิงเฉี่ยนมาเร็วอย่างมาก โดยบอกว่าคดีวางยาพิษฮูเหรินน้อยหลิ่วนั้นมิได้เป็นคำสั่งของใคร เพียงแต่ว่าผู้ติดตามของจวนกั๋วกงนั้นยอมรับทุกอย่างเรื่องการวางยาพิษ อีกทั้งยังสามารถบอกได้ว่าวางยาพิษกระไร และซื้อมาจากที่ใด แม้แต่เสี่ยวเอ้อร์ของร้านยาก็ยังให้การแล้วว่าเป็นจริง หลักฐานทุกอย่างนั้นชัดเจนอย่างมาก หลี่เฉี่ยนโม่อยากจะเข้าข้างแต่ก็ทำกระไรไม่ได้